ระบายทุกข์


สวัสดีครับ กัลยาณมิตรทุกท่านครับ

  • อาจจะเพราะเป็นบัวใต้น้ำ กรรมเก่า หรือฝึกยังไม่ถึงก็เป็นได้ ทำให้กระผมไม่สามารถประสานทางโลกกับทางธรรมให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้
  • ยกตัวอย่างชีวิตช่วงนี้ ต้องบุกทางโลกอย่างสุดชีวิต ถึงแม้บางโอกาสอาจสามารถนำเอาโจทย์ชีวิตทางโลก มาใช้เป็นบททดสอบการเดินทางธรรมได้บ้างบางครั้ง แต่ด้วยการบุกตะลุยชีวิตทางโลกมากเกินไป ธรรมที่สะสมเอาไว้เริ่มจะถูกกระพี้ทางโลกครอบงำเข้าไปเรื่อย ๆ จงแสงเทียนน้อยของปัญญาเริ่มจะริบหรี่เข้าไปทุกที ๆ
  • จนวันนี้ คิดแว๊บ! ขึ้นมาว่า จะเปลี่ยนชื่อ Blog นี้เสียใหม่ ให้เป็น "ระบายทุกข์" จะดีกว่าไหม เพราะมีทุกข์คราใดถึงได้มาเขียน ระบายเอาไว้ทุกทีไป
  • ----------------------------------------------------------
  • หรือจะเป็นดั่ง คำว่า "เพราะทุกข์จึงเห็นธรรม"
  • สัปดาห์ที่แล้ว ทั้งโลภ โกรธ หลง และศีลขาด ได้กลับมาเยี่ยมเยือนอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากัน ครบทุกประการ ก็พอชำเลืองเห็นได้ช้าบ้างเร็วบ้างเป็นธรรมดา แต่ก็เสมือนไม่ได้เรียนรู้ ไม่ก้าวหน้าอะไรเลยช่วงนี้  
  • จะทำอย่างไรดีน้อ ?

 

 

หมายเลขบันทึก: 266591เขียนเมื่อ 8 มิถุนายน 2009 02:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 มิถุนายน 2012 23:17 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (26)

ทุกข์กระทบ ธรรมกระเทือนครับ

ผมเอง โลภ โกรธ หลง แต่ละวัน เข้ามามากครับ บางครั้งจิตก็เตลิดไปกับมัน

ที่สะสม "สัญญา" ธรรมะ ดี ๆ เอาไว้ หายหมดครับ นำมาใช้ไม่ทัน

ผมใช้เวลาช่วงก่อนนอน ช่วงขับรถ ทบทวนตัวเองครับ

ได้ระบายทุกข์ก็ดีนะครับ ผมเอง ต้องให้คนที่บ้านรับฟังความทุกข์ของผม ขณะเดียวกัน ผมก็รับฟังความทุกข์ของเธอเช่นกัน

แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันครับ ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะ

สุขทุกข์คละเคล้ากันไป

เป็นธรรมดาของชีวิต

สวัสดีครับ กัลยาณมิตร

  • จะทำอย่างไรดีน้อ ?
  • ได้ยินครูบาอาจารย์ท่านพูดบ่อยๆ ว่า

    ไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจาก "รู้"

    ....

    สำหรับชื่อบล็อก ผมคิดว่า ชื่อเดิมก็ดูดีอยู่แล้วนะครับ ให้ความรู้สึกถึงการเรียนรู้ และเติบโต

    สำหรับชื่อใหม่นั้นฟังดูแล้วให้ความรู้สึกที่เป็นเชิงลบไปหน่อยครับ

    แวะมาเยี่ยมและให้กำลังใจครับ

    คงต้องหมั่นเจริญสัมมาวายามะครับ

    โดยอย่าไปนึกถึงอกุศลกรรมเก่า เช่นเรื่องผิดศีล

    • เห็นด้วยนะคะที่กล่าวว่าเห็นทุกข์ จึงเห็นธรรม
    • คำว่าระบายทุกข์ก็เป็นชื่อที่ตรงความหมายที่อยากจะสื่อดีค่ะ
    • คำไหนก็ให้ความหมายที่ดี  โดยส่วนตัว ชอบชื่อบล๊อกนี้อยู่แล้วค่ะ เพราะกินความหมายกว้างขวาง...หมายถึงอะไรก็ได้ที่สอนให้เรารู้ "ชีวิต"  ทุกสรรพสิ่งคือห้องเรียนที่สอนตัวเรา
    • อ่านแล้ว ทำให้พบคำคม ๆ มาหนึ่งคำ รู้ทุกข์ รู้ธรรม ค่ะ

