…กระไอชื้นของแม่น้ำยามค่ำคืน
ระเหยผ่านผืนทรายลอยแทรกสู่อากาศ
เป็นกลิ่นอายของธรรมชาติแท้ ๆ
ที่เขตไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน
หมู่แมลงตัวน้อยนิดส่งเสียงร้องระงมจากพงไม้
แสงวิบวับ ของหิ่งห้อยบินว่อนไปมา สูงขึ้นไป
เบื้องบนท้องฟ้ามีดาวพราวพราย
คืนนี้ แสงดาวล้วนสุกสว่างใส
ยิ่งมอง ยิ่งให้ความรู้สึกสบายตา
ขณะเบื้องหน้า เกลียวคลื่นขนาดเล็ก
ม้วนตัวเข้าหาฝั่งเชื่องช้า
…เปลวไฟบนหาดไหววูบตามแรงลม
แสงไฟหรี่ลงเมื่อความร้อนลามเลียถึงปลายฟืนท่อนสุดท้ายเขตหยิบกิ่งไม้แห้งเติมเข้าไปอีกขณะที่ชายร่างกำยำ
เดินเข้ามา นั่งข้างกองไฟ เพื่อรับไออุ่นจากมั
"ยังไม่ง่วงหรือเขต"
"ยังครับพ่อนานๆ จะมีได้โอกาสสัมผัสกับบรรยากาศแบบนี้สักครั้ง"
"ติดใจก็มาอยู่กับพ่อที่นี่สิลูก"
น้ำเสียงของพ่อหยอกเย้า
แต่คำพูดนั้น ก็ทำให้เขตต้องหันไปมองหน้าพ่อ
แม้ถ้อยคำนั้นจะฟังดูธรรมดาสามัญ แต่…ในใจ ส่วนลึก ทั้งเขาและพ่อ
ต่างก็รู้ดีว่า นั่นเป็นคำพูดจากใจจริง…แค่ไหน
เขตกับพ่อนิ่งไปครู่หนึ่ง ยินเพียงเสียงแมลงที่ร้องดังไม่ขาดสาย
พ่อหันไปหยิบกิ่งไม้เติมกองไฟ แสงไฟสว่างเรืองเพิ่มขึ้น
เสียงกิ่งไม้แตกประทุดังเปรี๊ยะปร๊ะ…
"เออ…เขต ถ้ายังไม่ง่วง
อยากช่วยพ่อทิ้งกล่ำไหม"
เสียงพ่อเอ่ยขึ้น เหมือนพยายามเติมช่องว่างให้เต็มหลังปล่อยให้
ความเงียบครอบครองเนิ่นนาน
"ก็ดีครับ…นาน นาน จะได้ลุยกับพ่อบ้าง"
เขตตอบขึ้นพร้อมกับยิ้มบาง ๆ สองคนพ่อลูก
เดินเคียงกันลงไปชายหาด
"ปีนี้พ่อลงกล่ำกี่ครั้งแล้วครับ"
"กี่ครั้งหรือ…สองสามครั้งมั้งลูก ปลาไม่ค่อยมี อีกอย่าง
คนเขาลงกันเยอะ บ่อยด้วย"
"แล้วคืนนี้พ่อคิดว่าจะได้เยอะไหมครับ"
"น่าจะนะลูก มีพรานหนุ่มมาช่วยทั้งที" น้ำเสียงของพ่อฟังดูจริงจัง
จนเขตต้องรีบออกตัว
"ไม่หรอกครับพ่อ
เพราะถ้าอย่างผมเรียกพราน
เด็กสี่ห้าขวบก็คงเป็นพรานได้เหมือนกัน"
เสียงหัวเราะของพ่อทุ้มต่ำ เขตรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
ลมเย็นพัดกรรโชกผ่านผิว แต่น่าแปลก
ที่เขากลับรู้สึกว่าตัวเองแข็งแรง…แข็งแรงกว่าเคย
เสียงปลาใหญ่น้อยกระโดดผลุงผลังใต้กองกิ่งไม้ สายลมยังคงพัดมา
ไม่รู้หยุดหย่อน ไอชื้นเหนือน้ำลอยกระทบต้องกาย เขตเริ่มสั่นสะท้าน
แต่ก็พยายามข่มกลั้น อยากสงบ นิ่ง มั่นคงได้เหมือนอย่างพ่อ
พ่อ…ร่างสูงใหญ่ที่กำลังดึงอวนลงจากหลักไม้ไผ่ ช่างดูแข็งแรง
สง่าแม้อยู่กลางอากาศหนาวเย็น
และสภาพแวดล้อมในดินแดนห่างไกล
"พ่อครับ
…พ่อคิดถึงแม่บ้างไหม?"
เขาถามขึ้นคำหนึ่งอย่างอดใจไม่อยู่ พ่อนิ่งเงียบไป…
ท่ามกลางความเงียบที่เคลื่อนตัวปกคลุม
ใต้ผืนฟ้าที่มีดวงดาวพร่างพราย
พ่อถอนหายใจยาว ๆ ก่อนหันกลับมามองเขา
พ่อ..คิดถึงแม่ของลูกเสมอ…คิดอยู่ตลอดเวลา เพียงแต
่พ่อไม่กล้า…ที่จะพบหน้าแม่อีก" ดูเหมือนปลายเสียงของพ่อจะสั่นเครือ
เขานิ่งเงียบไป
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
"ทำไมคุณต้องไปด้วย ! "
เสียงตะโกนของชายคนหนึ่งดังกังวานในห้องแคบด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง
"ฉันทำไปเพราะเรานะ…และที่สำคัญคือลูกของเราด้วย"
เสียงตอบของหญิงสาวสั่นเครือ
พร้อมเสียงสะอื้นหลุดรอดออกมา
"ทำไมล่ะ ?
ผมว่าเราอยู่ที่นี่ก็พอมีพอกินอยู่ไม่ใช่หรือ ?
ไม่ได้เดือนร้อนอะไรมากมาย ไหนคุณเคยบอกว่าคุณชอบที่นี่
ชอบธรรมชาติ ชอบเด็กเล็กๆ คุณอยากสอนหนังสือเด็กๆที่นี่
อยากอยู่ที่นี่ !"
เสียงทุ้มห้าวนั้นอ่อนลง
"ไหนคุณเคยบอกว่าจะอยู่ที่นี่ตลอดไป…"
"ฉัน…ฉันไม่ได้ทิ้งคุณนะ ไม่ได้คิดจะไปจากที่นี่ตลอดไป
ฉันแค่…ไปเพราะความจำเป็น
และที่สำคัญมันเป็นงานที่หลีกเลี่ยงไม่ได้…"
แต่คำอธิบายยังไม่จบ เสียงแทรกก็ดังขึ้นทันที
"คุณไม่ต้องพูดอีกแล้ว…คุณอ้างถึงแต่ความจำเป็น จำเป็น !
แต่คุณเคยเข้าใจผมไหม ?? คุณทนสภาพแบบนี้ไม่ไหวมากกว่าละมั้ง …
ใช่ไหม ใช่สิ ! มันเป็นโอกาสของคุณเหมือนกันนี่ ที่จะได้เจอคนดี ๆ
ร่ำรวย
มียศถาบรรดาศักดิ์ ก้าวหน้ากว่าผม ! "
"ทำไมคุณพูดกับฉันอย่างนี้…"
ดวงตาหญิงสาวแดงก่ำ น้ำตาหยาดรินลงอาบแก้ม
"ก็ได้ เมื่อเราพูดกันไม่รู้เรื่อง ฉันจะไปจากที่นี่ตลอดกาลก็ได ้
แต่ฉันจะเอาเขตไปด้วย"
"อะไรกัน ! ไม่ได้นะ ! คุณจะทิ้งผมไปแล้ว ยังจะพรากลูกไปจากผมอีก
!"
"ฉันบอกแล้วไงว่าฉันจำเป็น…ทำไมคุณไม่เข้าใจฉันบ้างนะ"
"ตกลง ตกลง ! เป็นอันว่าเราไม่มีทางพูดกันรู้เรื่องแล้วใช่ไหม
งั้นคุณถามลูกดูก็แล้วกันว่าลูกจะอยู่กับใคร !"
