สวัสดีค่ะน้องคนไม่มีราก 179
ขอบคุณมากๆค่ะ ที่มามอบ รางวัลแห่งจิตวิญญาณให้แก่พี่นะคะ ปลื้มใจมากค่ะ จริงๆพี่ เป็นคน ที่ชอบทำอะไร ตามที่ใจตัวเองอยากจะทำค่ะ และก็ไม่ค่อยจะอยู่ในกฏเกณฑ์อะไรกับใครสักแค่ไหน
ขึ้นอยู่กับแรงบันดาลใจ แต่พี่ก็มีความสุขและชอบมาก ที่มาเขียนบันทึก ที่ในโกทูโนนี้นะคะ เป็นโอกาสสำคัญในชีวิตที่ ได้เข้ามาอยู่ในสังคมที่ดีๆ ได้มีความรู้เพิ่มเติมหลากหลายขึ้นมากมาย
แม้กระทั่ง ในด้านการพัฒนาทางจิตวิญญาณ ซึ่งก็มีอยู่หลายบล็อกที่เน้นเขียนเรื่องนี้ เมื่ออ่านแล้ว ยอมรับว่า เป็นการช่วยในการพัฒนาจิตใจขึ้นมาก ไม่เพียงแต่พุทธศาสนา ศาสนาอื่นๆก็มี ทำให้เข้าใจในมุมองของชีวิตมากขึ้น และสามารถนำเนื้อหาต่างๆ ไปใช้ได้จริงค่ะ
ขอวกมาคุยเรื่อง หนังสือ เรื่องการอ่าน อีกนิดหน่อยค่ะ .... ตอนนี้ Newspaper industry กำลังมีการเปลี่ยนแปลง และจะเปลี่ยนแปลงไปอีก ซึ่งสาเหตุ หนีไม่พ้นปัญหาการเงิน กับปัญหาการรุกไล่เข้ามาของเทคโนโลยี่
ปัจจุบัน คนอ่านอยากจะอ่านหนังสือ online เพราะเร็วและฟรี แม้แต่ The New York Times Co. กำลังประสบปัญหานี้เช่นเดียวกัน
มีข่าวว่า David Geffen มหาเศรษฐี ที่ Forbes คาดว่า มีเงินราว $4.5 billion เข้าขั้น global megawealthy กำลังสนใจจะเข้ามาถือหุ้น หรือซื้อหุ้นทั้งหมดของThe New York Times
เขาเป็นคนที่รวยมาจากแวดวง Hollywood หรือ media industry ผลิตและขายเพลงอมตะของนักร้องต่างๆ เช่น Joni Mitchell และ the Eagles กับดูแล DreamWorks คนใกล้ชิดเขาบอกว่า ถ้าGeffen ได้เป็นเจ้าของ หนังสือพิมพ์ New York Times ก็ตั้งใจจะให้เป็น nonprofit เพราะต้องการที่จะรักษาสถาบันสื่อเก่าแก่ของสหรัฐฯแห่งนี้ให้เป็นหลักของสื่อคุณภาพ
"ถ้าไม่ต้องมีความกดดันที่ต้อง จ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นเหมือนธุรกิจค้ากำไรทั้งหลาย ก็จะทำให้หนังสือพิมพ์ New York Times สามารถดำรงอยู่ได้ไปอีกนาน"
ซึ่งไปสอดคล้องกับ รูเพิร์ท เมอร์ดอก an Australian-born global media mogul. ให้สัมภาษณ์พิเศษ ดูได้จาก Fox Business Channel ของเขาเอง ว่า "อนาคตของหนังสือพิมพ์ต้องเป็นดิจิตัลแน่" แต่อาจจะต้องใช้เวลา 10 ถึง 15 ปี ก่อนที่คนอ่านจะปรับตัวเป็นดิจิตัลเต็มตัว และเขาบอกว่า สื่อทั้งหลายจะต้องเริ่มคิดสตางค์กับคนอ่านเนื้อหาจากเว็บที่ ทุกวันนี้ส่วนใหญ่จะฟรี
แต่อย่างไรก็ตาม เมอร์ดอกบอกว่าหนังสือพิมพ์ในอนาคตจะยังทำทำรายได้จากคนอ่าน และยังมีการลงแจ้งความต่างๆ แต่หนังสือพิมพ์อนาคตจะแตกต่างไปจากปัจจุบันอย่างมาก เนื่องจาก อาจจะไม่พิมพ์บนกระดาษ แต่เนื้อหาจะไปอยู่บนเครื่องมือที่ถือไปไหนมาไหนได้สะดวก โดยที่จะมาทางอากาศ และจะup date ทุกชั่วโมงหรือสองชั่วโมง
เมอร์ดอกบอกว่า จะต้องมีการจ่ายเงินสำหรับเนื้อหาของสื่อบนเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนย้ายได้ทั้งหลายในอนาคต
ส่วนตัวคิดว่า มีความเป็นไปได้สูงมาก ในการคาดคะเนของ รูเพิร์ท เมอร์ดอก แต่อาจจะไม่ถึง 15 ปี จากนี้ก็ได้
Digital Divide มีหลายระดับ ของเรา อาจอยู่ในระดับที่อาจจะมีความเหลื่อมมากหน่อยนะคะ
แต่ปัจจุบัน หนังสือพิมพ์ชื่อดังสามฉบับคือ New York Times, Washington Post และ Boston Globe ตกลงให้เอาเนื้อหาขึ้น Kindle ( เครื่องอ่านหนังสือพิมพ์, ตำราและเอกสาร) ใหม่ในราคาลดพิเศษ แต่จะให้เฉพาะคนที่อยู่ในเขตที่หนังสือพิมพ์ฉบับกระดาษของสามฉบับนี้ไปไม่ถึงเท่านั้น
นี่คือสัจธรรมนะคะ ทุกอย่างต้องมีการเปลี่ยนแปลง เป็นของธรรมดา
ความเปลี่ยนแปลง เป็นผลมาจากวิวัฒนาการทาง ความคิดของมนุษย์ทั้งสิ้น เรามักใช้คำว่า "change" และ "transformation" เป็นต้น การเปลี่ยนแปลงมีทั้งแบบค่อยเป็น ค่อยไป จนถึงการเปลี่ยนแปลงแบบข้ามขั้นตอน
แต่คิดว่า การเปลี่ยนแปลงของสื่อสิ่งพิมพ์นี้ เป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป สามารถคาดการณ์ได้ ไม่ทำให้คนช็อคเท่าใดค่ะ
ขอบคุณมากค่ะคุณครูใหม่ บ้านน้ำจุน 146 ที่มาติดตามอ่านบันทึกนี้ค่ะ
คนที่เป็นพ่อแม่ของลูกเล็กๆ จะสนใจเรื่อง นิทาน เรื่องการ์ตูน มากเป็นพิเศษ เพื่อหาเรื่องดีๆ ไปเล่าให้ลุกฟัง
เขามี ผลวิจัยการ์ตูนความรู้ไทยครั้งแรกของประเทศ ระบุชัด ลายเส้นการ์ตูนความรู้ไทยไม่แพ้ต่างชาติ แต่ยังขาดเสน่ห์ในการเล่าเรื่อง
ที่สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ (TK Park) ร่วมกับ สถาบันการ์ตูนไทย มูลนิธิเด็ก จัดการแถลงข่าวผลการวิจัย เรื่อง "การ์ตูนความรู้ไทย: ความเป็นมา สถานการณ์ และแนวทางการพัฒนา" (Thai Knowledge Cartoon: History, Current Situation, and Approaches for Development)
ในวันศุกร์ ที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๒ เวลา ๑๓.๐๐ น. ณ ห้อง Learning Auditorium ทีเคพาร์ค ขั้น ๘ โดยมี ผศ.ดร. ไกรสร ชัยโรจน์กาญจนา ผู้อำนวยการ สำนักงานอุทยาการเรียนรู้เป็นประธาน
มีข้อสรุปน่าสนใจหลายประเด็นเลยค่ะ...
เช่น...มุมมองนายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ :
1. หัวใจของการสร้างสรรค์การ์ตูนความรู้ไม่ใช่แค่ "ให้ตัวความรู้" แต่เป็นกระบวนการสร้างการเรียนรู้ให้แก่เด็ก"
2. การ์ตูนความรู้ไทยส่วนใหญ่ไม่น่าติดตามเพราะเล่าเรื่องแบบตรงไปตรงมา ขาดการสร้างความขัดแย้ง (conflict) ที่เข้มข้น และขาดการสร้างเรื่องราวที่เน้นอารมณ์ (drama)
3. การวิจัยเกี่ยวกับการ์ตูนความรู้ ต้องขยายมุมมองไปที่บริบท (context) ที่อยู่รายรอบตัวสื่อประกอบด้วย
4. นักเขียนการ์ตูนความรู้ไทยต้องให้ความสำคัญในการค้นคว้า (research) หาข้อมูลให้มากกว่าแค่การฝึกลายเส้น
5. การ์ตูนความรู้ควรเป็นต้นแบบทางจริยธรรมแก่เด็กและเยาวชนในสังคม
น่าสนใจค่ะ...รายละเอียดมีที่นี่ค่ะ