คนที่บูรณาการงานแห่งชีวิต จะมีใจจดจ่ออยู่กับงาน รับผิดชอบต่อชีวิต ความสัมพันธ์ที่เขามีและสร้างสรรค์สิ่งต่างๆด้วยพลังที่ยิ่งใหญ่ และเต็มไปด้วยชีวิตชีวา เขาทุ่มเททุกสิ่งที่มีให้กับภารกิจที่อยู่ตรงหน้า เพราะว่าการให้แบบนี้คือวิถีที่เขาเป็น ชีวิตของเขาตั้งมั่นอยู่กับเงื่อนไขแห่งการ "ให้" หรือพูดอีกลักษณะหนึ่งคือ เขาแทบจะ “หยุดให้” ไม่ได้ บุคลิกภาพของเขา มีความไหลลื่นเปิดเผย มีความคงเส้นคงวา และมีลักษณะเฉพาะ ซึ่งเขาจะมีความรู้สึกดีก็ต่อเมื่อ พลังของเขาถูกใช้อย่างมีวัตถุประสงค์ ทำให้พลังของเขาเพิ่มขึ้น นอกจากนี้เนื่องจากเขามีวินัยในตัวเอง เขาจึงพัฒนาความซื่อตรงของตัวเองขึ้นมา ขณะเดียวกันความสามารถในการรับฟังคนอื่นก็ถูกบ่มเพาะ ทำให้ความเข้าใจคนอื่นของเขาเพิ่มขึ้นด้วย เพราะเขารู้ว่า เขาต้องการอะไร อะไรคือเรื่องจำเป็น เพื่อที่เขาจะเป็นคนที่สมบูรณ์ เขาสามารถรับผิดชอบกับคุณค่าต่างๆที่เขาให้ความสำคัญ วันแล้ววันเล่า เขาก็ยังมีความมั่นคงมากขึ้น และเขาก็ยังเรียนรู้ที่จะให้ความใส่ใจกับผู้คนและเรื่องราวต่างๆ..................
Marsha Sinetar
หลายคนอดสงสัยไม่ได้ ว่าทำไมผู้ทรงคุณวุฒิอย่างอาจารย์ไพบูลย์ท่านก็อายุมากแล้ว เป็นอดีตผู้บริหารระดับสูงที่ผ่านการทำงานรับใช้ชาติบ้านเมืองในหลายบทบาท รวมทั้งเคยมีบทบาทสำคัญทางการเมืองเป็นถึงรองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการพัฒนาสังคมฯ ที่สำคัญสุขภาพท่านก็ไม่ค่อยจะอำนวยด้วย ท่านน่าจะได้พักผ่อนอย่างสุขสบาย ทำไมท่านยังให้ความสำคัญกับงานชุมชน โดยเฉพาะกับชุมชนเล็กๆอย่างงานการจัดทำตัวชี้วัดการพัฒนาระดับพื้นที่ของชุมชนบ้านเลือก อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
ผมคิดว่าข้อคิดของ Marsha Sinetar ข้างบน โดยเฉพาะ........เขาสามารถรับผิดชอบกับคุณค่าต่างๆที่เขาให้ความสำคัญ วันแล้ววันเล่า เขาก็ยังมีความมั่นคงมากขึ้น และเขาก็ยังเรียนรู้ที่จะให้ความใส่ใจกับผู้คนและเรื่องราวต่างๆ.. สามารถสะท้อนความเป็นตัวตนท่านอาจารย์ไพบูลย์ได้เป็นอย่างดี กับสิ่งที่ท่านเห็นว่ามีคุณค่า จึงเป็นพันธกิจหรือความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงของท่านอาจารย์ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ดังจะเห็นได้ในบทความของท่าน ที่ว่า
เป้าหมายการพัฒนาจะเน้นเป้าหมายสูงสุดว่า ประชาชนหรือสังคมต้องอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน เมื่อมีการตั้งเป้าหมายชัดเจนแล้วก็จะสามารถกำหนดแผนงาน กำหนดนโยบาย กำหนดยุทธศาสตร์ แยกออกมาเป็นโครงการต่างๆ แล้วลงมือทำได้ ขณะเดียวกันถ้าจะให้การบริหารการพัฒนาเหล่านี้มีประสิทธิภาพ ได้ประสิทธิผล วิธีหนึ่งที่ดีมากๆ คือ การกำหนดตัวชี้วัด ซึ่งก็ควรจะมีตัวชี้วัดวัดผลของการพัฒนา นั่นคือ ความอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน อาจเรียกว่า “ตัวชี้วัดความอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน” การอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกันควรให้ประชาชนหลายๆฝ่ายที่อยู่ในแต่ละพื้นที่ร่วมกันกำหนดตัวชี้วัด ตั้งแต่หน่วยที่เล็กที่สุด คือ หมู่บ้าน ตำบล เทศบาล.......
อาจารย์ไพบูลย์ได้เขียนบทความดังกล่าวไว้ใน blog/paiboon/260975 การพัฒนาประเทศสู่การเป็นสังคมอยู่เย็นเป็นสุข
ไม่มีความเห็น