อ.แหววรู้จักคุณกานต์เมื่อไหร่กัน ? แค่ไหนกัน ?
ดิฉันจำได้ว่า เคยอ่านข้อเขียนของคุณกานต์มาตั้งแต่ก่อน พ.ศ.๒๕๔๒ และรู้จักว่า เป็นคนทำงานด้านเด็ก และเป็นลูกศิษย์อาจารย์วิฑิต มันตราภรณ์ นั่นก็คือ เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์คนเดียวกัน
เรา กล่าวคือ ดิฉันกับคุณกานต์มาร่วมงานกันจริงๆ ก็คือในคณะอนุกรรมการด้านชาติพันธุ์ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งดำเนินการตั้งแต่ราว พ.ศ.๒๕๔๕ จนถึง พ.ศ.๒๕๕๐ เรามีโอกาสใช้โอกาสนี้ศึกษากฎหมายและนโยบายเพื่อจัดการปัญหาคนไร้รัฐคนไร้สัญชาติในประเทศไทย และเรามีโอกาสที่จะใช้ความรู้กฎหมายดังกล่าวในการช่วยเหลือบุคคลที่มีปัญหาสถานะบุคคลจำนวนมากในประเทศไทย
นอกจากนั้น เราได้พัฒนาองค์ความรู้เก่าและสร้างองค์ความใหม่สำหรับการทำงานร่วมกันในหลายโอกาส ที่สำคัญ ก็คือ ในคณะอนุกรรมการด้านเด็ก เยาวชน และครอบครัว และ ในคณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านชนชาติ ผู้ไร้สัญชาติ แรงงานข้ามชาติ และผู้พลัดถิ่น สภาทนายความ และงานล่าสุดที่เราได้มีโอกาสทำงานร่วมกัน ก็คือ
ท้ายที่สุด ก็คือ ใน พ.ศ.๒๕๕๐ การพัฒนาองค์ความรู้เพื่อสร้าง how - to สำหรับทนายความชุมชน ซึ่งเรียกกันทั่วไปในประเทศไทยในเวลานี้ว่า “๕ X ๖ X ๖”[1] และองค์ความรู้นี้กำลังได้รับการทดลองในห้องทดลองทางสังคมที่สร้างขึ้นโดยคลินิกกฎหมายชาวบ้านแม่อาย ภายใต้ความร่วมมือระหว่างเครือข่ายของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพายัพ และ UNICEF
ถามว่า อะไรคือคุณสมบัติของคุณกานต์หรือคะ ?
คุณกานต์มีความสามารถในการคิดและการเข้าใจสิ่งต่างๆ อย่างรวดเร็วและเป็นระบบ นอกจากนั้น ยังมีวิสัยทัศน์ที่ยาวไกลและรอบด้าน และมีความสามารถในการจัดการอย่างเป็นระบบ
มีความเป็นผู้ใหญ่ทั้งทางด้านอารมณ์และจิตใจเกินอายุจริง มีความคิดสร้างสรรค์อย่างมาก ไม่มีลักษณะที่อนุรักษ์นิยม แต่ก็ไม่มีลักษณะที่ก้าวหน้าจนก้าวร้าว มีความเป็นผู้นำ แต่ไม่เผด็จการ รับฟังความคิดเห็นคนรอบด้าน มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี
คุณกานต์มีทักษะการเขียนและการพูดดีมากทั้งในภาษาอังกฤษและภาษาไทย
ความสามารถพิเศษหรือจุดแข็งของผู้สมัคร?
คุณกานต์เป็นนักกฎหมายที่มีความเชี่ยวชาญอยากมากในส่วนที่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน นอกจากนั้น คุณกานต์ยังมีความวิริยะอุตสาหะอย่างยิ่ง ความสำเร็จของงานส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในความรับผิดชอบของคุณกานต์จึงเป็นไปอย่างดีเสมอ
ความสามารถในการพัฒนาตัวเองล่ะ ?
ด้วยความเชี่ยวชาญในกฎหมายสิทธิมนุษยชน และด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในปัญหาเกี่ยวกับคนที่มีปัญหาสถานะบุคคลในประเทศไทยที่จะเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ ตามวัยที่เพิ่มขึ้นของคุณกานต์ น่าจะทำให้คุณกานต์มีความสามารถที่จะใช้ความรู้ด้านกฎหมายในการจัดการปัญหาเด็กไร้รัฐไร้สัญชาติได้ดีมากขึ้นเรื่อยๆ
ทักษะที่เป็นจุดเด่นและข้อจำกัดของคุณกานต์
ประสบการณ์การทำงานเกี่ยวสิทธิเด็กตลอดระยะเวลากว่า ๑๕ ปี ย่อมเป็นศักยภาพที่จะทำงานคุ้มครองสิทธิเด็กได้ดี นอกจากนั้น คุณกานต์มีศักยภาพอย่างสูงในการทำงานทางวิชาการ จึงน่าจะส่งผลให้งานเชิงปฏิบัติการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งนัก
คุณกานต์ไม่มีข้อจำกัดใดๆ หากเกี่ยวกับการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของเด็ก เยาวชน และครอบครัวที่ประสบปัญหาสถานะบุคคล หัวใจและลมหายใจของเขาอยู่ที่คนเหล่านั้น
additional comments หรือคะ ?
คุณกานต์เป็นผู้มีจิตใจงดงามอย่างยิ่ง จนเป็นที่รักใคร่ของคนรอบตัวมากค่ะ นอกจากประสิทธิภาพในการทำงาน
-------------------------------------------------
[1] กานต์ เสริมชัยวงศ์, จากแนวคิด “ห้าคูณหก” เป็น “ห้าคูณหกคูณหก”, http://gotoknow.org/blog/statelessness/260107
กานต์ เสริมชัยวงศ์, ความน่าสนใจของ “กระบวนการทำงานแบบห้าคูณหกคูณหก”,
http://gotoknow.org/blog/statelessness/260112
ดรุณี ไพศาลพาณิชย์กุล, ห้าคูณหก : สูตรคูณความคิดและปฏิบัติการเพื่อการพัฒนาสถานะบุคคลตามกฎหมายไทย, บทความวิชาการเพื่อนำเสนอแนวคิดด้านวิธีวิทยาเกี่ยวกับการจัดการประชากรตามกฎหมายไทยสำหรับคนทำงานเพื่อคนไร้รัฐคนไร้สัญชาติบนฝั่งทะเลอันดามัน,
http://www.archanwell.org/autopage/show_page.php?t=1&s_id=435&d_id=434
http://www.archanwell.org/autopage/show_page.php?t=1&s_id=447&d_id=446
--------------------------------------------------------------------
ส่วนเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ ดูได้ที่นี่นะคะ
http://gotoknow.org/blog/maeai-classroom-storytelling/267318