ธรรมชาติของชีวิต


ดวงตาเห็นธรรม

จะโพสต์ผิดที่รึป่าวนิ แต่มันก็ถือว่าอยู่ในเรื่องของธรรมชาตินะ คนเราจะมีอะไรที่เพียงพอซะที อยากได้โน่นอยากได้นี่อยู่ตลอดเวลา สิ่งที่มีอยู่ก็ไม่เคยคิดว่ามันดี เฮ้ย ตกลงบ่นหรือว่าไรนิ... หลายต่อหลายคนหาทางออกของชีวิตโดยการแสวงหาสิ่งต่างๆ ที่อยู่นอกกาย จนลืมนึกถึงว่ามันจำเป็นจริงๆ หรือไม่ บางคนก็แสวงหาความภาคภูมิใจของชึวิตจนลืมไปว่า สิ่งที่มีอยู่ไม่ได้ภาคภูมิใจเหรอ บางคนเหนื่อยกับการเดินทางในการค้นหาตัวตนที่แท้จริง เลยหันหน้าเข้าหาธรรม หลายคนก็เห็นธรรม หลายคนก็ไม่เห็น ประเด็นมันอยู่ตรงนี้คะ เพื่อนๆ มีใครเคยนั่งสมาธิแล้วเห็นดวงแก้วสว่างในกายเราบ้างไหม อยากให้เล่าให้ฟังบ้าง ว่าต้องทำยังไง อยากรู้จริงๆ อิอิ ที่เล่ามาทั้งหมดนิ มันเข้ากันตรงไหนกับคำถาม ช่วยๆ ตอบด้วยนะคะ

หมายเลขบันทึก: 261418เขียนเมื่อ 15 พฤษภาคม 2009 22:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 06:46 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
  • ธรรมชาติของจิตก็ดิ้นรนตลอดเวลา ไม่อยู่กับที่ ต้องหาเชือกผูกไว้ การนั่งสมาธิก็เป็นวิธีการหนึ่ง
  • เคยนั่งเช่นกัน แต่ยังหาไม่พบ คงต้องพยายาม
  • ขอบคุณ

การเห็นดวงแก้วเป็นอุบายให้ทำสมาธิมากกว่านะคะ

มันคำอ้างของลัทธิหนึ่งที่นำมาชูนะคะ

การเดินทางของจิตก็เรื่องหนึ่ง เจตสิกก็ลึกซึ้งเกินคาดหมาย          รูปเป็นสิ่งสำคัญกว่าเรือนกาย สามสหายอย่าหลงเพลินเกินนิพพาน สิ่งสมมุติเหล่านี้มีไว้สื่อ         แต่ธรรมะแก่นแท้คือเร่งสืบสานส่วนเรื่องอื่นเป็นเรื่องเล่าตามตำนาน    ถ้าดวงตาพบพานใช่ของจริง จะดวงแก้วดวงจิตติดไฟสว่าง          จะเห็นร่างกายทิพย์หยุดไหวนิ่ง ก็แค่อยากความต้องการไวดั่งลิง   ถ้าของจริงต้องศึกษาหาพระธรรม ปริยัตรปฏิบัติปฏิเวธ                     ของวิเศษควรค้นหามาตอบย้ำ สามขั้นคือพุทธพจน์ด้วยถ้อยคำ       ผู้ใดเห็นพระธรรมย่อมเห็นเรา แต่มนุษย์ย่อมเลือกทางต่างประสงค์ แค่แนะนำก็คงเชื่อยากเกินเล่า จะแนบเว๊ปไว้ศึกษาเปิดดูเอา           ค่อยๆเข้าสู่ใจไร้ตัวตน          

http://www.dhammastudy.com/thpar1.html

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท