ใครจะเชื่อว่า เมื่อครอบครัวเราได้มีลูกกู๊ดดี้เกิดขึ้นมานั้น จะมีโปรโมชั่นแถมลูกมาให้พวกเราด้วยอีกหนึ่ง เรื่องราวที่จะถ่ายทอดนี้มีทั้งอารมณ์สงสารและน่าประทับใจเกิดขึ้นตามมาด้วย จะย้อนเวลาเล่าให้ฟังค่ะ
เมื่อกู๊ดดี้อายุได้ประมาณ 1 เดือน คุณแม่ก็ทราบข่าวจากคุณพ่อว่า มีบ้านหลังหนึ่งที่อยู่บริเวณหน้าที่ทำงานของคุณพ่อ มีเด็กชายทารกแรกเกิด ชื่อ “น้องอิงค์” เพิ่งเกิดมาได้ 10 วัน คุณแม่ของเด็กคนนี้ได้เสียชีวิตไป น่าสงสารมาก
คุณแม่ได้ฟังเรื่องราวก็นึกสงสารขึ้นมาจับใจ ประกอบกับช่วงนั้นเราก็มีลูกเหมือนกัน คิดไปต่างๆ นาๆ เรื่องราวเด็กคนนี้วนเวียนอยู่ในหัวแม่.. จนในที่สุดแม่ก็คิดขึ้นได้ว่า อะไรที่พอจะช่วยได้ แม่ก็อยากช่วย ก็เลยตัดสินใจเอ่ยปากถามคุณพ่อให้ไปสอบถามทางบ้านเด็กคนนี้ดู ว่า “หากแม่จะปั๊มนมแม่ ให้น้องดื่มจะรับไหม” เพราะช่วงที่มีน้องกู๊ดดี้ แม่ให้นมแม่โดยตลอด และปั๊มเก็บไว้ให้ทานเวลากลางดึกที่แม่ต้องพักผ่อน คุณพ่อก็จะเป็นคนป้อนนมแม่จากขวดด้วย ตอนนั้นนมแม่ เยอะมาก ปั๊มได้วันละประมาณ 50 oz. ปั๊มจนน้องกู๊ดดี้ทานไม่ทันเลยแหละ
เช้ารุ่งขึ้น คุณพ่อก็กลับมาบอกว่า “ทางบ้านน้องอิงค์ดีใจมาก เพราะน้องอิงค์จะได้ดื่มนมแม่เหมือนเด็กคนอื่นด้วย” แม่ก็เลยแบ่งนมที่ปั๊มให้น้องกู๊ดดี้ แบ่งไปให้น้องอิงค์วันละ 10 oz. ทุกวัน โดยคุณพ่อจะเป็นคนถือขวดนม (ที่ใส่นมแม่) ไปให้น้องอิงค์ (นึกภาพดูแล้วกัน คุณพ่อตัวโตๆ ใส่เครื่องแบบถือขวดนมเด็กไปทำงานน่ะ อิอิ) ทำอย่างนี้ทุกวันจนน้องอิงค์อายุได้ประมาณ 9 เดือน ตอนนั้นกู๊ดดี้ก็ประมาณ 10 เดือนแล้วล่ะ นมแม่ก็เริ่มหมดลง เพราะช่วงนั้นคุณตาป่วยหนักต้องเข้าโรงพยาบาลตลอดจนคุณตาเสียชีวิตลง แม่ก็เครียด ต้องไปดูทั้งคุณตา และไหนจะคุณยายอีก และก็ลูกของแม่อีกหนึ่ง นมแม่ก็เริ่มลดน้อยลง จนไม่ได้ให้น้องอิงค์อีก ส่วนกู๊ดดี้ก็ทานได้จนถึง 11 เดือน แม่เห็นว่าไม่พอแล้ว เลยต้องเปลี่ยนมาให้ทานนมผสมสลับด้วย จนครบ 1 ขวบ ก็ทานนมผสมมาตลอด..
