ฟ้อนกิงกะหร่า เป็นศิลปะการแสดงของชาวไทใหญ่ คำว่า “กิงกะหร่า” เป็นคำ ๆ เดียวกับคำว่า กินนร หมายถึง อมนุษย์ในนิยายซึ่งพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๔๒ หน้า ๑๒๘ ว่ามี ๒ ชนิด ชนิดหนึ่งเป็นครึ่งคนครึ่งนก ท่อนบนเป็นคนท่อนล่างเป็นนก อีกชนิดหนึ่งมีรูปร่างเหมือนคน เมื่อจะไปไหนมาไหนก็จะใส่ปีกใส่หางบินไป การฟ้อนกิงกะหร่าเป็นการเลียนแบบอมนุษย์ชนิดนี้ สำหรับความเป็นมานั้นมีเรื่องเล่าว่า
ในสมัยพุทธกาล หลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จกลับจากการไปจำพรรษา เพื่อโปรดพุทธมารดา ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ขณะเสด็จลงสู่โลกมนุษย์นั้น พุทธศาสนิกชนทั้งหลายได้พร้อมใจกันนำอาหารไปทำบุญตักบาตร ที่เรียกว่า “ตักบาตรเทโวโรหนะ” พร้อมนั้นบรรดาสัตว์ต่าง ๆ จากป่าหิมพานต์อันมีกินนรและ กินนรีเป็นต้น พากันมาฟ้อนรำแสดงความยินดีในการเสด็จกลับมาของพระพุทธองค์ ด้วยเหตุนี้จึงเกิดประเพณีตักบาตรเทโวโรหนะ และเฉพาะชาวไทใหญ่นิยมแต่งกายเป็นกินนรและกินนรี แล้วร่ายรำเลียนแบบอากัปกิริยาของอมนุษย์ประเภทนี้ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา เมื่อการแสดงชนิดนี้เผยแพร่ออกไปในวงกว้าง จึงนิยมแสดงในโอกาสอื่นนอกเหนือจากแสดงในช่วงเวลาดังกล่าว ส่วนสำคัญของการแสดง มีทั้งอุปกรณ์ ท่ารำ และดนตรีประกอบ มีรายละเอียดดังที่จะกล่าวถึงต่อไป อุปกรณ์สำคัญในการฟ้อนชนิดนี้ คือ ตัวกินนร
(กิงกะหร่า) ที่เรียกกันทั่วไปว่า “ตัวนก” ซึ่งมีส่วนประกอบ ๓ ส่วน คือ ปีก หาง และลำตัว เฉพาะปีกและหางทำด้วยไม้ไผ่หรือหวาย แต่ละส่วนจะทำเป็นโครงก่อนแล้วผ้าแพรสีต่าง ๆ ติดหุ้มโครงและใช้กระดาษสีตัดเป็นลวดลายตกแต่งให้สวยงาม จากนั้นนำมาประกอบกันโดยใช้ยางรัด เชือกหรือหวายรัดให้แน่น พร้อมทำเชือกโยงบังคับปีกและหางสำหรับดึงให้สามารถกระพือปีก และแผ่หางได้เหมือนนก ส่วนลำตัวผู้ฟ้อนจะใส่เสื้อผ้าสีเดียวกับปีกและหาง (อุปกรณ์การฟ้อนนี้ พบว่าบางแห่งมีเฉพาะหางเท่านั้น) นอกเหนือจากนี้ ส่วนของศีรษะอาจมีการโพกผ้าหรือสวมหมวกยอดแหลมหรือสวมหน้ากาก ซึ่งแล้วแต่ความนิยมของท้องถิ่น
ส่วนท่ารำ จะเป็นท่าที่เลียนแบบอากัปกิริยาของนกเช่น ขยับปีก ขยับหาง บิน กระโดดโลดเต้นไปมาตามจังหวะของกลอง ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีสำคัญในการกำหนดท่าการฟ้อนกิงกะหร่า บางครั้งจะแสดงคู่ชายหญิงโดยสมมุติเป็นตัวผู้และตัวเมีย แต่ส่วนใหญ่ที่พบมักเป็นตัวเมีย จึงมีชื่อเรียกตามที่เห็นอีกชื่อคือ“ฟ้อนนางนก” หรือ “ก้านางนก”
“ก้านางนก”
สำหรับดนตรีที่ใช้ประกอบ จะนิยมวงกลองก้นยาว (ปูเจ่) ตีประกอบจังหวะและใช้ท่วงทำนองหน้ากลองเป็นสิ่งกำหนดท่ารำด้วย
วงกลองก้นยาว
อนึ่ง มีการฟ้อนอีกอย่างที่มีลักษณะคล้ายกันเรียกว่า “กำเบ้อฅง” คำว่า “กำเบ้อ” หมายถึง ผีเสื้อ ฅง คือชื่อแม่น้ำสาละวิน การฟ้อนชนิดนี้ผู้แสดงจะแต่งกายด้วยเสื้อลายดอก มีสีสันแพรวพราว ศีรษะเกล้ามวยประดับด้วยดอกไม้ มีปีกที่บุด้วยผ้าลายดอกสวยงาม เวลาแสดงมีการหุบปีกกางปีกตามลีลา เครื่องดนตรีที่ใช้ประกอบ นอกจากจะใช้วงกลองก้นยาวแล้ว ยังพบว่ามีการใช้วงกลองมองเชิงประกอบการฟ้อนด้วย
สนั่น ธรรมธิ
สำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ข้อมูลดีมากจ๊ะ
การฟ้อนนกกิ่งกะหร่า จะมีทั่วในรัฐฉาน (ไทยใหญ่) ในประเทศจีน มณฑลยูนนาน หรือที่เรามักรู้จักกันว่า สิบสองปันนา เป็นเอกลักษณ์ของพี่น้องชาวไทยใหญ่โดยตรง คนไทยใหญ่อยู่ที่ไหนก็จะมีสิ่งสามสิ่งที่มักจะเอาไปด้วยคือ กลองก้นยาว นก โต สามสิ่งนี้ขาดไม่ได้เลย เช่นไทยใหญ่ที่อยู่ในอังกฤษ มาเล สิงคโป ญี่ปุ่น สหรัฐ เป็นต้น เมื่อมีงานจะนำ 3 สิ่งที่กล่าวมาแสดง และมักจะนำมาแสดงตลอดคือ วันปีใหญ่ไต คือวันขึ้นปีใหม่ไทยใหญ่ ตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 1 ปฏิทินทางจันทรคติ ทุกที่จะนำมาแสดงกันทั่วโลก