    สวัสดีครับ ท่านรองฯ

    P

     

    • วันก่อนได้ฟังธรรมเทศนาของหลวงปู่หล้า ท่านก็สอนให้พิจารณาธรรมก่อนนอนเหมือนกันครับ
    • ขอบพระคุณครับ

     

    สวัสดีครับ พี่แดง

    P

     

    • สุขทุกข์คละเคล้ากันไป เป็นธรรมดาของชีวิต

    • ธรรมดา ธรรมดา และธรรมดา สุดยอดจริง ๆ ครับ

    • ขอบพระคุณครับสำหรับดอกไม้

     

     

    สวัสดีครับ

    P

     

    • ไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจาก "รู้"
    • ตาม "รู้" เฉย ๆ ไม่ต้องทำอะไร ใส่เกียร์ว่าง ให้จิตใจส่วนลึก (มากกว่าสมอง) เป็นผู้เรียนรู้
    • ขอบคุณมากครับที่มาเตือนสติ

     

    สวัสดีครับ

    P

     

    • ขอบพระคุณครับ สำหรับกำลังใจและคำแนะนำที่ดีมากเลยครับ

     

    สัมมาวายามะเป็นหนึ่งในมรรค 8 หรือ มรรคมีองค์แปด เพียรชอบ เกิดฉันทะพยายาม ปรารภความเพียร ประคองจิตไว้ ตั้งจิตไว้

    • เพื่อมิให้อกุศลธรรมอันลามกที่ยังไม่เกิดบังเกิดขึ้น
    • เพื่อละอกุศลธรรมอันลามกที่บังเกิดขึ้นแล้ว
    • เพื่อให้กุศลธรรมที่ยังไม่เกิดบังเกิดขึ้น
    • เพื่อความตั้งอยู่ไม่เลือนหาย เจริญยิ่ง ไพบูลย์ มีขึ้น เต็มเปี่ยมแห่งกุศลธรรมที่บังเกิดขึ้นแล้ว

     

     

    สวัสดีครับ

    P

     

    • ...รู้ทุกข์ รู้ธรรม...
    • ...รู้ทุกข์ รู้ธรรม...
    • ...รู้ทุกข์ รู้ธรรม...
    • ขอบคุณครับ

     

    บทเจริญมนต์บทดีนี้ก็ดีนะครับ "บารมี 30 ทัศ"

    สวดไปดูจิตไป เจริญสติไป เราทำบารมีทั้ง 10 ได้ครบหรอยัง...

    สวัสดีค่ะ

    "เพราะทุกข์จึงเห็นธรรม"

    คงอยู่ในสถานการณ์ที่คล้ายกัน...

    นำมาฝากค่ะ

    บทรำพึงกับตัวเอง...

    มุ่งหมายสิ่งใดนักหรือ

    ยึดถือมากมายใครนั่น

    วิ่งวนไขว่คว้าติดพัน

    แล้วพลันค้นพบ...มายา

    นี่คือคำตอบจากท่านพุทธทาส...

    โลกนี้คือทางผ่านและบทเรียน

        โลกนี้เหมือน ทางผ่าน ที่รกเลี้ยว
    เพื่อทนสู้ อดเปรี้ยว ไปกินหวาน
    พ้นโลกนี้ มียิ่ง กว่าอ้อยตาล
    เมื่อพบพาน "อมฤ-ตโลกา!"

        โลกนี้เพียง บทเรียน ให้เพียรอ่าน
    หมั่นวิจารณ์ ตื้นลึก รีบศึกษา
    ให้รอบรู้ แจ่มจน พ้นมายา
    แล้วโลกมา เป็นบ่าว เราร่ำไป!

    (^___^)

    *ปัญหาไม่มา ปัญญาไม่เกิด

    *ปล่อยวางบ้าง...คงจะดีขึ้น

    *มีคนบอกว่า...ให้ถอยออกมามองห่างๆ

    *บางที่อาจจะเห็นดีกว่าเมื่ออยู่ใกล้ ๆ

    *คงไม่ใช่บัวใต้น้ำ. เพราะรู้ตัว  สติยังดีอยู่....