น้องอิงค์ จะถือว่า เป็นเด็กที่ได้ทานนมแม่ (แม่ของกู๊ดดี้) เหมือนกับลูกกู๊ดดี้เลย เวลาไหนที่แม่แวะไปที่ทำงานคุณพ่อในบางครั้ง แม่ก็จะแวะไปพบ น้องอิงค์ ที่หน้าที่ทำงานคุณพ่อเสมอ น้องอิงค์ดูแข็งแรง และน่าจะตัวโตกว่ากู๊ดดี้เยอะ.. เพราะประโยชน์จากนมแม่นี่แหละ ถ้าได้ให้เองแล้วจะรู้ว่า เด็กแข็งแรงดีจริงๆ ลูกกู๊ดดี้ไม่เคยป่วยถึงขนาดต้องเข้าโรงพยาบาลเลย แถมเวลาเป็นหวัดเล็กๆ น้อยๆ พักผ่อนก็หายแล้ว ซึ่งคุณหมอประจำตัวลูก (ที่ รพ.เวชธานี) ยังเคยเอ่ยปากว่า “กู๊ดดี้ประวัติดีมาก ตัวเล็กๆ แต่แข็งแรงดีจริงๆ”
จนเมื่อสับปดาห์ที่แล้ว กู๊ดดี้เตรียมตัวเข้าโรงเรียน แม่แวะไปเยี่ยมถามทุกข์สุขน้องอิงค์ เจอเข้าตกใจมาก เพราะไม่ได้เจอกันนาน ตอนนี้น้องอิงค์หนัก 21 kg. (กู๊ดดี้หนัก 13 kg. เอง) ส่วนความสูง กู๊ดดี้นำไปหน่อยนึง ท่าทางน้องอิงค์แข็งแรง ใส่ชุดแบตแมนเข้ามาสวัสดี คุณยายน้องอิงค์รีบให้เรียกแม่ว่า “แม่” เหมือนทุกครั้ง เพราะตั้งแต่เจอกับครอบครัวนี้ แม่ก็กลายเป็นแม่น้องอิงค์ไปด้วยแล้ว ส่วนคุณพ่อก็กลายเป็นพ่อไปด้วยเหมือนกัน กู๊ดดี้ก็ต้องเป็นพี่น้องอิงค์ไงล่ะ อิอิ
น้องอิงค์ถือเป็นเด็กที่โชคดีมาก เพราะที่บ้านของน้องอิงค์ให้ความรักความอบอุ่นไม่แพ้เด็กอื่น ไหนจะมีน้าสาว ซึ่งไม่มีลูก รับเป็นบุตรบุญธรรมอีกด้วย ตอนนี้น้องอิงค์กำลังจะเป็นเด็กอนุบาลเหมือนกู๊ดดี้ ทราบมาว่า น้องอิงค์เข้าโรงเรียนศูนย์พัฒนาเด็กเล็กแถวๆ บ้าน นั่นเอง..
นี่จึงถือเป็นเรื่องราวประทับใจ และความผูกพัน ของ 2 ครอบครัวที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และตอนนี้กลับต้องมารู้จักกัน แบบฟ้าบันดาลอ่ะนะ.. หรือว่าเป็นพรหมลิขิตมาแต่ชาติปางก่อน ก็เป็นไปได้..
เฮ้อ..ซึ้งกะเค๊าไม่เป็น จบด้วนๆ อย่างงี้ล่ะกันค่ะ..
โฉมหน้าน้องอิงค์ ตอนอายุประมาณ ขวบครึ่ง
ส่วนชื่ออิงค์ เพราะตัวดำๆ เหมือนหมึกค่ะ คุณยายน้องอิงค์บอกมา
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย goody krub ใน ย้อนอดีตไปกับกู๊ดดี้ ...
เป็นการให้ประเสริฐมากครับ สำหรับให้นมแม่
ขอบคุณสำหรับสาระดีๆครับ อ่านแล้วพลอยได้บุญไปด้วย