วันที่ 3 ปิดวาจา

เข้าสู่วันที่ 3 ของการภาวนาแล้วค่ะ  วันอาทิตย์ยามเช้าจะน่าภาวนากันขนาดไหน แล้ววันนี้จะเจออะไรบ้าง  ลองอ่านดูนะคะ

 

วันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2552

 

04.00 น.  เสียงออดดังเรียกให้ตื่นแล้วค่ะ โอ๊ย..ปวด ระบมไปทั้งตัว  ไม่อยากจะตื่นเลยค่ะ  เดินหลับๆตื่นๆไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าแปรงฟัน  อาบน้ำ อย่างรวดเร็ว (จะได้สดชื่น) แต่งตัวเตรียมไปสวดมนต์ค่ะ 

04.15 น.  เสียงออดดังเตือนครั้งที่ 1 ให้เตรียมตัวเข้าห้องปฏิบัติธรรม แพรก็มาดื่มกาแฟร้อนๆผสมไมไล เป็นกาแฟมอคค่าร้อนๆ 55  อืม...หอม  อร่อย  เรียกสติกันก่อนเข้าห้องค่ะ บรรยากาศตอนเช้ามืดนี่ก็ดีนะ สบายๆ จิปกาแฟตอนตี 4 แบบนี้ก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบ อาทิตย์ยามเช้า ถ้าอยู่บ้านก็ยังไม่ตื่นหรอกค่ะ

04.30 น.    เสียงออดดังเตือนครั้งที่ 2 ให้เข้าห้องปฏิบัติธรรมได้แล้วค่ะ เฮ้อ..ถึงเวลาออกรบอีกแล้วหรือเนี่ย.. ใจมันอยากจะอู้น่ะ  แต่ก็ไม่ละเลียดจิปกาแฟต่อ..

04.35 น. เดินเข้ามาสวดมนต์ทำวัตรเช้า  พระอาจารย์แม็คนำสวดค่ะ 

05.30 น.  เสร็จแล้วก็ปฏิบัติธรรมกันต่อค่ะ เดินจงกรม Step 2 “ยกหนอ  เหยียบหนอ” 30 นาที นั่งสมาธิ 30 นาที สลับไปมา ก็สู้ทนกับเวทนาไป ฟุ้งซ่านไป

06.25 น  ใกล้หมดเวลาพระอาจารย์ก็นำแผ่เมตตา กรวดน้ำแผ่ส่วนบุญ กราบลาพระพุทธ กราบลาพระอาจารย์  แล้วลงไปทานข้าวเช้ากันเถอะค่ะ  ท้องร้องแล้ว

06.35 น  ไปต่อแถวตักอาหารกันนะคะ เมนูอาหารเช้าวันนี้ ข้าวต้มเห็ด  น้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ กล้วย  มะละกอ  อาหารเยอะค่ะ  อร่อยค่ะ หิวมากค่ะก็เลยทานเยอะ (แฮะๆๆ) ทานเสร็จแล้วก็พักผ่อนตามสบายค่ะ  แพรเอาผ้าขาวไปซักในห้องน้ำด้านในค่ะ  ไม่มีกะละมังให้ค่ะ ก็ซักไปเท่าที่จะทำได้ค่ะ

ถึงจะใช้ห้องน้ำรวมนะคะ  แต่ก็ห้องน้ำสะอาดมากค่ะ  เพราะจะมีแม่บ้านมาทำความสะอาดห้องน้ำและห้องพักทุกวัน  ไม่ต้องกังวลว่าเราจะต้องขัดห้องน้ำเองนะคะ  เราอย่าทำสกปรกมากก็พอค่ะ

07.15 น.  พักได้ไม่กี่นาที เสียงออดดังเตือนครั้งที่ 1  ให้เตรียมตัวเข้าห้องปฏิบัติธรรมได้แล้วค่ะ  เข้าห้องน้ำ ดื่มน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย  เข้าสนามรบ เจอศึกหนักแน่

