ได้อ่านบันทึกของ อาจารย์ umi เรื่อง ถามทำ..? ทำให้ผมได้ข้อคิดหลายอย่าง ตอนหนึ่งอาจารย์ท่านบอกว่า
และคำถามก็เป็นสิ่งสำคัญในวงคุย ผมอาจจะคิดผิดก็ได้นะว่า... การถามเพื่อต้องการคำตอบตรงจากคนรู้เรื่องนั้น ๆ การอยากรู้นี่ละสำคัญคือว่าถามเอาความจริงกันว่างั้นเถอะ ไม่ใช่ถามเพื่อลองภูมิ ถามเพื่อให้ตนเด่นในวงคุย ถามเพื่อหมั่นไส้ ถามเพื่อหักหน้ากันกลางวงคุย ถามเพื่ออวดตนว่าข้าเก่งโว้ยผมได้นึกถึงแนวทางปฎิบัติที่อิสลามบอกมาเกี่ยวกับคำถามนี้ และตรงกับจุดประสงค์แรกของการถามที่อาจารย์ umi พูดถึง
อัลลอฮฺได้ตรัสในสูเราะฮฺ อัน-นะฮฺลิ อายัตที่ 13 ว่า
แต่ถามแล้วเป็นคำถามที่ไรสาระ หรือขาดประโยชน์ใดๆ ก็จะเข้าข่ายที่ท่านนบี บอกว่า
ถ้ารู้สึกว่าสิ่งที่จะพูดนั้นมันไม่มีส่วนดีเลย ก็เงียบนั้นแหละดีที่สุด
อาจารย์ทำให้ผมนึกถึงคนกลุ่มหนึ่งที่เล่าไว้ในซูเราะห์บากอเราะห์ครับ ถามเซ้าซี้จนสร้างความลำบากให้กับตัวเองได้
(ขอบคุณบันทึกดีๆ ครับ ขออัลลอฮ์ทรงตอบแทนความดีแก่ท่าน)
ครับ .. ก็เรื่องบากอเราห์ที่หมายถึงวัวตัวเมีย ที่พวกเขาถูกสั่งให้ไปหาวัว แต่เขาเซ้าซี้ จนทำให้เป็นเรื่องยากที่จะหาวัวลักษณะตามที่เขาถาม
สลามครับอาจารย์อิบรอฮีม ตั้งแต่จากกันที่หาดใหญ่ยังไม่ได้เข้ามสลามเลย ตั้งใจจะเขียนเล่าเรื่องการเซ็กซี่กับสามีแต่เกรงสื่อไม่ตรงครบถ้วน ผมเอามาเล่าให้กลุ่มสองฟังดูๆเหมือนเขาจะว่าเราดูถูกผู้หญิงประมาณนั้น วันนั้นพอท่านเล่าผมกับอาจารญืจารุวจน์ผมว่าเราเข้าใจชัดน่ะครับ ถ้าอย่างไอจารย์เขียนลงบันทึกอิกครั้งจะเป็นเรื่องที่ดีมากครับ
สลามครับครับขอให้อัลลอฮ์ทรงโปรดครับ
วะอะลัยกุมุสสาลามครับ วอญ่า (ผมชอบเรียกว่าเวาะยาที่แปล่าผู้เฒ่า)
ผมก็ไม่ทันได้คิดว่า มันจะซื่อความหมายไปทางการดูถูกผู้หญิง ยิ่งตอนนี้วัฒนธรรมตะวันตกเข้าผมเลยรับรู้ไม่ทัน คิดได้แต่วัฒนธรรมอิสลามกับวัฒนธรรมไทย
หลายเรื่องแล้วครับ ที่ผมมีความเห็นไม่เหมือนกับคนอื่น .. เลยสรุปได้ว่า เพราะปรัชญาชีวิตเราต่างกัน เลยเห็นด้วยเหมือนกันยาก ..
กระนั่นก็ตามก็จะลองหาจุดเริ่มต้นดีๆ จะลองเขียนดู จะได้เรียนรู้ด้วยว่าจุดไหนที่ว่าดูถูกผู้หญิง
ญาซากัลลอฮฺครับ เบดูอีน