เสียงฝีเท้าย่ำหนัก ๆ ออกจากห้องทันทีพูดจบประโยคสุดท้าย
ทิ้งให้ผู้ที่ยืนคว้างกลางห้อง
ต้องฟุบตัวลงบนเก้าอี้เหมือนหมดเรี่ยวแรงทั้งปวง
มีเพียงเสียงสะอื้นที่เล็ดรอดออกมาอย่างสุดกลั้น
เหตุการณ์ครั้งเก่าในอดีต
ดูเหมือนจะยังฝังแน่นในจิตใจของพ่อ…และของแม่ด้วย
เขตคิดว่าตัวเองเข้าใจไม่ผิด แม้ว่าวันนี้
จะเป็นพ่อที่เขามีโอกาสมองเห็นร่องรอย รวดร้าวเอ่อท้นในดวงตา
นัยน์ตาของพ่อ ดูเศร้าเหลือเกิน เมื่อเอ่ยถึงแม่
่ "นึก ๆ ดูแล้ว…พ่อรู้สึกอายนะ ที่ทำให้แม่เสียใจถึงขนาดนั้น…
โดยไม่รับฟังเหตุผลของแม่เลย ป่านนี้แม่ของลูกคงเกลียดพ่อมากเลยใช่ไหม
?…เขต"
เขาสบตากับพ่อแล้วส่ายหน้า
"เปล่าครับพ่อ
แม่ไม่เคยนึกเกลียดพ่อเลย…พ่อรู้ไหมครับ
แม่นึกถึงพ่อตลอดเวลา"
"อย่างนั้นหรือ…"
ดูเหมือนพ่อจะพึมพำออกมา
"ครับ แม่บอกว่า…แม่คิดถึงที่นี่เสมอ
แม่ยังรักและผูกพันกับที่นี่"
"แม่เขาเล่าอะไรให้ลูกฟังบ้าง ?"
"เล่าเยอะครับพ่อ เล่าถึงพ่อ
บอกว่าพ่อเป็นคนเก่งที่สุดเท่าที่แม่เคยเจอมา
แล้วก็ยังเป็นคนดี…"
"แต่คนดีคนนี้
ก็ทำให้แม่ของลูกเสียใจเพราะพ่อไม่เคยพยายามเข้าใจแม่เลย… เอาละเขต
เดี๋ยวเราช่วยกันจับปลาดีกว่า"
พ่อเปลี่ยนเรื่อง
เมื่อเห็นเขายังคงยืนนิ่ง
ร่างสูงใหญ่ของพ่อก้าวลงจากชายหาดอีกครั้ง
เขตมองตามแผ่นหลังแข็งแรงของพ่อ
นึกอยากบอกอะไรบางอย่างกับพ่อ…บางอย่างที่เป็นถ้อยคำจากใจของเขา…และของแม่
เสียงอวนตกกระทบผิวน้ำ ก่อเกิดคลื่นระลอกเล็กเคลื่อนซัดเข้าหาฝั่ง
ฝูงปลาแตกตื่น พยายามกระโดดขึ้นเหนือน้ำ
แต่ไม่อาจออกจากอวนที่ล้อมรอบได้ ไม่นานนัก
กิ่งไม้ทั้งหมดก็ถูกทยอยดึงขึ้นมากองบนหาด
สองแรงแข็งขันช่วยกันกระทั่งอวนค่อย ๆ แคบลง
เห็นปลามากมายถูกโอบล้อม พ่อมีรอยยิ้มแช่มชื่น
แม้ว่ารอยหม่นจะยังแฝงฝังอยู่ในดวงตา
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
รุ่งอรุณมาถึงแล้ว
เสียงไก่ขันขานแว่วมาไกล ๆ แสงอาทิตย์ทอสูงขึ้นทาบท้องฟ้า
ลมหนาวยังคงโชยพัด แต่ไม่บาดผิวเท่ากับยามดื่นดึก
เขาและพ่อแยกปลาแต่ละชนิดจากกัน แต่ละตะข้องหนักอึ้ง
พ่อยกขึ้นสะพายไหล่อย่างชำนาญ พ่อแยกปลาเรียบร้อยหมดแล้ว
จัดแจงสะพายตะข้องเตรียมออกไปตลาด
"เขตกลับบ้านไปก่อนนะลูก