07.30 น  เสียงออดดังเรียกให้เข้าห้องแล้วค่ะ  เข้ามาปฏิบัติธรรมต่อได้เลย  เข้ามาในห้อง ไปที่เบาะนั่งประจำ  กราบพระแล้วก็เดินจงกรมเลยค่ะ  สู้ๆ

แพรเดินจงกรม  Step 2 “ยกหนอ  เหยียบหนอ”   ปวดที่บ่าขวามากค่ะ  การเดินจงกรมต้องเดินไขว้มือไปข้างหลัง ทำให้ปวดบ่า ไหล่ขวามาก  เหมือนมีอะไรหนักๆมากดไว้ตลอด  ทรมานแทบขาดใจ(หรือเพราะเราตั้งใจมาก  มันก็เลยเกร็งเกินไปจนปวดบ่า....สงสัยมาอีกแล้วค่ะ)  เป็นมา 3 วันแล้ว ทำไมไม่หายนะ

08.00 น   เปลี่ยนเป็นนั่งภาวนา “พองหนอ  ยุบหนอ”  อธิษฐานจิต 1 ชั่วโมงค่ะ ก่อนภาวนาก็สวดแผ่เมตตาก่อนนะคะ  อันนี้เป็นเทคนิคที่ครูอาจารย์สอนมาค่ะ  ใช้ได้ดีนะคะลองใช้ดูค่ะ 9.00 ค่อยเจอกันใหม่ค่ะ

เช้าวันนี้หลวงพ่อวีระนนท์ ให้ผู้ปฏิบัติธรรมเข้ามาสอบอารมณ์ค่ะ โดยมีห้องสอบอารมณ์อยู่หน้าห้องปฏิบัติธรรมค่ะ อ.อภิญญาก็จัดวัน เวลาให้แต่ละคนได้เข้าไปคุยกับหลวงพ่อ  โดยเข้าไปครั้งละ 3 คน ถามทีละคน  อ.อภิญญาก็นั่งอยู่ในห้องสอบอารมณ์ด้วยค่ะ  น้องบอยจะทำหน้าที่เรียกคิว จัดคิวให้ ใกล้เวลาก็ให้มานั่งรอ ยังไม่ถึงเวลาก็ปฏิบัติต่อไป

แพรอยู่กลุ่มที่ 3ค่ะคือ มีประสบการณ์แล้ว ก็ไม่มีวันเวลากำหนดให้  แต่ถ้าอยากจะคุยก็ไปต่อคิวเอาเองค่ะ (อืม..) แล้วผู้หญิงที่จะเข้าสอบอารมณ์ต้องนุ่งผ้าถุงนะคะ  ถ้าไม่มีทางยุวพุทธฯก็จัดเตรียมไว้ให้ใช้ค่ะ  ใช้เสร็จก็วางคืนค่ะ เดี๋ยวเค้าเก็บไปซักเอง ส่วนพระอาจารย์แม๊ค จะคอยเดินดูพวกเราอยู่ในห้อง และก็ภาวนาไปพร้อมๆกับเราค่ะ 

08.15 น     ดูดีๆนะคะ  เวทนาเริ่มเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร  เข้ามาตรงไหน  เข้ามาแล้วเป็นยังไง เห็นนิวรณ์ 5 ไหมค่ะ  ถ้าไม่เห็นดูที่นี่ค่ะ http://gotoknow.org/blog/gotoybat/261289

08.30 น     นอกจากเราจะ “พองหนอ  ยุบหนอ”  แล้ว  บางครั้งก็ต้องภาวนาว่า “รู้หนอ ปวดหนอ” ด้วยค่ะ ปวดตรงไหน รู้ตรงนั้น รู้แล้ววางๆ รู้เฉยๆ ไม่เข้าไปแทรกแซง รู้แล้ว วางได้แล้ว ทนได้แล้วก็กลับไปที่  “พองหนอ  ยุบหนอ” ค่ะ มาร 5 เข้ามาแล้วรู้ตัวไหมค่ะ ถ้าไม่รู้ดูที่นี่ค่ะ http://gotoknow.org/blog/gotoybat/261118

