กงสุลอเมริกา ประจำจังหวัดเชียงใหม่ มาเยี่ยมคลินิกกฎหมายชาวบ้านแม่อาย

ท่านกงสุล คุณไมเคิล มอร์โรว์ ฝากข้อมความในสมุดเยี่ยม ว่า " Dear Mee AI Legal Clinic Keep up your wonderful effort. You are heroes of Thailand. You can count on support from the American people and U.S Goverment. "

วันที่  27  พฤษภาคม  พ.ศ.  2552

 

วันนี้ กงสุลใหญ่อเมริกัน จังหวัดเชียงใหม่ คุณไมเคิล มอร์โรว์ และคณะ คุณอภิชาติ พุทธวงศ์ และ คุณมิกกี้ นักศึกษาฝึกงานที่กงสุลฯ มาเยี่ยมศึกษาดูงานที่คลินิกกฎหมายชาวบ้าน(ด้านสถานะและสิทธิบุคลคล) อำเภอแม่อายจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งการมาเยี่ยมศึกษาดูงานครั้งนี้ได้รับการติดต่อมาที่คุณกานต์  เสริมชัยวงค์

 คณะผู้ศึกษาดูงานมาถึงที่คลินิกฯ เวลา 10 .15 น.  หลังจากที่กล่าวต้อนรับคณะกงสุลใหญ่แห่งสหรัฐอเมริกา จังหวัดเชียงใหม่ แล้ว คุณบุญ พงษ์มาได้เล่าถึงความเป็นมาของคลินิกกฎหมายและเครือข่ายคนทำงานที่เข้ามาช่วยเหลือหลังจากที่ถูกถอนชื่ออกจากทะเบียนราชษฎร เครือข่ายคนทำงานช่วยเหลือจนทำให้ชาวบ้านสามารถฟ้องศาลปกครองได้ จนมีคำพิพากษาให้เพิ่มชื่อชาวบ้าน 1243 กลับเข้าสู่ทะเบียนราษฎรเช่นเดิม ซุ่งหลังคำพิพากษาของศาลปกครองแล้ว ก็ยังมีปัญหาหลายอย่างตามมา เช่น

·       ลูกเพิ่มชื่อตามพ่อแม่ไม่ได้

·       นักเรียนพิการจะไปแข่งกีฬาต่างประเทศก็ไม่ได้ไป

·       ลูกค้าธกส.ต้องใช้หนี้ก่อนกำหนด

·       ทหารเกณฑ์ต้องออกมาก่อนกำหนด

·       ชาวบ้านบ้างคนยังไม่ถูกเพิ่มชื่อกลับตามคำพิพากษา          

            จากนั้นคุณบุญ พงษ์ มาจึงพาเคสที่มาขอความช่วยเหลือจากตนเองไปหาอาจารย์วรรณทนี รุ่งเรืองสภากุล ที่มหาวิทยาลัย พายัพ ซึ่งนานวันเคสก็มากขึ้นเรื่อยๆ  อาจารย์วรรณทนี  รุ่งเรืองสภากุล จึงนำปัญหาดังกล่าวไปปรึกษากับอาจารย์พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร ต่อมาอาจารย์วรรณทนี รุ่งเรืองสภากุล ก็ให้หาที่ทำงานทีมงานก็เอาโรงกระเทียมที่บ้านเป็นที่ทำงานอยู่ได้ 3 เดือน (คณะผู้ศึกษาดูงาน  ถามว่า โรงกระเทียมเป็นที่บ้านของคุณบุญเองเหรอ ?)หลังจากนั้น อาจารย์วรรณทนี รุ่งเรืองสภากุล ก็ให้หาที่ตั้งคลินิกกฎหมายชาวบ้านซึ่งก็คือที่ตั้งปัจจุบันของคลินิกกฎหมาย

