ผู้เขียนอยากเล่าเรื่อของพ่อที่เส้นเลือดในสมองแตกให้ผู้อ่านได้รับรู้ เพราะมีบทเรียนรู้หลายๆอย่างและคงเป็นประโยชน์กับบุคลากรทางสาธารณสุขและญาติผู้ป่วยเส้นเลือดในสมองแตกหลายๆราย แต่ที่รอเวลาผ่านมา 5 เดือน เพราะอยากจะเล่าตั้งแต่แรกจนอาการในปัจจุบันนี้
บทเรียนเรื่องแรก : ระบบส่งต่อที่ไร้รอยต่อที่ต้องร่วมกันพัฒนา
เช้าวันที่ 21 พฤศจิกายน 2552 ขณะหลับอยู่ คุณแม่โทรมาบอกว่า “พ่อไปตลาดและล้มหมดสติ เรียกไม่รู้สึกตัว ไม่เป็นไรนะลูกคนเราเกิดมาก็ต้องตายกันทุกคน ไม่ต้องเสียใจนะ” ผู้เขียนถามกลับไปว่า ยังหายใจอยู่ไหม แม่บอก ยังหายใจอยู่ จะให้ไปโรงพยาบาลไหนดี ตอนนั้นก็นึกอะไรไม่ออกก็บอกว่ามาโรงพยาบาล มน. ระหว่างนั้นต้องตั้งสติโทรประสานโรงพยาบาล มน. ให้ช่วยค้นแฟ้มประวัติไว้รอหน่อย อีกสักครู่มีคนโทรมาบอกขอไปโรงพยาบาลเอกชนใกล้บ้านเพราะโรงพยาบาล มน. อยู่ไกลกลัวไปไม่ทัน ผู้เขียนตอบไปว่าก็ได้ก็ได้ บวกกับงงๆก็เมื่อวานยังพาพ่อมาหาหมอที่ฉุกเฉินอยู่เลย ด้วยเหตุตกบันไดประมาณ 10 ขั้น แล้วขาบวมมา 2-3 วัน ก็ X-ray ขาก็ไม่หักได้ฉีดยาแก้ปวดไป ผู้เขียนยังถามเรื่องปวดหัวหรือเปล่า หัวกระแทรกพื้นหรือไม่ตอนตกบันไดพ่อก็บอกไม่เป็นอะไรที่หัว ผู้เขียนคิดว่าคงดีขึ้น ตอนเช้าก็เลยไปตลาดกินกาแฟเช้าพบปะพูดคุยกันแบบคอกาแฟ
ก่อนไปโรงพยาบาลก็รีบอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็วไม่ไปแบบไร้สติเพราะอย่างไรขับรถถึงในเวลาใก้ลกันพอดี แน่นนอนและระหว่างขับรถตามไปโรงพยาบาล ก็ให้คนที่บ้านช่วยโทรแจ้งโรงพยาบาลเอกชนช่วยตามหมอรอไว้เพื่อความรวดเร็ว เพราะทุกอย่างต้องแข่งกับเวลา เมื่อถึงฉุกเฉินโรงพยาบาลเอกชน ผู้เขียนเรียกพ่อก็ลืมตามามองแต่พูดไม่ได้ แล้วก็หลับตา แพทย์ก็สงสัยว่าเส้นเลือดในสมองแตกส่งทำ CT-scan ระหว่างรอผล ผู้ป่วย Admit ที่ ICU เพื่อรอ Refer มาโรงพยาบาล มน. หรือ โรงพยาบาลศูนย์ ระหว่างนั้นผู้เขียนก็โทรหาน้องหาพี่ที่รู้จักปรึกษาจะเอาอย่างไรดี พี่ที่โรงพยาบาลศูนย์ก็บอกมาเลย แต่โดยระบบโรงพยาบาลเอกชนจะไปโรงพยาบาลศูนย์ ไม่ได้ถ้าไม่ติดต่อเตียงไว้ก่อน ช่วงที่ติดต่อเตียง อาการผู้ป่วยยังหายใจดีอยู่แต่คะแนนประเมินความรู้สึกตัวได้ 3 คะแนน ในขณะที่คะแนนเต็ม 15 คะแนน ผู้เขียนเห็นโรงพยาบาลโทรมาเป็นสิบๆสายก็ยังไม่เจอแพทย์ที่จะรับดูผู้ป่วยเลย ให้เบอร์แพทย์ผิดบ้างและโอนกันไปโอนกันมา สุดท้ายเจออายุรกรรมบอกว่าอาการแบบนี้ให้โทรหาศัลยกรรมเลย ระหว่างนั้นพยาบาลเวรดึกก็ส่งเวรเช้า และให้ญาติออกไปก่อน ซึ้งผู้เขียนแนะนำตัวแล้วว่าเป็นเจ้าหน้าที่อยู่โรงพยาบาล มน. มีอะไรให้บอกรับได้ทุกเรื่อง พยาบาลก็แอบกระซิบกันว่า อายุรกรรมไม่รับดู 3 แต้ม อย่างไรก็เป็นผัก (เป็นเจ้าชายนิทรา) ให้ศัลยกรรมดูเลย ผู้เขียนคิดว่า ด่วนตัดสินผู้ป่วย.....ไป และโรงพยาบาลเอกชนต้องโทรหาแต่ละจุดอีกใช้เวลานานมากๆ เรียกว่าให้บริการไม่ไร้รอยต่อ ถ้าไร้รอยต่อระบบโรงพยาบาลศูนย์ควรจะมีระบบเร็วมากกว่านี้ ให้ประสานงานง่ายขึ้น พยาบาลก็โทรไปหาศัลยกรรม ยังไงก็ยังไม่เจอคนจะรับผู้ป่วยและเวลาในเวลาเดียวกันผู้เขียนต้องแข่งกับเวลาก็โทรหาน้องสวลักษณ์ แสงเดชให้ช่วยหาเตียงและประสานอาจารย์ที่โรงพยาบาล มน. โชคดี ICU เตียงว่าง ด้วยความกรุณา อาจารย์นายแพทย์องอาจ เลิศขจรสิน โทรมาถามอาการ และให้คำแนะนำให้รีบ Refer มาโรงพยาบาล มน. ถึงฉุกเฉินให้โทรตามจะลงมาช่วยดู เชื่อมั้ยจนได้เตียงที่โรงพยาบาล มน. แล้ว พยาบาลโรงพยาบาลเอกชนยังติดต่อเตียงโรงพยาบาลศูนย์ไม่ได้เลย ก่อนย้ายผล x-ray ก็ออกมีเลือดออกในสมองและมีกระโหลกแตก
อาจเป็นอีกหนึ่งบทเรียนเรื่องระบบส่งต่อที่ไร้รอยต่อที่ต้องร่วมกันพัฒนา
ติดตามตอนต่อไปนะคะมี7บทเรียน
ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ ในยามฉุกเฉินเรามักคุมสติ และสั่งการอะไรไม่ได้ดังใจ แม้การสูญเสียจะเป็นเรื่องปกติ แต่มนุษย์อย่างเราๆก็คงยังเจ็บปวดเหมือนเดิมกับการสูญเสีย เป็นการดีนะคะที่นำมาเป็นกรณีศึกษา เพื่อประโยชน์ต่อไป และขออนุโมทนาในกุศลจิตค่ะ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ
ขอเป็นคนหนึ่งที่ส่งกำลังใจให้พี่ฐาค่ะ
ในฐานะที่นู๋เองเพิ่งเจอเหตุการณ์คล้ายๆกับพี่ฐามาเมื่อวันที่ 2 พค.นี้เองทุกอย่างทำให้นู๋รู้สึกว่าเมื่อเราเป็นญาติคนไข้ที่เจ็บป่วยหนักและได้รับความช่วยเหลือและการดูแลจากเจ้าหน้าที่ในรพ.มน อย่างเต็มที่และด้วยความเต็มใจ มันรู้สึกตื้นตันใจอย่างมาก
จากเหตุการณ์วันนั้นทำให้รู้ว่า ความมีสติ ในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เป็นสิ่งสำคัญสุด รวมถึงความมีเมตตา กรุณา ในเพื่อนมนุษย์ ด้วยกันเป็นสิ่งที่ช่วยเพื่อนมนุษย์ได้มากกว่าสิ่งใด ...
แล้วจะติดตามอ่านบทเรียนต่อๆไปค่ะ
ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับและขอให้คุณพ่อหายป่วยไว้ๆนะครับ