กาน้ำแก่
กาน้ำแก่ตัวหนึ่งมาคะเนในใจเสียว่า “เออ! ตัวเราหรือก็เก่าคร่ำคร่า ขาเพลีย หูตามัว และดูไม่ได้ไกลจะดำน้ำหาปลาก็ไม่ไคร่ไหว จำจะหาวิธีใหม่ ให้ปลามาหาเราดีกว่า
กาน้ำเมื่อพิเคราะห์ดูฉะนี้ ก็โผไปที่บ่อใหญ่ใกล้ๆภูเขา ใช่เล่ห์กระเท่ห์ว่ากะ ปู ว่า “แฮะ เกลอ ! ใจเรานี้ฝ่อแฝ่ เพราะปรานี แก่ หมู่เหล่า ปู ปลา ที่อยู่ในบ่อนี้เหลือใจ ละ เพราะเรารู้ว่าในเวลาไม่สู้ช้า เจ้าบ่อจะไขประตูน้ำ เต่าปลาที่ไหนจะมีเหลือละ เกลอขา”
ปูโง่เขลาถือว่าแน่ก็ผละไปเล่าแก่เต่าปลาในบ่อให้รู้ทั่ว ปลาเหล่านี้ซิ! ซ้ำเซ่อใหญ่ ก็โผล่หน้ามาไสว พร่ำพิไรแก่กาน้ำว่า “ใต้เท้าเจ้าขา! ใต้เท้าปราณีเถอะ! ข้าเจ้า กำพร้า หาที่อยู่ไม่ได้ ขอใต้เท้าอย่าเพ่อสละข้าเจ้า เสียนะเจ้าคะ”
กาน้ำดีใจ ก็ล่อปลาต่อไปว่า “เอาเถอะ! ข้าจะเฉลี่ยไมตรีต่อเจ้าไว้จะพาเจ้าไปอยู่บ่อน้ำใสๆ บ่อนี้ไม่สู้ใกล้ไม่สู้ไกล ใครจะไปดูก็ไม่ปะเจ้าจะอยู่ช้าต่อไปกี่ปีๆก็ได้ เพราะไม่มีใครรู้”
หมู่ปลาดีใจก็กระทำไมตรีต่อขอแต่ว่า “ข้าขอไปหน้าเถอะ! ข้าขอไปหน้าเถอะ!” กาน้ำเจ้าเล่ห์ ก็คว้าเอาปลาทีละตัวๆ พาไปใส่ไว้ในบ่อที่ไม่ใหญ่โตกว่าปลาในบ่อเก่าจะไม่มีเหลือ
ต่อไปเมื่อกาน้ำจะเอาตัวปลาทำเหยื่อเมื่อใด ก็มาคร่าเอาได้ไวๆ พาไปขม้ำเสียเสมอร่ำไป
นี้แหละพ่อหนูแม่หนูขา! อย่าได้ไว้ใจเชื่อวาจาเจ้าเล่ห์จะพาให้เสียตัว
ที่มา หนังสือดรุณศึกษา ชั้นเตรียมประถม บริษัทโรงพิมพ์ไทยวัฒนาพาพานิช จำกัด 2546
นิทานใช่จะสำคัญแค่เฉพาะเด็กปกติเท่านั้น เด็กหูหนวกเองก็มีความอยากที่จะดูครูเล่านิทานให้ดูเหมือนกัน นิทานทำให้เขาเรียนรู้การใช้ภาษามือ เกิดจินตนาการ คิดสร้างสรรค์ได้ เมื่อเราเป็นครูสอนเด็กหูหนวก ควรที่จะเติมเต็มสิ่งที่เขาขาดเพื่อพัฒนาเขาให้เต็มตามศักยภาพที่มีอยู่ ควบคู่ไปกับการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม แก่พวกเขาด้วย ดูภาพนี้แล้วทุกท่านคงจะชัดเจนได้เลยว่า นิทานกับคนหูหนวกนั้นไม่ต่างจากกันกับเด็กปกติเลย