.
..
...
ยายปานแกไม่ได้แก่ขนาดรุ่นราวยายผมหรอกครับแกอายุสักสี่สิบเศษๆจะพูดว่านับปีไล่ๆ กับมาดอนนาก็คงจะได้ เพียงแต่อย่าเปรียบหน้าตาสังขารแกเลย ออกจะห่างไกลกันอยู่มากด้วยความร่วงโรยของแกแหละครับ ที่ทำให้ผมและหลายๆ คนที่ฝ่ายฯสถาปนาแกเป็น
ญาติผู้ใหญ่สูงอายุ generation เดียวกับแม่ของพวกเรา
ถ้ายายปานแกไม่ได้มานอนโรงพยาบาล ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชาตินี้ แกจะมีโอกาสพบหมอฟันหรือเปล่า ถ้าจะให้เท้าความละก็เพราะคุณหมอจิ๋ว ผอ.คนขยันของผมนั่นเอง ที่เสนอความคิดที่จะให้โรงพยาบาลได้ดูแลคนไข้แบบองค์รวม อะไรที่ภาษาผรั่งเขาว่า โฮลิสตกโฮลิสติก ทำนองนั้นละครับไอ้ผมก็ไม่ค่อยสันทัดภาษาอังกฤษเท่าไรหลายๆ ฝ่ายเลยต้องไป round ward กับหมอด้วย ตั้งแต่ห้องยา กายภาพ ศูนย์ประกันสุขภาพที่ต้องไปดูแลสิทธิต่างๆ ของคนไข้ รวมทั้งให้สังคมสงเคราะห์ไปในตัว รวมทั้งฝ่ายเวชปฏิบัติครอบครัวที่ต้องไปดูแลกันถึงสภาพครอบครัว ทั้งฐานะความเป็นอยู่ รวมทั้งดูว่าเมื่อคนไข้กลับไปอยู่บ้านและจะมีคนดูแลหรือไม่ ห้องฟันของเราก็ไม่ยกเว้น เพียงแต่เราขออภิสิทธิ์ที่จะตรวจคนไข้ก่อน discharge ทุกรายที่ห้องฟัน แทนที่จะเป็นที่ward เพราะแสงสว่างเอย เครื่องไม้เครื่องมือเอย รวมทั้งความคุ้นเคยต่างๆนั้น มันสะดวกสบายกว่ากันเยอะว่างั้นเถอะ อันนี้แหละครับเป็นที่มาของ การพบทันตแพทย์เป็นครั้งแรกในชีวิตของคนไข้หลายคนรวมทั้งยายปาน ของผมด้วย
ยายปาน แกฟันดี ครบ 32 ซี่ ด้วยซ้ำ เรียงตัวสวยเชียวแหละแต่หินปูนสิ เขรอะไปหมดทั้งปาก ลักษณะแบบนี้ที่หลายคนเปรียบเทียบไว้กับกำแพงเมืองจีน หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก สอบถามกันแล้วแกบอกของแกว่าแกไม่ค่อยได้แปรงฟันหรอกนานๆจึงได้แปรงสักครั้งได้ฟังอย่างนี้ หมอฟันอย่างเราไหนเลยจะทนได้ละครับ เลือดสีม่วงมันสูบฉีดขึ้นหน้าแรงเหลือเกิน เผลอตะคอกแกไปว่า ทำไมไม่แปรงฟัน เท่านั้นแหละครับละครชีวิตหลายตอนจบก็พรั่งพรูออกมาปนกับเสียงสะอื้นและหยาดน้ำตาของแกทำเอาทั้งหมอทั้งผู้ช่วยร่ำๆ จะผสมโรงกับแกไปด้วย
ยายปานแกเป็นแม่หม้าย มีลูกชายเรียนชั้นประถมอยู่หนึ่งคน เป็นภาระให้ดูแล มีผัวใหม่สูงอายุที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อีกหนึ่ง ลูกแกนั้นได้แปรงฟันอยู่ครับ เพราะอยากให้ลูกมีอะไรเหมือนที่ลูกคนอื่นเขามี ตัวแกไม่ปัญญาซื้อแปรงได้หรอก อาศัยนานๆทีหยิบยืมแปรงสีฟันของลูกชายมาใช้บ้าง พอไม่ให้สกปรกนัก อย่าว่าแต่แปรงสีฟันเลย โรคนิ่วของแกที่ต้องไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลจังหวัด แกก็ไม่มีปัญญาจะไปค่าหมอหยูกยาแกก็ไม่ได้เสียอะไรเพราะแกมีบัตรสงเคราะห์ ตอนแรกก็สงสัยว่า เอ๊ะ! แล้วอย่างนี้จะเอาอะไรอีก แกบอกว่าลำพังค่าจ้างรายวันของแกที่ทำงานได้ก่อนป่วย คงพอจะให้ลูกได้กินข้าวกินแจ่วไปได้วันๆแต่ถ้าเอาเป็นค่ารถ ค่ากิน หากต้องไปรักษาต่อแล้ว ลูกแกจะเอาอะไรกิน
ยายปาน แกกลับไปแล้วโชคดีที่ได้กองทุนสมเด็จพระเทพฯ ที่ศูนย์ประกันสุขภาพดูแลอยู่ช่วยสงเคราะห์ไปทั้งค่ารถค่ากินของแก ในช่วงที่แกต้องไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลจังหวัด ก่อนแกไปผมแอบให้ผู้ช่วยไปขโมยแปรงสีฟัน ยาสีฟันในห้องเก็บของของฝ่ายให้แกไป 5-6 ชุด แกจะได้มีแปรงสีฟันเป็นของตนเองเสียที เงินพันบาทอันน้อยเหลือเกินสำหรับใครหลายคน แต่คงมีค่ากับชีวิตและครอบครัวแกมากภาพที่แกมานั่งยองๆน้ำตานองหน้ายกมือท่วมหัว ขอบคุณผมอยู่ข้างๆ ยูนิตทำฟัน ก่อนกลับบ้านนั้นยังติดตาชัดเจน ผมได้แต่บอกว่ารีบไปเถอะยายรักษาตัวให้หาย พอแข็งแรงแล้วจะได้กลับมาทำงาน หารายได้เลี้ยงดูครอบครัว
ในใจคิดว่าถ้าแกยังนั่งอยู่แบบนี้อีกนิดเดียว ผมก็คงจะแย่เพราะเหลียวมองไปไม่เห็น พี่ยุผู้ช่วยคนดีของผมแล้ว ไม่รู้แกแอบไปร้องให้อยู่ที่ไหน
เรื่องเล่าจากภูอังลัง
ทพ.วัฒนา ทองปัสโณว์