หนังของ ยุทธนา มุกดาสนิท เรื่อง“น้ำพุ” นี้ออกฉายเมื่อปี 2527 ตอนนั้นผมอยู่ประมาณ ม. ต้น ได้มีโอกาสดูกับเขาด้วยเนื่องด้วยเป็นหนังที่สร้างจากวรรณกรรมขึ้นชื่อของ สุวรรณี สุคนธา ซึ่งเป็นหนังสือนอกเวลาของนักเรียนในสมัยนั้น ทางโรงเรียนจึงส่งเสริมให้ไปดูกัน แต่กลับมาต้องทำรายงานด้วย ตอนนั้นยังจับประเด็นไม่เป็นว่าหนังเรื่องนี้ให้อะไรบ้าง พอกลับมาทำรายงาน ก็ได้แต่เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหนังนั้นเท่านั้น จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ผมไปเดินตลาดนัดได้ไปพบกับหนังเรื่องนี้ซึ่งเป็น VCD ราคา แค่ 29 บาท จึงรีบคว้าไว้ทันที
และเมื่อวานนี้เองผมก็ได้ชมเรื่องราวในหนังนั้นอีกครั้ง มุมมองความรู้สึกและความคิดเห็นจากการดูหนังเมื่อกว่า 25 ปีที่แล้ว กับปีนี้ดูแตกต่างกันอย่างมาก ตอนนั้นดูจากมุมมองของเด็กวัยรุ่น ตอนนี้ดูจากมุมมองของความเป็นพ่อแม่และครู ทำให้ยิ่งตอกย้ำความเข้าใจยิ่งขึ้นว่าสถาบันครอบครัว แม้เป็นสถาบันเล็กๆ แต่เป็นฐานใหญ่ของการดำเนินชีวิตเลยทีเดียว เรื่องราวของน้ำพุได้กล่าวถึงความล้มเหลวของสถาบันครอบครัว พ่อแม่ไม่เข้าใจกัน แยกทางกัน พ่อมีเมียใหม่ แม่มีผัวใหม่ ลูกโหยหาความรักความอบอุ่นจากพ่อแม่ แม่ไม่มีเวลาให้ลูก แม่ซึ่งเป็นผู้หญิง ไม่เข้าใจธรรมชาติของลูกผู้ชาย โดยเฉพาะลูกชายที่เป็นวัยรุ่น ตัวละครแต่ละคนผมคิดว่าคิดมองแต่ในมุมมองและกระบวนทัศน์ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ พี่ น้อง ครู ตัวเอง ล้วนต้องการในสิ่งที่ตนเองคาดหวังไว้ ผมจึงขอสรุปว่าทุกคนในเรื่องนี้ไม่มีความเข้าใจกัน ใช้อารมณ์ตัดสิน เมื่อไม่ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการก็พยายามหาทางออกจากสิ่งต่างๆ โดยการไขว่คว้าสิ่งที่คิดว่าตัวเองจะมีความสุข เป็นการเพิ่มเพื่อตอบสนองกิเลสตัณหาทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นแม่ที่หาเงินให้มากขึ้น ด้วยคิดว่าเงินจะบันดาลความสุขมาให้ครอบครัว ตัวน้ำพุเองเมื่อไม่ได้ความรักความอบอุ่นจากคนที่รักไม่ว่าจะเป็น แม่ เพื่อน คนรัก จึงต้องหาทางออกจากยาเสพติดอีกครั้ง ทั้งๆ ที่เคยเลิกได้แล้วก็ตาม จนเกิดโศกนาฏกรรมขึ้น ครูที่ไม่เข้าใจลูกศิษย์ ก็ใช้กรอบความคิดของตัวเองครอบคนอื่นไว้ เมื่อลูกศิษย์ทำผิดไม่ได้ดั่งใจก็สั่งลงโทษและใช้คำพูดที่ทำให้ผู้ฟัง ฟังแล้ว จิตเกิด
จากปัญหาดังกล่าวผมคิดว่าถ้าเราคุยกันมากขึ้น ฟังมากขึ้น มองในมุมมองของคนอื่นๆ บ้าง โดยใช้หลักการ Dialogue หรือสุนทรียสนทนา ก็น่าจะแก้ตรงนี้ได้บ้าง
เมื่อไม่ได้ความรักความอบอุ่นจากคนที่รักไม่ว่าจะเป็น แม่ เพื่อน คนรัก จึงต้องหาทางออกจากยาเสพติดอีกครั้ง
ปัจจุบันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ครับ พวกเด็กกลุ่มเสี่ยงทั้งหลาย ปัญหาก็มาจากขาดความรักความอบอุ่นในครอบครัว
ทางออกที่ดี
ถ้าเราคุยกันมากขึ้น ฟังมากขึ้น มองในมุมมองของคนอื่นๆ บ้าง โดยใช้หลักการ Dialogue หรือสุนทรียสนทนา ก็น่าจะแก้ตรงนี้ได้บ้าง
ขอบคุณมากครับ
ขอเรียนรู้ด้วยค่ะ
ต้องคุยกันภายในครอบครัว อยู่ที่พ่อแมใว่มีเวลาให้ลูกหรือเปล่าค่ะ
หวัดดีคับ..
กู๊ดดี้แวะมาอ่านคับ เรื่องนี้มีคติสอนใจสังคมได้ดีจนถึงปัจจุบันเลยนะคับ
คุณแม่กู๊ดดี้เคยบอกว่า มีลูกชายก็น่าเป็นห่วง โดยเฉพาะสังคมในปัจจุบัน
อย่างเรื่องยาเสพติด กี่ปีกี่ปี ก็ไม่หมดไปจากสังคมซักที นี่ยาบ้าระบาดหนักกว่าเดิมแล้วนะคับ วิวัฒนาการใหม่ ข่าวออกมาว่า มีรสชาเขียวด้วย..
เฮ้อ.. แต่ยังไงเรื่องความอบอุ่นในครอบครัว น่าจะเป็นรากฐานที่ดีสำหรับเด็กคับ..
สวัสดียามดึกค่ะ
เจ้าของบ้านหลับหรือยังเอ่ย...
แจ้งกรุ๊ปเลือดหรือยังคะ
ที่นี่ นะคะ
แผ่นนี้ผมซื้อมาจากตลาดนัดแฟลตปลาทองราคา 29 บาท เองครับ