ถ้าง่วงก็นอนต่อซะ เดี๋ยวพ่อจะเอาปลาไปส่งที่ตลาดก่อน
หรือถ้าหิวเดี๋ยวพ่อจะซื้อขนมมาฝาก"
"ครับพ่อ…ไม่ต้องห่วงผมครับ"
ร่างสูงของพ่อเดินดุ่มออกไปแล้ว
แสงอาทิตย์ฉายฉายสว่างขึ้นทุกที
เขามองตามจนร่างของพ่อหายลับไปจากสายตา
จึงค่อยหันหลังเดินตามทางแคบที่ทอดสู่บ้าน
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
เสียงเคาะระฆังดังขึ้น
ขบวนรถไฟสายเหนือบางคันเคลื่อนออกจากชานชาลา
เสียงเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์การเดินรถดังก้องสถานี
เสียงฝูงชนจ้อกแจ้กจอแจ
เขาและพ่อยืนอยู่ภายในอาคารที่พักผู้โดยสาร
พ่อสวมเสื้อสีน้ำเงินเก่า ๆ กลางแสงสว่าง
ดูเหมือนพ่อจะแก่ลงไปเล็กน้อย
แตกต่างจากความแข็งแรงและสูงสง่าเมื่อคืน…หรืออาจเป็นเพราะว่า
พ่อกำลังมาส่งลูกชาย ให้กลับไปสู่เมืองใหญ่
ไปสู่ที่ที่แม่…ก็เคยจากพ่อไปใช้ชีวิตที่โน่น…
เสียงประกาศบอกเวลาของขบวนรถเที่ยวต่อไปดังขึ้น พ่อขยับตัว
ตบไหล่เขาหนัก ๆ
"ขอให้เดินทางปลอดภัยนะลูก
ปิดเทอมคราวหน้ามาอีกนะ มาอยู่กับพ่อนาน ๆ"
"ครับพ่อ…"
"เอ่อ…เขต…"
"ครับ มีอะไรครับพ่อ"
คล้ายพ่อจะลังเล…เมื่อจะเอ่ยถึงอะไรบางอย่าง แต่ในที่สุด
คำพูดประโยคหนึ่งก็ดังจากปากพ่อ
"ฝากบอกแม่ด้วยนะ
ว่าพ่อคิดถึงแม่มาก…และพ่อ…ขอโทษแม่ด้วย
ทุกสิ่งทุกอย่างที่พ่อทำไม่ดีกับแม่"
ทันทีที่พ่อพูดจบ
เหมือนความเงียบเคลื่อนตัวเข้ามาปกคลุมอีกครั้ง ทั้ง
ๆที่เขาและพ่อกำลังยืนอยู่กลางสถานีรถไฟ
ที่มีผู้คนมากมายพลุกพล่าน
พ่อมองหน้าเขา…มองด้วยสายตาวิงวอน
ดั่งเกรงว่าถ้อยคำเหล่านั้นจะตกหายไปเสียระหว่างทาง…
"พ่อไม่ต้องกังวลหรอกครับ
ผมจะบอกแม่ให้" เขาพูดจบ พ่อก็ยิ้มออกมา
"จริงนะลูก"
"ครับพ่อ"
เสียงเคาะระฆังดังขึ้น
พร้อมเสียงประกาศเรียกผู้โดยสารให้ขึ้นบนรถด้วยถึงเวลาจะเคลื่อนขบวนแล้ว
เขายกเป้ขึ้นจากพื้น พ่อยื่นมือเข้ามาช่วยยกสิ่งของ
และแล้ว…เขาก็ยิ้มออกมา
"พ่อครับ
ผมมีอะไรจะให้พ่อ"
"อะไรลูก" เขาล้วงมือเข้าไปในเป้
ดึงจดหมายฉบับหนึ่งออกมา วางลงในมือพ่อ
"อะไรลูก"
พ่อมีสีหน้างุนงง
"เดี๋ยวพ่ออ่านดูนะครับ
ผมไปก่อนนะครับ" เขากระพุ่มมือไหว้พ่อ พ่อรับไหว้
ดวงตาที่จ้องมองเขาเปี่ยมท้นไปด้วยความรักและความตื้นตัน
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
ขบวนรถไฟแล่นห่างออกจากสถานีมากแล้ว
เขตนั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ริมหน้าต่าง
ลมเย็นพัดผ่านเข้ามาทางช่องหน้าต่าง
กระทบเส้นผมของเขาปรายปลิวเล็กน้อย
แม้สายลมเบาบางจะแตกต่างจากสายลมในยามดึกดื่นที่ผ่านมา
แต่ดูเหมือนทัศนียภาพและสิ่งต่าง ๆ ทั้งปวงในเมืองเล็ก ๆ
ที่เขากำลังจะจากไปนี้ ล้วนแล้วแต่ทำให้เขาอดคิดถึงพ่อ…ผู้ชายร่างใหญ่
ใบหน้าคมสัน…ไม่ได้
และนึกถึง…ยามที่แดดสายส่องกระทบลานบ้าน เขานั่งนอกชาน
และเห็นพ่อเดินฝ่าแดดอ่อนเข้ามา ใบหน้าอิดโรยเล็กน้อย
แต่ก็ยังมีรอยยิ้มแสนสุข
"ไงครับพ่อ
ส่งปลาเรียบร้อยไหมครับ"
"เรียบร้อยลูก
วันนี้ปลาราคาดีด้วย"
พ่อหอบหิ้วสิ่งของมากมายจากตลาดด้วย เพื่อที่จะรีบเร่งอาบน้ำ
ชำระล้างเหงื่อไคล แล้วหุงหาอาหารให้เขากิน
มิไยจะบอกพ่อว่าให้เขาเป็นฝ่ายทำเอง แต่พ่อก็เพียงแต่พูดสั้น ๆ
ว่า
"พ่อไม่เคยได้ทำอะไรให้ลูกเลย
วันนี้ให้พ่อได้ทำบ้างเถอะ"
แสงแดดสาดสายแตะต้องใบไม้ที่รายรอบบ้าน
นกน้อยหลายตัวบนวนรอบต้นชมพู่ มองไปทางใดเห็นแต่หมู่ไม้ร่มครึ้ม
บ้านน้อยของพ่อแม้จะเก่าแก่แต่ก็สะอาดร่มรื่น งดงาม สงบ
เฉกเช่นเดียวกับผู้เป็นเจ้าของ
เสียงหวูดรถไฟดังยาวเมื่อถึงคราวต้องเลี้ยวโค้งไปตามสะพาน
ลำน้ำนอกหน้าต่างทอดยาวเหมือนงูสีเงินตัวใหญ่
เสียงล้อเคลื่อนบนรางเหล้าดังกึงกัง เขาอดคิดถึงใบหน้าของพ่อไม่ได้
พ่อจะว่าอย่างไรบ้างนะ…จะยิ้ม หรือจะหัวเราะ…หรือจะมีท่าทีเช่นใด
ยามที่ได้อ่านถ้อยคำในจดหมายน้อยแผ่นนั้น
"พ่อครับ
แม่ฝากมาบอกพ่อว่า…"
ใต้ลายมือเขานั้น
มีลายมือแสนสวยเรียงเป็นระเบียบที่พ่อ…น่าจะคุ้นชิน…ไม่ลืมจากใจ
"ถึงพ่อ ...
เจอลูกแล้วเป็นอย่างไรบ้าง แม่หวังว่าพ่อจะรับรู้ถึงความรัก
ความคิดถึง และความผูกพันที่ลูกมีต่อพ่อได้
แม้ว่าจะเป็นเวลานานเหลือเกิน
กว่าที่ลูกจะมีโอกาสพบหน้าพ่อสักครั้ง…
แต่ไม่ใช่แค่ลูกหรอกนะที่รักและคิดถึงพ่อ แม่เองก็เช่นกัน
อยากบอกพ่อว่า กาลเวลาและสถานที่อื่นใดก็ตาม
ไม่เคยทำให้แม่ลืมพ่อได้เลย… แล้วลูกบอกพ่อหรือยังว่า
อีกไม่นานแม่จะมาบ้าง สำคัญแต่ว่า พ่อยังอยากเจอแม่อยู่หรือเปล่า
อย่างไรก็บอกมานะจ๊ะ… …
แม่จะรอ..."
|
|