    *หรือจะเป็นเพราะกรรมเก่า...

    *ขอให้กรรมดี..ลบล้างกรรมเก่า...

    *มาทักทาย...และเป็นกำลังใจให้อีกแรงนะคะ...

    เข้ามาอ่านเผื่อจะหายทุกขืบ้างค่ะ

    คนเราเกิดมาวันแรกก็เป็นทุกข์ค่ะ

    หมอว่าน่าจะพัฒนามากๆแล้วนะคะที่รู้ว่ามีโลภ โกรธ หลง เพราะยังมีคนมากมายในโลกที่ไม่รู้ตัวเอง อยู่ในความหลง

    ตัวหมอเองใช้ช่วงเวลาตรวจผู้ป่วยดูจิตตัวเองเพราะผัสสะจะแรงมากทำให้รู้ตัวว่าเรายังอีกนานกว่าจะพ้นทุกข์

    สวัสดีครับ

    P

     

    • ขอบคุณครับที่มาให้ความรู้ดี ๆ

     

    คำไหว้บารมี 30 ทัศ

    พระพุทธเจ้า ประกอบด้วยพระมหากรุณา ยังบารมีทั้งหลายให้เต็ม เพื่อประโยชน์แก่สรรพสัตว์ ทั้งหลาย
    คำอธิบายบารมี 30 อยู่ด้านล่างบทสวด

     

    คำไหว้บารมี 30 ทัศ(แบบครูบาศรีวิชัย)

    ทานะ ปาระมี สัมปันโน , ทานะ อุปะปารมี สัมปันโน , ทานะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน
    เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา

    สีละ ปาระมี สัมปันโน , สีละ อุปะปารมี สัมปันโน , สีละ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน
    เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา

    เนกขัมมะ ปาระมี สัมปันโน , เนกขัมมะ อุปะปารมี สัมปันโน , เนกขัมมะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน
    เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา

    ปัญญา ปาระมี สัมปันโน , ปัญญา อุปะปารมี สัมปันโน , ปัญญา ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน
    เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา

    วิริยะ ปาระมี สัมปันโน , วิริยะ อุปะปารมี สัมปันโน , วิริยะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน
    เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา

    ขันตี ปาระมี สัมปันโน , ขันตี อุปะปารมี สัมปันโน , ขันตี ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน
    เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา

    สัจจะ ปาระมี สัมปันโน , สัจจะ อุปะปารมี สัมปันโน , สัจจะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน
    เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา

    อะธิฏฐานะ ปาระมี สัมปันโน , อะธิฏฐานะ อุปะปารมี สัมปันโน , อะธิฏฐานะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน
    เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา

    เมตตา ปาระมี สัมปันโน , เมตตา อุปะปารมี สัมปันโน , เมตตา ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน
    เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา

    อุเปกขา ปาระมี สัมปันโน , อุเปกขา อุปะปารมี สัมปันโน , อุเปกขา ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน
    เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา

    ทะสะ ปาระมี สัมปันโน , ทะสะ อุปะปารมี สัมปันโน , ทะสะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน
    เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา

    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ นะมามิหัง


    อธิบาย บารมี 30 ทัศ

    การบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์ในชาตินั้นๆ บารมีที่บำเพ็ญนั้นคือ ทานบารมี เนกขัมมบารมี ปัญญาบารมี วิริยบารมี ขันติบารมี สัจจบารมี อธิษฐานบารมี เมตตาบารมี และอุเบกขาบารมี รวมเรียกว่าบารมี ๓๐ (๓ x ๑๐) โดยแบ่งเป็นบารมีชั้นธรรมดา ๑๐ (บารมี) บารมี ชั้นกลาง ๑๐ (อุปบารมี) และ บารมีชั้นสูง ๑๐ (ปรมัตถบารมี) รวมเป็นบารมี ๓๐ ประการ
    ในอรรถกถาจริยาปิฎกพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓ ได้จัดชาดกเรื่องต่างๆ ลงในบารมีทั้ง ๓๐ ประการ มีนัยโดยสังเขปที่น่าศึกษา ดังนี้

