จากสถานการณ์ราคาน้ำมันแพงในปัจจุบัน ส่งผลให้ต้นทุนในการผลิตโดยเฉพาะต้นทุนด้านพลังงานขยับตัวสูงขึ้น หลายๆองค์กรในประเทศไทยจึงมีความตื่นตัวและให้ความสำคัญในเรื่องการจัดการความรู้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ต้องพึ่งพาการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะเราไม่มีแหล่งทรัพยากรด้านพลังงานเป็นของตนเอง ทำให้ต้นทุนในการผลิตสูง ซึ่งเป็นอุปสรรคในการแข่งขันทางการค้ากับประเทศคู่แข่ง ฉะนั้นแล้วหนทางความรู้รอดของประเทศและธุรกิจ ก็มีอยู่ทางเดียวคือ “การจัดการความรู้”
ซึ่งการที่จะให้การจัดการความรู้ในองค์กรประสบความสำเร็จได้นั้น จำเป็นต้องเกิดจากความร่วมแรงร่วมใจ และที่ขาดไม่ได้ก็คือความร่วมมือของทุกคนในองค์กร เอาล่ะ…เรามาทราบวิธีการในการให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบกันดีกว่าค่ะ
วิธีการ
1. การจัดการการเปลี่ยนแปลงและพฤติกรรม (Transition and Behavior Management)
วัฒนธรรมเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับองค์กรเพราะวัฒนธรรมมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของคนในองค์กรและเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ยากยิ่ง การจัดการความรู้ที่มีประสิทธิภาพเริ่มต้นจากการที่คนในองค์กรมีการแลกเปลี่ยนและแบ่งปันความรู้ซึ่งกันและกัน ดังนั้นการสร้างหรือปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรเป็นสิ่งที่ต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างสูงและกินเวลานานกว่าที่องค์กรจะเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน และที่สำคัญกว่านั้นก็คือ การปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรเป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะทำให้ความเชื่อและพฤติกรรมที่องค์การต้องการให้เกิดขึ้นสามารถซึมลึกเข้าไปในบรรทัดฐานและค่านิยมของคนในองค์กรจนก่อเกิดเป็นวัฒนธรรมขึ้นมาได้ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของคนในองค์กรให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ควรที่จะ เริ่มต้นจากผู้บริหารก่อนที่จะขยายผลออกสู่บุคลากรในทุกระดับ ประเด็นที่องค์กรควรจะพิจารณาถึงในองค์ประกอบนี้ ได้แก่
o ผู้บริหารระดับสูงจะต้องให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่รวมถึงมีส่วนร่วมกับกิจกรรมต่างๆ อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง
o จัดตั้งทีมงานเพื่อทำหน้าที่ดำเนินการวางแผนและจัดกิจกรรมต่างๆ
o กำหนดว่าอะไรคือปัจจัยแห่งคามสำเร็จ (Critical Success Factors) ของการจัดการความรู้ และต้องมั่นใจได้ว่าปัจจัยเหล่านี้มีอยู่หรือสามารถสร้างให้เกิดขึ้นได้ภายในองค์กร
o ผู้บริหารระดับสูงต้องเป็นแบบอย่างที่ดี (Role Model) ในการแลกเปลี่ยนและจัดการความรู้
o สร้างสภาพแวดล้อมภายในองค์กรที่เปิดโอกาสให้พนักงานสามารถลองผิดลองถูกได้และเปิดกว้างให้มีการทดลองนำเอาความคิดริเริ่มสร้างสรรค์มาปฏิบัติจริง
2. การสื่อสาร (Communication)
การสื่อสารเป็นหัวใจหลักที่ทำให้ทุกคนในองค์กรเข้าใจถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น สิ่วที่องค์กรจะต้องสื่อสารให้ทุกคนในองค์กรเข้าใจก็คือ องค์กรกำลังจะทำอะไร ทำไปเพื่ออะไร จะทำเมื่อไหร่ และจะทำอย่างไร ถ้าองค์กรสามารถสื่อสารสิ่งเหล่านี้ให้พนักงานทุกคนรับทราบได้อย่างชัดเจนก็จะเป็นก้าวแรกที่ทำให้พนักงานสนใจที่จะเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ รวมถึงเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของพนักงานเอง องค์กรต้องมีการวางแผนการสื่อสารที่เป็นระบบและทำการสื่อสารอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง การสื่อสารเกี่ยวกับการจัดการความรู้จะต้องคำนึงถึง เนื้อหาของเรื่องที่ต้องการจะสื่อสาร กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสื่อสาร และช่องทางในการสื่อสาร เนื่องจากความสามารถในการรับรู้ของคนในแต่ละกลุ่มแต่ละระดับจะแตกต่างกันออกไป
3. กระบวนการและเครื่องมือ (Process and Tools)
องค์กรจะต้องเลือกใช้กระบวนการหรือเครื่องมือใดนั้น ควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ประเภทของความรู้ภายในองค์กร พฤติกรรมหรือลักษณะการทำงานของคนในองค์กร รวมถึงวัฒนธรรมขององค์กร เพราะสุดท้ายที่สุดแล้ว คนในองค์กรจะเป็นผู้ที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนและเครื่องมือต่างๆเหล่านี้โดยตรง ถ้ากระบวนการและเครื่องมือที่นำมาใช้ไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการหรือพฤติกรรมของคนในองค์กรได้ กระบวนการหรือเครื่องมือเหล่านั้นก็จะไร้ประโยชน์