          คลินิกกฎหมายเปิดวันที่ 27 ตุลาคม 2549  โดยมีที่ปรึกษา คืออาจารย์พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  อาจาร์วรรณทนี รุ่งเรืองสภากุล จากมหาวิทยาลัยพาพัย เป็นผู้จัดการโครงการ ผู้สนับสนุนคือยูนิเชฟ คนทำงานคือคนที่ถูกถอนชื่ออกจากทะเบียนราษฎร(อดดีคนไร้สัญชาติ) อาจารย์พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร ตั้งชื่อให้คนทำงานว่า “ทนายความตีนเปล่า”  ซึ่งมีหน้าที่ให้ความช่วยเหลือชาวบ้านด้านสถานะและสิทธิบุคคลของเด็กเยาวชนและชาวบ้านแม่อายที่ไร้สัญชาติตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด

          ต่อจากนั้นคุณสุ ดวงใจได้ เล่าเรื่องผู้ที่มาขอความช่ายเหลือจากคลินิกกฎหมาย ซึ่งเป็นกรณีที่นอกเหนือจาก 1243 คน และจำนวนผู้ที่มาขอความช่วยเหลือนั้นมากขึ้นเรื่อย การที่จะลงพื้นที่เพื่อสืบข้อเท็จจริงก็ไม่อาจจะทำได้ในทุกกรณี จึงมีแนวคิดเพื่อให้คนทำงานมีคู่มือการทำงาน โดยมีการจัดห้องเรียนการขจัดปัญหาสิทธิในสถานะบุคคล ขึ้น โดยมีการการแบ่งห้องเรียน ออกเป็น 5 ห้องตามประเภทปัญหา หลังจากที่ได้สอนนักเรียนไป 2 รุ่น ทั้งหมด 100 คน ทำให้นักเรียนสามารถแก้ไขปัญหาของตนเองและครอบครัวได้ แต่ก็ต้องมีการต่อสู้กับการทำงานของเจ้าหน้าที่อำเภอมาก (ท่านกงสุล  ถามว่า อำเภอรู้เรื่องกฎหมายไหม? ตอบว่า รู้กฎหมาย แต่อาจเป็นการไม่ปฎิบัติตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ และยังถามว่า นักเรียนห้าห้องตอนนี้ทำคู่มือเสร็จหรือยัง คุณกานต์ เสริมชัยวงค์ ตอบว่า ร่างเสร็จแล้วแต่ยังไม่ได้ตีพิมพ์ และยังถามต่ออีกว่า นักเรียนที่มาเรียนคัดมาจากไหน คัดจากจำนวนคนเท่าไหร่ นักเรียน100 คนที่มาเข้าห้องเรียนอยู่ไกลสุดมีไหม แล้วนักเรียนมายังไงมานอนที่นี่หรือ)

              หลังจากที่ได้เล่าถึงห้องเรียนฯและคู่มือแล้ว คุณลืนหอม สายฟ้า ได้พูดถึงอุปสรรคการทำงานของคลินิก ซึ่งก็ คือความไม่ถาวรของโครงการ เพราะจะต้องมีการต่อโครงการเป็นปีต่อปี (ท่านกงสุล  ถามว่า คลินิกกฎหมายได้งบประมาณปีละเท่าไร? ตอบว่าไม่ทราบรายละเอียด เพราะอาจารย์วรรณทนี รุ่งเรืองสภากุล ผู้จัดการโครงการเป็นผู้ดูแล )และได้เล่าว่าคลินิกฯนั้นมีผู้เข้ามาขอความช่วยเหลือจากหลายๆที่ (คณะผู้ศึกษาดูงาน  ถามว่าคนที่มาขอความช่วยเหลือส่วนใหญ่มาจากไหนบ้าง ตอบว่า ส่วนมากเป็นคนอำเภอแม่อาย แต่อำเภอใกล้เคียงและจังหวัดเชียงราย และคนที่ทราบจากญาติพี่น้อง อยู่ต่างจังหวัดก็มาขอความช่วยเหลือ) และมีจำนวนมากขึ้น ซึ่งถือว่างานค่อนข้างเยอะแต่เมื่อต้องเทียบกับสำนักงานกฎหมายนั้นอุปกรณ์การทำงานอาจยังไม่ครบถ้วนและเพียงพอ จากนั้นคุณไมเคิล มอร์โรว์ได้ ขอดูอุปกรณ์การทำงาน เครื่องคอมพิวเตอร์ ปริ้นเตอร์  เครื่องสแกน  และตู้เก็บเอกสารของผู้มาขอความช่วยเหลือ ซึ่งท่านได้ห่วงใยในการจัดเก็บเอกสารของทางคลินิก เช่น มีการล็อคประตูอย่างแน่นหนาหรือไม่ ถ้าเกิดไฟไหม้ตู้เก็บเอกสารจะไหม้ตามหรือไม่  ได้ไปว่าข้อมูลของกรณี 1243 นั้นได้มีการบันทึกเก็บในฐานข้อมูลอิเล็คทรอนิกเรียบร้อยแล้ว ส่วนกรณีอื่นๆก็กำลังจะบันทึกลงในฐานข้อมูลเช่นกัน