    ๑. ทานบารมี พระโพธิสัตว์ทรงบำเพ็ยทานบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นพระเจ้าสีวิราช (๒๗/๔๙๙) ทรงบำเพ็ญทานอุปบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นพระเวสสันดร (๒๘/๕๔๗) และทรงบำเพ็ญทานปรมัตถบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นกระต่ายป่าสสบัณฑิต (๒๗/๓๑๖)

    ๒. ศีลบารมี พระโพธิสัตว์ทรงบำเพ็ญศีลบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นพญาช้างฉัตทันต์เลี้ยงมารดา (๒๗/๗๒) ทรงบำเพ็ญศีลอุปบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นพญานาคภูริทัต (๒๘/๕๔๓)

    ๓. เนกขัมมบารมี พระโพธิสัตว์ทรงบำเพ็ญเนกขัมมบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นอโยฆรราชกุมาร (๒๗/๕๑๐) ทรงบำเพ็ญเนกขัมมอุปบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นหัตถิปาลกุมาร (๒๗/๕๐๙) และทรงบำเพ็ญเนกขัมมปรมัตถบารมี ในขณะที่เสวยพระชาติเป็นพระเจ้าจูฬสุตโสม (๒๗/๕๒๗)

    ๔. ปัญญาบารมี พระโพธิสัตว์ทรงบำเพ็ญปัญญาบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นสัมภวกุมาร (๒๗/๕๑๕) ทรงบำเพ็ญปัญญาอุปบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นอำมาตย์วิธุรบัญฑิต (๒๘/๕๔๖) และทรงบำเพ็ญปัญญาปรมัตถบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นเสนกบัณฑิต (๒๗/๔๐๒)

    ๕. วิริยบารมี พระโพธิสัตว์ทรงบำเพ็ญวิริยบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นพญากปิ (๒๗/๕๑๖) ทรงบำเพ็ญวิริยอุปบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นพระเจ้าสีลวมหาราช (๒๗/๕๑) และทรงบำเพ็ญวิริยปรมัตถบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นพระมหาชนก (๒๘/๕๓๙)

    ๖. ขันติบารมี พระโพธิสัตว์ทรงบำเพ็ญขันติบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นจูฬธัมมปาลราชกุมาร (๒๗/๓๕๘) ทรงบำเพ็ญขันติอุปบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นธัมมิกเทพบุตร (๒๗/๔๕๗) และทรงบำเพ็ญขันติปรมัตถบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นขันติวาทีดาบส (๒๗/๓๑๓)

    ๗. สัจจบารมี พระโพธิสัตว์ทรงบำเพ็ญสัจจบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นวัฏฏกะ (ลูกนกคุ่ม (๒๗/๓๕) ทรงบำเพ็ญสัจจอุปบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นพญาปลาช่อน (๒๗/๗๕) และทรงบำเพ็ญสัจจปรมัตถบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นพระเจ้ามหาสุตโสม (๒๘/๕๓๗)

    ๘. อธิษฐานบารมี พระโพธิสัตว์ทรงบำเพ็ญอธิษฐานบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นพญากุกกุระ (๒๗/๒๒) ทรงบำเพ็ญอธิษฐานอุปบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นมาตังคบัณฑิต (๒๗/๔๙๗) และทรงบำเพ็ญอธิษฐานปรมัตถบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นพระเตมิยราชกุมาร (๒๘/๕๓๘)

    ๙. เมตตาบารมี พระโพธิสัตว์ทรงบำเพ็ญเมตตาบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นสุวรรณสามดาบส (๒๘/๕๔๐) ทรงบำเพ็ญเมตตาอุปบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นกัณหาทีปายนดาบส (๒๗/๔๔๔) และทรงบำเพ็ญเมตตาปรมัตถบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นพระเจ้าเอกราช

    ๑๐. อุเบกขาบารมี พระโพธิสัตว์ทรงบำเพ็ญอุเบกขาบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นกัจฉปบัณฑิต (๒๗/๒๗๓) ทรงบำเพ็ญอุเบกขาอุปบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นพญามหิส (๒๗/๒๗๘) และทรงบำเพ็ญอุเบกขาปรมัตถบารมีในขณะที่เสวยพระชาติเป็นโลมหังสบัณฑิต (๒๗/๙๔)
    หมายเหตุ เลขหน้าเป็นลำดับเล่มพระไตรปิฎก เลขหลังเป็นลำดับชาดก เช่น (๒๗/๒๗๓) หมายถึง พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ ชาดกเรื่องที่ ๒๗๓)

    * การบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์ในชาติหนึ่ง ๆ มิใช่ว่าจะทรงบำเพ็ญบารมีเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ทรงบำเพ็ญทานบารมี หรือทรงบำเพ็ญศีลบารมีอย่างเดียวเท่านั้น แต่ในชาติเดียวกันนั้น ได้บำเพ็ญบารมีหลายอย่างควบคู่กันไป แต่อาจเด่นเพียงบารมีเดียว ที่เหลือนอกนั้นเป็นบารมีระดับรอง ๆ ลงไป เช่น ในชาติที่เป็นพระเวสสันดรทรงบำเพ็ญบารมีครบทั้ง ๑๐ บารมี

    สวัสดีครับ

    P

     

    • ขอบพระคุณครับ สำหรับพุทธธรรมและกำลังใจที่ดี
    • หวนให้นึกย้อนไปถึงเมื่อกว่า 4 ปีที่แล้ว สอบประมวลความรู้ไม่ผ่าน ทำให้เป็นทุกข์สุดแสนจะประมาณ (ติดอันดับต้น ๆ ของทุกข์แห่งชีวิต)
    • จิตใจตอนนั้นเหมือนต้นไม้ที่อยู่กลางทะเลทราย ที่ขาดน้ำมาหล่อเลี้ยง ทรุดลงเรื่อย ๆ วันต่อวัน
    • จนมาวันหนึ่งได้อ่านหนังสือ "คู่มือมนุษย์" เป็นธรรมเทศนาของท่านพุทธทาส จึงทำให้ "รอด"
    • ปฐมบทการเดินบนเส้นทางธรรมจึงเริ่มต้นขึ้น ณ บัตนั้นเป็นต้นมา

     

     

    สวัสดีครับ อาจารย์

    P

    *ปัญหาไม่มา ปัญญาไม่เกิด

    *ปล่อยวางบ้าง...คงจะดีขึ้น

    *มีคนบอกว่า...ให้ถอยออกมามองห่างๆ

    *บางที่อาจจะเห็นดีกว่าเมื่ออยู่ใกล้ ๆ

     

    • ขอบพระคุณครับ ที่มอบเคล็ดวิชาชีวิตให้ครับ
    • ผมฟังสถานีธรรม 94.75 (ม.ราชภัฏมหาสารคาม) เป็นประจำนะครับ

     

    สวัสดีครับ คุณหมอ

    P

     

    • ผมเองส่วนใหญ่ยังปริยัติอยู่มากครับ พึ่งได้ฝึกปฏิบัติบ้างไม่นานมานี้เอง แต่ก็ยังขึ้น ๆ ลง ๆ เป็นธรรมสัญญามากกว่าครับ
    • ขอบพระคุณที่แวะมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้นะครับ

    แค่รู้ว่า โลภ โกรธ หลง

    ก็ดีมากแล้วนะครับ

    แสดงว่ารู้ใจตัวเอง

    สวัสดีครับ

    P

     

    • ขอบคุณครับ
    • ตอนนี้ มีทั้งรู้ และไม่รู้ ปะปนกันไปครับ ที่ชัด ๆ ก็พอเห็นแต่ที่ละเอียดลงไปยังไม่เห็นคงมีอีกอักโขเลยครับ
    • วันนี้ฟังสถานีวิทยุเสียงธรรม 94.75 มหาสารคาม ได้ยินเสียงธรรมเทศนาของท่านหลวงตามหาบัว หวนให้นึกถึงคำว่า "ทุกข์ซ่อนธรรม"
    • ทุกข์ซ่อนธรรม ทุกข์ซ่อนธรรม ทุกข์ซ่อนธรรม

    ทำไมชีวิตของคนบ้างทีก็เหมือนนิยายเน่าๆจังคะ

    ขอระบายนิดๆนะ ดิฉันเหมือนเคยเป็นคนเข้มแข็งนะ แต่ตอนนี้ท้อแท้มากไม่อยากสู้เพราะเหนื่อยกับชีวิต