4. การฝึกอบรมและการเรียนรู้ (Training and Learning)
เพื่อเตรียมความพร้อมของบุคลากรทุกระดับสำหรับการจัดการความรู้ องค์กรจะต้องจัดให้มีการฝึกอบรมเกี่ยวกับแนวทางและหลักการของการจัดการความรู้แก่บุคลากรเพื่อที่จะสร้างความเข้าใจและความตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการและการแลกเปลี่ยนความรู้ภายในองค์กร นอกจากนี้องค์กรควรจะพิจารณาให้มีการจัดฝึกอบรมในหลายรูปแบบเพื่อเปิดโอกาสให้บุคลากรในองค์กรสามารถเข้ารับการฝึกอบรมได้อย่างสะดวก ทั้งนี้โดยพิจารณาเพื่อให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของการทำงานของบุคลากร
5. การวัดผล (Measurement)
การวัดผลถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่จะช่วยบอกถึงสถานะของกระบวนการหรือกิจกรรมต่างๆ ภายในองค์กร และจากการวัดจะสะท้อนถึงประสิทธิภาพและประสิทธิผล ซึ่งจะช่วยให้องค์กรสามารถทบทวนแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆ รวมถึงปรับปรุงให้กระบวนการต่างๆ ประสบผลสำเร็จมากยิ่งขึ้น การวัดผลและผลจากการวัดจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้การริเริ่มการจัดการความรู้ภายในองค์กรประสบผลสำเร็จอย่างยั่งยืน
6. การยกย่องชมเชยและให้รางวัล (Recognition and Rewards)
องค์กรอาจจะใช้การยกย่องขมเชยและให้รางวัลเป็นแรงจูงใจในช่วงเริ่มต้นเพื่อโน้มน้าวบุคลากรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการแลกเปลี่ยนความรู้และเข้าร่วมกิจกรรมการจัดการความรู้ แต่ในระยะยาวแล้วสิ่งที่จะสามารถโน้มน้าวให้บุคลากรในองค์กรสนใจแลกเปลี่ยนความรู้ไดดีที่สุดก็คือ ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับตนเอง เช่น การที่เขาสามารถปฏิบัติงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
และจากการที่องค์กรของดิฉันได้นำวิธีการต่างๆในการจัดการความรู้ที่กล่าวมาข้างต้นไปประยุกต์ใช้บ้างไม่ใช้บ้าง ซึ่งก็พบปัญหาในการมีส่วนร่วมของผู้ใช้หรือพนักงาน ประเด็นสำคัญๆ ดังจะกล่าวต่อไป
ปัญหา
ปัญหาจากตัวบุคคล เนื่องจากต้องกล่าวนำให้ทราบก่อนว่า บริษัทของข้าพเจ้าเป็นโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเลแช่เยือกแข็ง ซึ่งต้องใช้แรงงานเป็นหลัก ประกอบกับสายการผลิตที่ไม่มีสายการผลิตเฉพาะสำหรับผลิตภัณฑ์แต่ละผลิตภัณฑ์ ซึ่งค่อนข้างมีความหลากหลายทั้งในส่วนของชนิดผลิตภัณฑ์ (ซึ่งมีอยู่ประมาณ 200 กว่ารายการ) กระบวนการผลิต ส่วนผสมซึ่งหลากหลาย ซึ่งเป็นวัตถุดิบของสดทางการเกษตร ซึ่งเน่าเสียได้ง่าย ต้องควบคุมการจัดเก็บเป็นอย่างดี ฉะนั้นแล้วหัวหน้างานซึ่งเป็น Supervisor ในส่วนของสายงานผลิตทั้ง Q.C R&D และ Production จึงมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อกระบวนการผลิต ซึ่งจะต้องเข้าไปอยู่หน้างานเกือบตลอดเวลาเพื่อคอยควบคุมการทำงานของพนักงานและกระบวนการ เพื่อป้องกันปัญหาและความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นจากหลายๆสาเหตุ จากลักษณะการทำงานดังกล่าวการที่ Supeervisor ต้องไปสัมผัสหน้างานจริง ก็เกิดผลดีในส่วนของทักษะความชำนาญและประสบการณ์ สามารถรู้ปัญหาจริงที่เกิดขึ้น แต่ในทางตรงกันข้ามก็มีข้อเสียคือ เนื่องจากใช้เวลาอยู่หน้างานเสียส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยมีเวลาได้มาทำกิจกรรมแลกเปลี่ยนความรู้กัน อย่างเช่น การประชุมปรึกษาหารือแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกันในฝ่ายและระหว่างฝ่าย จึงทำให้ความรู้ โดยเฉพาะ Tacit Knowledge มักจะติดอยู่กับตัวบุคคล หรือจะถ่ายทอดกันแค่จากการพูดคุยกันในวงแคบแค่หน้างานปากต่อปากแค่คนสองคน และบางท่านอาจจะไม่ทราบ ว่าสิ่งที่ตนรู้มีประโยชน์กับคนอื่นหรือไม่ ไม่ทราบว่าคนอื่นไม่รู้สิ่งที่ตนเองรู้ ไม่เห็นประโยชน์ ไม่มีแรงจูงใจของการแลกเปลี่ยนความรู้ เป็นต้น ซึ่งผู้บริหารก็ทราบปัญหานี้ดี คงต้องติดตามกันต่อไปว่าจะแก้ปัญหากันอย่างไรค่ะ
วัฒนธรรมองค์กรเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยผลักดันให้บุคคลากรดำเนินการเรื่องใดๆด้วยความมั่นใจ เช่นเดียวกันกับการจัดการความรู้ ถ้าเรามุ่งมั่น ตั้งใจทำแต่วัฒนธรรมองค์กรไม่ได้ส่งเสริม ก็จะกลายเป็นสิ่งที่แปลก ความต่างออกจากคนทั่วไปซึ่งอาจได้รับทั้งการเห็นด้วยและการที่ไม่เห็นด้วย