          จากนั้นก็มีการชมภาพกิจกรรมต่างๆของทางคลินิกฯที่มีการจัดไว้ ซึ่งคณะผู้ศึกษาดูงานใช้เวลาดูงานที่คลินิกฯ ประมาณ  1 ชั่วโมง

          จากนั้นคุณบุญ พงษ์มา คุณสุ ดวงใจ  คุณกานต์ เสริมชัยวงค์ ได้พาคณะผู้ศึกษาดูงานไปดูพื้นที่ทำงานของคลินิกที่หมู่บ้านห้วยน้ำเย็น  ตำบลท่าตอน  อำเภอแม่อาย  จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งส่วนมากเป็นชาวลาหู่ ซึ่งมีปัญหาหลายกรณี แต่ส่วนมากจะเป็นกรณีที่ยังไม่ได้เพิ่มชื่อลูกเข้าในทะเบียนบ้านท.ร.14 ของพ่อกับแม่

          การลงพื้นที่นั้นท่านกงสุลมีหลายคำถาม เช่น

·       บุญเป็นเผ่าอะไร(บุญบอกลูกครึ่งพ่อเป็นไทยใหญ่เกิดไทยแม่เป็นคนเมืองล้านนา)

·       คนในหมู่บ้านส่วนใหญ่ไปคลอดที่ไหนระหว่างโรงพยาบาลกับที่บ้าน

·       คิดว่าเรื่องของสถานะบุคคลเรื่องสัญชาติจะเสร็จเมือไหร่

·       ในพื้นที่ห้วยน้ำเย็นนับถือศาสนาอะไรบ้าง

 

โดย สรุป คุณไมเคิล  มอร์โรว์ บอกว่าสหรัฐสนใจปัญหาคนไร้รัฐไร้สัญชาติมากงานที่คลินิกกฎหมายทำนั้นดีมาก

ฝากข้อมความในสมุดเยี่ยม ว่า

" Dear Mee AI Legal Clinic

Keep up  your wonderful effort. You are heroes of Thailand.

You can count on support from the American people and U.S Goverment. "

          คุณกานต์ เสริมชัยวงค์ บอกว่าวันนี้คนทำงานคลินิกกฏหมายทำงานดีมาก

 

**หมายเหตุ บางรายละเอียดที่เล่าครบต้องขออภัยด้วยค่ะ ถ้ามีข้อสงสัยอะไรก็สอบถามเพิ่มเติมได้ค่ะ

 

 ชมภาพบรรยากาศวันนั้นได้ที่นี่ค่ะ

 

 

ผู้บันทึกภาพลงพื้นที่  สุ  ดวงใจ

ผู้บันทึกรายงาน บุญ พงษ์มา, ลืนหอม สายฟ้า

 

[Archanwell]

อ.ว่า ชื่อบันทึก ควรจะเป็น "กงสุลอเมริกา ประจำจังหวัดเชียงใหม่ มาเยี่ยมคลินิกกฎหมายแม่อาย"

เวลาถูกดึงเข้า searching engin จะได้ชัดเจน

[Archanwell]

ตรงสไลด์น่ะ เยี่ยมมาก อ.ทำไม่เป็น ต้องสอนแล้วล่ะ ทำไงนะ

[คลินิกกฎหมายชาวบ้านแม่อาย]

เปลี่ยนชื่อบันทึกแล้วค่ะ อ.

ทำสไลด์ง่ายมากค่ะ แล้วจะส่งวิธีทำไปทางเมลล์ค่ะ