    1.ครอบครัวตอนนี้ก็มี3คน จนเลยไม่มีญาติ พ่อเสีย(ประมาณ8ปี)ตอนเข้าเรียนปี1พอดีตั้งแต่นั้นก็แย่มาตลอด มีพี่ชายที่ไม่ค่อยมีความรับผิดชอบ เล่นการพนันสร้างหนี้ แม่ก็พิการทำงานหนักไม่ค่อยได้ แถวมีโรคประจำตัว ดิฉันเลยต้องคอยดูแลไปไหนไกลทำงานอะไรที่จะได้ตังเยอะก็ไม่ได้เพราะต้องดูแลท่าน

    2.ปกติเงินก็ไม่มีนะเป็นหนี้เป็นสิ้นเกิดจากครอบครัว ไม่ได้เกิดจากการเที่ยวเตร่หรือซื้อของอะไรที่เคยอยากได้เลย มิหนำซ้ำเพื่อนที่เคยรักและเคยช่วยเหลือก็ยังโกงเงินไปอีก ไม่ได้เอาเงินไปหลอกนะแต่เราไปทำเรื่องกู้ให้ร้อยละสิบมั่งบริษัทสินเชื่อมั่ง รวมๆดอกก็เพิ่มทุกวันตอนนี้ก็ราวๆ5-6หมื่น รวมของตัวเองก็ร่วมแสนพอดี ทำไมต้องเจอเหตุการณ์นี้ด้วยขนานนี้เพื่อนก็หายหัวทั้งๆๆที่รู้ว่าเราทุกข์ จนทุกวันนี้ทำงานไปไม่เคยเห็นเงินบ้างวันก็ไม่มีตังไปทำงาน เห้อ เศร้าสุดๆ

    3.ที่อยู่ก็ไม่มีตอนนี้มีคนใจดีให้อาศัยแต่เราก็เหมือนเนรคุณคือไม่ให้อะไรตอบแทนเขาเลย แต่เพราะไม่มีไงและยังต้องเจอเรื่องร้ายๆ ซึ่งพูดไปก็เหมือนแก้ตัว คงรอให้เขามาไล่ออกจากบ้านคราวนี้ต้องพาแม่ไปอาศัยวัดแน่เลย

    4.งานก็เบื่อหงุดหงิด มีแต่ปัญญาอุปสรรค เจ้านายก็ให้อะไรที่มันมั่วมาแล้วต้องมาแก้มาเครีย์บ้างทีเราก็กลายเป็นอยากหนีไปเลย คือมันต้องใช้สมองอะบ้างทีเรานอนไม่หลับเลยนะงานมันเข้าฝันอยู่เรื่อยๆ เรากลัวบางทีเราอาจจะเป็นบ้าเหมมือนกัน

    5.แฟนที่เพิ่งคุยกัน(ไม่เคยคบใครมาก่อนเลยเพราะเราไม่มีชีวิตแบบวัยรุ่นคนอื่นเขาอะเลยไม่เคยคิดเรื่องนี้)ก็ให้กำลังใจดีแต่เราเหมือนคนที่ตายซากเหมือนกัยเราอินอะไรเลยเราคิดว่ากลัวจะมีเรื่องปวดหัวเพิ่มขึ้นอีก

    6.พี่ชายก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเลย สร้างเรื่องให้แม่ปวดหัวบ่อยๆเรื่องหนี้สินแหละเราละเบื่อมาก

    7.มานั่งคิดย้อนดูเราไม่น่าเรียนจบตรีเลยนะเพราะช่วงเรียนก็เป็นหนี้เรียนจบหวังว่าจะสบายได้งานดีๆก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดแถวคนอื่นมากดูถูกอีกว่าเรียนมาก็ได้แค่นี้ (ยังไงก็เป็นตัวที่สังคมรังเกียจอยู่ดี)

    8.เข้าใจว่าทุกวันนี้ทำตัวดีแค่ไหนชีวิตก็ไม่มีทางดีขึ้นเลยนอกจากการมีเงิน เราก็ไม่อยากคิดลอกเงินใครนะดำเนินชีวิตไปตามสภาพที่จะหาได้แต่มองไปด้านไหนของชีวิตก็ไม่มีทางไหนดีเลย