08.45 น     อู๊ย...ปวดขา  ปวดก้น ปวดคอ  สมาธิเริ่มแตกซ่าน  กระเส็น กระสับ กระส่ายมาก  ใจมันดิ้นๆ อยากออกจากสมาธิ อภิสังขารมารค่ะ  มันคอยมาหลอกค่ะให้ออกเถิดๆ เดี๋ยวค่อยมาสู้กับมันใหม่ นั่นแน่ๆ เวทนามาก็ดู ก็สู้ไป ใจก็คอยฟังนาฬิกามันตีบอกเวลาค่ะ “พองหนอ  ยุบหนอ  ปวดหนอ”

09.00 น       สาธุ..ดีใจมากค่ะ  นั่งได้จนถึงเวลาที่กำหนด  ก่อนออกจากสมาธิแผ่เมตตา  กรวดน้ำในสมาธินะคะ  ส่งตรงถึงที่ค่ะ เทคนิคนี้ครูอาจารย์ท่านก็ให้มาค่ะ แล้วค่อยๆคลายจากสมาธิ

ระบมไปหมดทั้งตัว แลกกับการภาวนาได้ 1 ชั่วโมง  ยังกับไปวิ่งมาราธอนมาค่ะ เหนื่อยมาก มารทั้ง 5  มาเพียบ  สู้กับมันแทบไม่ไหว ปวดเมื่อย ใจจะขาดเลยค่ะ

09.05 น      ยืดขาค่ะ ขาเป็นเหน็บก็นั่งทุบนั่งนวดขาไป  นวดบ่าไหล่ คอไปด้วย  คิดทบทวนค่ะว่าเมื่อกี้เป็นไงบ้าง  เจออะไรมาบ้าง  แล้วผ่านมาได้ยังไง  มองๆคนอื่นด้วยค่ะ  เค้าเป็นเหมือนเราไหมเนี่ย....

09.10 น      ลุกขึ้นเดินจงกรมต่อค่ะ สู้ๆ ไม่ให้เสียเวลาที่สละมา “พากเพียรหนอ”

09.30 น      อธิษฐานขอนั่งภาวนา 30 นาที ค่ะ  เช้าวันนี้จะขอเข้าสอบอารมณ์  อยากคุยกะหลวงพ่อค่ะ  แบบว่ามันสงสัยน่ะคะ

10.00 น    หมดเวลาภาวนา คลายออกจากสมาธิ ไม่มีใครมาเชิญ ก็เชิญตัวเองไปขอเข้าสอบอารมณ์ค่ะ  ก็ไปนั่งรอต่อแถวค่ะ

10.15 น    ถึงเวลาก็ได้เข้าไปคุย  แพรก็บอกอาการทางกายที่เกิดขึ้น คือ เวทนาแรงมาก ที่คอ บ่าไหล่ และขา ทำไมมันยังเกร็ง เครียดๆ สงสัยจะตั้งใจมากไปนะคะ  หลวงพ่อท่านก็เมตตาแนะนำ ให้ภาวนาสบายๆ  อย่าไปเกร็ง ไปเครียด  แพรรู้สึกเหมือนยังไม่ค่อยได้คำตอบที่ใช่น่ะ  แต่ก็เก็บความสงสัยบางอย่างเอาไว้ แบบว่า ไว้ดูเองก่อน  แล้วค่อยถามทีหลัง (เห็นไหมค่ะ เห็นวิจิกิจฉาไหมค่ะ)

10.20 น   เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา  ก็ลงสนามรบ  สู้ต่อไป  เดินจงกรม 15 นาที

10.35 น   เหลือเวลาไม่มากนั่งภาวนา สัก 25 นาที ก็ยังดีค่ะ  คราวนี้พยายามไม่เกร็ง ไม่เครียด บอกตัวเองว่าสบายๆ ดูสบายๆ

11.00 น  หมดเวลาภาวนาค่ะ  สาธุ!  แผ่เมตตา  กรวดน้ำ ค่อยๆคลายจากสมาธิ ก็นวดตัวคลายปวดก่อน  แล้วกราบลาพระพุทธ

11.10 น  เสร็จแล้วพาสังขารที่ยังระบมอยู่ลุกไปทานอาหารกลางวันค่ะ

เมนูอาหารกลางวัน คือ ข้าวกล้อง  แกงขี้เหล็ก  เต้าหู้ผัดขึ้นฉ่าย  ผัดผักรวมค่ะ มีผักกาด เห็ดฟาง แครอท และผลไม้ค่ะ

11.30 น  ทานเสร็จแล้วก็โทรศัพท์ไปคุยกะคุณต้นค่ะ  เพราะถ้าจำไม่ผิดหลวงพ่อจะให้สมาทานปิดวาจาวันนี้ ขอคุยก่อนแล้วกันค่ะ เล่าให้เค้าฟังว่าเป็นยังไง  ฟังเค้าด้วยว่าเป็นยังไง วางโทรศัพท์แล้วก็รู้สึกนะคะว่า คุยมากๆใจเรามันฟุ้งซ่านยังไงไม่รู้  คุยเสร็จก็ขึ้นมานอนพักค่ะ  (มีคนนอนกันทั้งนั้นค่ะ  ไม่แปลกหรอกค่ะ) ยืดหลังสักหน่อย ปวดระบม เมื่อยไปหมดทั้งตัว นอนก็ไม่ค่อยหลับหรอกค่ะ  เพิ่งทานข้าวมาอิ่มๆ  แล้วอากาศในห้องพักก็ร้อนมาก  นอนเล่นไปค่ะ  

12.45 น.  เสียงออดดังเตือนครั้งที่ 1 ตื่นได้แล้วค่ะ  ให้เตรียมตัวเข้าห้องปฏิบัติธรรม ดื่มน้ำ เข้าห้องน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย

13.00 น.  เสียงออดดังเตือนครั้งที่ 2 ให้เข้าห้องปฏิบัติธรรมได้แล้วค่ะ  ไปสู้กันต่อนะคะ เข้ามากราบพระ  แล้วแพรเดินจงกรม  Step 2 “ยกหนอ  เหยียบหนอ”   30 นาที

           

13.30 น  กลับมานั่งภาวนา  “พองหนอ  ยุบหนอ”  กำหนดไว้ 1 ชั่วโมงค่ะ  เอาสมาธิให้ได้แน่นๆ นิ่งๆ ภาวนาอย่างมีสติ  ก่อนภาวนาอย่าลืมแผ่เมตตาก่อนนะคะ 

คราวนี้ลองใหม่นะคะ  การที่เราตั้งใจภาวนามากๆ มันอาจจะทำให้เราเกร็ง จะเครียดโดยที่เราไม่รู้ตัวค่ะ  เห็นได้จากอาการปวด คอ บ่า ไหล่ เวียนหัว คลื่นไส้นะคะ แสดงว่าเราไปเพ่งมันไว้ค่ะ  สมาธิที่ได้มันก็หนักๆแน่นๆ อึดอัด กลายเป็นมิจฉาสมาธิไป  ลองใหม่กันนะคะ  คราวนี้ดูท้องพอง ท้องยุบแบบสบายๆ  ใจไหลไปคิดก็รู้  ฟุ้งซ่านไปก็รู้  ง่วงก็รู้  ปวดก็รู้  เบื่อก็รู้  นิวรณ์ 5 มาก็รู้  ดูมารทั้ง 5 รู้แล้วก็ภาวนา  “พองหนอ  ยุบหนอ” ต่อค่ะ

14.30 น   หมดเวลานั่งภาวนาที่ตั้งใจไว้  ได้สมาธิที่มีคุณภาพมากขึ้นค่ะ ขนาดพยายามไม่เกร็ง ไม่เพ่ง ไม่เครียดแล้วนะคะ  สภาพยังดูไม่จืดค่ะ  เหมือนไปออกรบมาเลย   ปวดเมื่อย เพลียมาก นั่งยืดขานวดขา  แล้วก็สู้ภาวนาต่อไป  เดินจงกรม  10 นาที  นั่ง  20 นาที

15.00 น.  หมดเวลารบ  เอ๊ย! เวลาปฏิบัติค่ะ  พักทานน้ำปานะให้ชื่นใจก่อน  เข้าห้องน้ำ  ล้างหน้า  พักผ่อนร่างกาย จิตใจก่อน

ระหว่างพัก แพรยิ้มให้พี่คนที่ท้อง หลายวันแล้วก็เลยได้คุยกันเค้าเคยปฎิบัติมาแล้ว แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มาคอร์สหลวงพ่อวีรระนนท์  พี่เค้าก็บอกว่าเค้าคิดถึงลูกมากเหมือนกัน มีลูกชาย 1 คน อยู่ที่บ้านไม่เคยแยกจากกัน ตอนนี้ท้อง 2 ได้ 5 เดือนแล้ว เมื่อวานเค้าก็เครียดมากเลย เพราะหลวงพ่อให้นั่งภาวนา 1 ชั่วโมง เค้าไม่ไหวน่ะ  ก็ร้องไห้ออกมาเลย  วันนี้ได้สอบอารมณ์กับหลวงพ่อแล้ว รู้สึกดีขึ้น  แพรก็ให้กำลังใจ เล่าเรื่องแพรให้พี่เค้าฟัง แล้วให้พี่เค้าสู้ต่อไป  นับถือในความพยายามของเค้าจริงๆค่ะ

15.25 น.  รู้สึกเลยค่ะว่า  ภาวนาแล้ว  เราเหมือนเทวดา นางฟ้า  คงเพราะเท้าเราไม่ติดดินเลยมั้งค่ะ  อยู่ในตึกชั้น 1 ชั้น 2 ไม่ได้ออกไปข้างนอกเลย อืม..รู้สึกดีค่ะนี่แค่วันที่ 3 เองนะนี้  แต่ว่าอากาศข้างนอกร้อนมาก  รีบกลับเข้าห้องปฏิบัติธรรมดีกว่าค่ะ  ไปสู้กันต่อค่ะ  ให้ปวดให้ตายไปข้างหนึ่ง

15.30 น.  ตั้งใจภาวนาเดินจงกรม  30 นาที  นั่ง  1 ชั่วโมงค่ะ

17.00 น.  สาธุ...หมดเวลาปฏิบัติแล้ว  ช่วงบ่ายรอบสองวันนี้ กิเลสเอาไปกินค่ะ  ใจมันฟุ้งซ่าน คิดเป็นงาน เป็นโครงการโน่นนี่ แล้วมันก็ฟุ้งๆๆ แบบนั้น จนหมดเวลาค่ะ เฮ้อ...ไม่ไหวเลยเรา

17.20 น.  ไปพักผ่อน ดื่มน้ำ อาบน้ำ  นอนพักผ่อน และแอบคุยโทรศัพท์อีกค่ะ  บอกคุณต้นว่า  ถ้าได้ปิดวาจาแล้วจะ Message มาบอกนะ  เราจะไม่คุยกันจนกระทั่งแพรสมาทานเปิดวาจานะคะ  ก็ตกลง  ฝากฝังกันให้เรียบร้อยค่ะ 

18.30 น.  ได้เวลาเข้าห้องปฏิบัติธรรม  สวดมนต์ทำวัตรเย็น  แล้วก็พักค่ะ ให้ฟังธรรมจากหลวงพ่อ

19.00 น.  หลวงพ่อเข้ามา  อ.อภิญญา นำกราบหลวงพ่อ แล้วกล่าวอาราธนาพระธรรมค่ะ

                        คืนนี้  หลวงพ่อเทศน์ สติปัฏฐาน 4 และเรื่องพระโสเลยยะ คือ เป็นพ่อค้า แต่เพราะไปคิดไม่ดีกับพระอรหันต์  จึงกลายเป็นหญิงแล้วแต่งงานมีลูก  พอวันหนึ่งไปขอขมาพระอรหันต์ก็กลับมาเป็นชาย  ด้วยความสลดใจจึงไปบวช (ไว้ว่างๆจะแกะเทปมาให้อ่านกันนะคะ)  เสียงหลวงพ่อเย็นมาก  ฟังแล้วสบายใจค่ะ  หลวงพ่อเล่าเรื่องได้สนุก เห็นภาพชัดเลยค่ะ  ถ้าอยากฟังรายละเอียดนะคะ  ทางยุวพุทธฯทำซีดีธรรมไว้จำหน่ายค่ะ  หารายได้เข้าโครงการปฏิบัติธรรมแผ่นละ 100 บาทค่ะ  ไปทำบุญกันได้นะคะ

20.00 น.  ตอบปัญหาธรรมค่ะ หลวงพ่อนำข้อสงสัยที่ผู้ปฏิบัติธรรมเขียนใส่ไว้ในกล่องหน้าห้องปฏิบัติธรรม มาตอบค่ะ  จะได้หายสงสัยกันสักที

20.15 น.  และแล้วหลวงพ่อก็ให้สมาทานปิดวาจาค่ะ  คราวนี้พูดไม่ได้แล้วนะคะ  พูดได้เฉพาะหลวงพ่อ พระอาจารย์ กับอ.อภิญญาค่ะ

                        แพรเคยบวชกับหลวงพ่อ  ท่านบอกถึงอานิสงฆ์ของการปิดวาจาสั้นๆว่า ตั้งใจปฏิบัติไว้ ครบกำหนดเวลาที่อธาฐานจิต  คำพูดแรก  จะเป็นคำวาจาสิทธิ์  เป็นไงค่ะ  น่าสนใจไหมค่ะ  ใครอยากได้อะไร  ปรารถนาอะไร ตั้งใจปิดวาจาดีๆนะคะ  ห้ามพูดเด็ดขาดค่ะ  แล้วจะได้ของดีกลับไป นอกจากนั้น  หลวงพ่อท่านไม่ให้สวดมนต์แล้วค่ะ  ถึงเวลาให้ปฏิบัติกันเลย  จะได้กลับไปเยอะๆ  เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้เช้าเลยค่ะ

21.00 น. หมดเวลาฟังธรรมค่ะ  กราบลาพระพุทธ  กราบลาหลวงพ่อ แล้วแยกย้ายกันไปพักผ่อนค่ะ  แพรก็ออกมาอาบห้องน้ำหน้าห้องปฏิบัติธรรม  เพราะขี้เกียจแย่งห้องน้ำข้างในและข้างนอกห้องน้ำคนใช้น้อย  จะสะอาดกว่าข้างในค่ะ  อาบคนเดียว  น่ากลัวดีเหมือนกันค่ะ

21.30 น. ปิดไฟเข้านอนกันหมดแล้วค่ะ  แพรยังไม่ง่วงนะคะ  แต่ต้องเดินมานอนที่เตียงนอนแล้วนอนภาวนาไป  อากาศมันร้อนมากๆค่ะ  แพรก็นอนภาวนาทำท่าศพอาสนะ ดูท้องพอง ท้องยุบไปค่ะ เฮ้อ...นอนภาวนาไป ฟุ้งซ่านไป  สงบเมื่อไหรก็หลับไปเองค่ะ 

 

พรุ่งนี้เช้าเจอกันค่ะ 

 

บุญรักษา  ธรรมคุ้มครองนะคะ