    9.คิดอยากจะหนีจากชีวิต ณ จุดนี้ไปเลยจะดีไหมน๊า หนี้สินก็ให้มันติดแบคลิสไป แม่ก็ให้ไปอยู่กะพี่ชาย แฟนเราก็เงียบหายไปเลยงานก็ลาออกไปหาเริ่มต้นชีวิตใหม่ในที่ที่ไม่มีคนรู้จักเราจะดีไหม หรือจะปลิดชีพไปเลย เพราะปัญหาที่เราพบทำไมมันเหมือนจะเพิ่มขึ้น ตอนนี้ตัวเองเหมือนเป็นคนที่นิ่งๆๆไม่ค่อยจะอยากคุยอะไรกับใครไม่ชอบคนเยอะเหมือนเข้ากับใครไม่ได้เห็นคนอื่นเขามีความสุขกันเราไม่อิจฉาใครนะแต่เราเหมือนอยู่ในโลกมืดๆ

    10.เพื่อนๆก็ไม่ค่อยมีเพราะเราไม่ค่อยไปไหนไม่ค่อยคุยเพราะเราต่างกับเพื่อนๆนะคือไม่มีเงินไปเฮอาอะไรก็เขา ตอนนี้เราจะอายุ26 แล้ว เราควรจะคิดยังไงดีให้ชีวิตเราเปลี่ยนแปลง เราจะมีครอบครัวดีไหมหรือเราจะทำแบบข้อ9ดี

     

    สวัสดีครับ ucky [IP: 124.157.200.53]  

    • ต้องขออภัยด้วยครับที่ตอบช้า เพราะพึ่งเข้ามาอ่านเจอวันนี้เอง และก็อ่านรอบเดียวแล้วก็รีบตอบเลยครับ อาจทำให้เข้าใจเรื่องไม่ครบถ้วนทั้งหมด แต่ทั้งนี้ผมคิดว่า ถึงอ่านหลาย ๆ รอบให้เข้าใจแล้วค่อยตอบผมว่า คำตอบของผมก็ไม่ได้ดีต่างกันมากนัก ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนเรียนรู้ดังนี้ครับ
    • สิ่งที่ควรทำอย่างแรก คือ ถ้าเราทุกข์หรือจนก็ให้นึกถึงคนที่ทุกข์หรือจนกว่า เช่น คนพิการ หรือ ชาวต่างชาติที่อยู่ในสงครามพ่อแม่ตายหมด ไม่มีบ้านประมาณนั้นครับ จะทำให้เรามีกำลังใจขึ้นมา
    • อายุ 26 ปี ถ้าผ่านชีวิตมาขนาดนี้ ผมเข้าใจว่า คงเป็นคนที่เข้มแข็งมากครับ ส่วนพิษที่เกิดจากวิบากของชีวิตที่เกิดกับเรา ผมว่าค่อนข้างหนักมาก มันก็มีพิษของมัน เมื่อเราโตเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้ เราจะเข้าใจชีวิตและอะไรมากขึ้นครับ และเราจะทนกับมันได้ รวมทั้งการแก้ไขให้มันดีขึ้นได้
    • --- ถ้าเราพลิกโจทย์ พิษทุกข์ของชีวิต เหล่านี้ ให้มาเป็นโจทย์ธรรมพัฒนาใจตนเองได้จะสุดยอดมากครับ แต่มันไม่ง่ายนัก เบื้องต้นนี้ขอให้อ่านของของท่าน ติช นัท ฮัน ดูจะช่วยได้มากครับ เน้นว่า ต้องใช้เวลา แล้วแต่บุญวาสนาด้วยครับ
    • ไม่เห็นด้วยที่จะเลือกทำตามข้อ 9 ไปบวชยังจะดีและมีอานิสงส์สูงสุดด้วยครับ
    • ขอเป็นกำลังใจให้ท่านฟันฝ่าผ่านมันไปให้ได้นะครับ

     

     

    -----------------------------------

    I want to be a book maker

    อยากมีหนังสือเป็นของตัวเองใช่หรือเปล่า

    รับสมัครคนชอบอ่าน คนชอบเขียน

    มาร่วมงานกับสำนักพิมพ์

    คลิกที่นี่ค่ะ http://www.iwanttobeabookmaker.tk/

    ทุกข์ใดเล่าไม่เท่ากับทุกข์ใจ

    อย่าเก็บไว้คนเดียวจะอัดอั้น

    เล่าไม่ได้ เขียนก็ได้ ค่าเท่ากัน

    สุดท้ายมันก็จรจากเราไปเอง

     

    ขอบคุณมากสำหรับบทกลอนอันทรงคุณค่าขอรับ ฺBy Jan

     

    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท