สิบปากว่า..ไม่เท่าตาเห็น


โบสถ์ที่ทำจากหินอ่อน ข้างในกรุด้วยกระจกสีสวยงามมาก เมื่อหันหน้าลงมาจากเนินเขา ก็จะเห็นทิวทัศน์ของเมืองปารีส

คราวก่อนแม่ต้อยเล่าเรื่องปารีสค้างไว้ที่ร้านอาหารดั้งเดิมที่แม่ต้อยได้มีโอกาสเข้าไปนั่งลิ้มลองรสชาติ ทำให้ได้รู้จักอาหารที่ขึ้นชื่อลือชาของเขา( แต่ไม่คุ้นเคยกับลิ้นของเรา) มาแล้วนะคะ

          อย่างที่บอกว่าที่ปารีสนี้มีสถานที่ต่างๆที่ควรไปเยี่ยมชมมากมาย นี่ไม่นับหอไอเฟล Eiffel ซึ่งเป็นที่รู้จัก และเป็นขวัญใจนักท่องเที่ยวทั่วโลก ที่หากเมื่อได้มาเยือนปารีสแล้ว จะต้องหาโอกาสมาแวะให้ได้ นับว่าเป็นสัญลักษณ์ของปารีสเลยทีเดียว

 

          วันนี้แม่ต้อยจะเล่าประสบการณ์การไปเยี่ยมสถานที่อีกแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ได้ไป เพราะว่า ในย่านนี้จะเป็นแหล่งรวมนักศิลปิน และจะมีคนที่มาจากที่ต่างๆมาอาศัยจำนวนมาก ทำให้แม่ต้อยซึ่งมีนิสัยขี้กลัว(  อิอิ ) แค่ฟังเสียงจากคนที่มาเล่าต่ออีกครั้งเลยเปลี่ยนใจไม่เคยได้มาแวะเลย ซึ่งน่าเสียดายมากจริงๆคะ คราวนี้แหละที่แม่ต้อยได้มีโอกาสดีดีก็จะไปดูให้เห็นจริง  ก็คำพังเพยเขาบอกไว้แล้วไงว่า.. สิบปากว่า..ไม่เท่าตาเห็น..

 

          ที่แห่งนี้คือถิ่นที่เขาเรียกว่า Monmartre ซึ่งเป็นแหล่งศิลปะ ของปารีส อย่างที่บอก แม่ต้อยก็เตรียมตัวอย่างทะมัดทะแมง  เก็บของที่สำคัญไว้ให้เรียบร้อยก่อนไป  เพราะเกรงว่าจะป้ำๆเป๋อๆ เสียทีผู้ที่คิดจะมาฉกชิงวิ่งราว อะไรทำนองนั้น..

 เรียกว่า เตรียมป้องกัน อย่างสุดขีด 5555

 

          ที่นี่คึกคักมากจริงๆคะ ผู้คนมากมาย หากไม่ระมัดระวังตัวก็อาจจะมีถูกล้วง ถูกควักได้  ส่วนใหญ่จะเป็นพวกวัยรุ่น แต่งตัวแปลกๆ เจาะหู เจาะท้อง ผมยาว สีผมหลากหลาย  แต่เท่าที่สัมผัส แม่ต้อยก็รู้สึกว่า ไม่มีอะไรร้ายแรง อย่างที่คิดกลัวไปก่อนหน้านั้น  มีร้านขายของมากมาย รวมทั้งร้านอาหารแปลกๆ หลากหลายเลือกกินได้ตามใจชอบ  เวลาเดินต้องคอยหลบกันดีดีด้วย

 

          แถวMonmartre นี้จะมีโบสถ์ที่สวยงามมากแห่งหนึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาเล็กๆ คนที่มาเที่ยวในย่านนี้ ก็จะไม่พลาดที่จะขึ้นไปชม โบสถ์นี้ชื่อว่า Basilique du Sacre Coeur อ่านว่า( อิอิ ไม่ทราบว่าถูกไหม )  บาซิลิค ดู ซาแคร์เกอร์ อันแปลเป็นภาษาไทยว่า โบสถ์หัวใจอันศักดิ์สิทธิ์ของพระคริสต์

 โบสถ์ อันศักดิ์สิทธิ์ และสวยงาม

 

ทางเดิน ก่อนถึงทางขึ้นโบสถ์

          เมื่อเดินพ้นตรอกร้านค้าที่ผู้คนพลุกพล่านแล้ว ก็จะเห็นทางขึ้นโบสถ์อยู่ข้างหน้าสูงชันพอสมควรคะ มีบันไดเดินขึ้นไปด้วย และหากว่าไม่มีความสามารถในการเดินขึ้น เขาจะมีรถไฟฟ้าให้นั่งขึ้นไปด้วยก็ได้  ในขณะที่แม่ต้อยกำลังชั่งใจว่าจะเดินขึ้นบันไดดี หรือว่าจะนั่งรถไฟฟ้าไปดี ก็ได้ยินเสียงลูกชายถามว่า

         

          แม่ ..เดินขึ้นบันไดไหวไหม?

 

เนื่องจากในวันนั้นทีมที่ไปมีทั้งหมด ๕ คนพอดี ทุกๆคนท่าทางแข็งแรง มีความสามารถทุกคน ดังนั้นเป้าหมายของคนที่ไม่น่าจะเดินขึ้นไปได้จึงพุ่งมาที่แม่ต้อยคนเดียวล้วนๆๆ..เต็มๆ

 

          แม่ต้อยกัดฟัน... ตอบแบบทันทีทันใดว่า ด้ายย..

 

เดินขึ้นมาสักพักจึงนึกในใจว่า ที่จริงก็พอไหวน่า.. ทิวทัศน์ ข้างทางก็สวยงามดี หากเหนื่อยก็หยุดพักได้ แล้วค่อยเดินต่อไม่มีใครว่า แต่ที่น่าหวั่นใจมากกว่าการเดินขึ้นบันไดคือ ระหว่างทางจะมีบรรดา พวกวัยรุ่น หน้าตาไม่ค่อยน่าไว้ใจ สูบบุหรี่ รวมตัวกันเป็นกลุ่มๆ แหย่กันบ้าง หรือพุดจาส่งเสียงโหวกเหวก ชวนให้ระทึกใจไม่ใช่น้อย บางครั้งก็เอาสินค้าบางอย่างมาอ้อนวอนหรือยื่นใส่มือ ให้คนที่เดินขึ้นไปซื้อเป็นที่ระลึก

มองลงไปเห็นหลังคาบ้านเรียงรายลดหลั่นกันไป

 

          เมื่อถึงตัวโบสถ์บนยอดเนินเขาก็พบโบสถ์ที่ทำจากหินอ่อน ข้างในกรุด้วยกระจกสีสวยงามมาก เมื่อหันหน้าลงมาจากเนินเขา ก็จะเห็นทิวทัศน์ของเมืองปารีส หลังคาบ้านหลากสีเรียงรายกันอย่างงดงาม  เมื่อเยี่ยมชมภายในตัวโบสถ์แล้วเรียบร้อย เราก็พากันเดินเลาะถนนเล็กๆไปบริเวณแหล่งร้านค้าบริเวณข้างๆ ซึ่งจะมีสินค้าหลากหลายมาวางขายให้นักท่องเที่ยว ร้านอาหาร รวมทั้งพวกบรรดาศิลปินทั้งหลายที่มานั่งวาดรูปให้กับผู้คนที่เดินผ่านไปมา เสียงเพลง เสียงพูดคุยร้องเรียกให้ชมสินค้า หรือเชิญชวนให้เข้าไปนั่งในร้านอาหารได้ยินไปทั่วบริเวณ

 

          แม่ต้อยมาทราบทีหลังว่าลานที่พวกศิลปินมานั่งจำหน่ายรูป หรือวาดรูปนั้น เขาเรียกว่า ลานศิลปิน หรือ Place du  tertre  เขาจะมีโต้ะนั่งสำหรับขายรูป หรือวาดรูปกันเดี๋ยวนั้นเลย   ที่จริงแม่ต้อยยังนึกเสียดายที่ไม่ได้ให้เขาลองวาดรูปสักรูปไว้เป็นที่ระลึก

บางกลุ่มก็จะมีศิลปินที่เล่นดนตรี และขับร้องเพลงให้คนที่มาเที่ยวได้ฟัง ที่นี่จึงเป็นลักษณะการใช้ชีวิตในรูปแบบของศิลปินที่เน้นความเป็นอิสระมากกว่า

ที่ลาน  ศิลปิน จะมีศิลปินรับวาดรูปนักท่องเที่ยว

 

          สำหรับตอนขาลง เราเดินลงแบบสบายๆคะ แต่ก็ยังเจอหนุ่มผมยาวคอยดักที่บันได ซักชวนให้ซื้อ เส้นด้าย สำหรับผูกข้อมือ คล้ายๆด้ายขาวๆที่พระจะผูกข้อมือ

จึงไม่ทราบว่า เชือกนั้นเป็นเครื่องประดับตามแบบฉบับของอิสระชน หรือ เครื่องลางกันแน่

สำหรับตอนนั้นแม่ต้อย พยายามเดินเร็วๆ ( กลัวคนผมยาว อิอิ ) แต่ก็เห็นนักท่องเที่ยวคนอื่นให้ความสนใจ ซื้อมาผูกข้อมือกันหลายคน

 เดินลงสบายมากๆ

 

          หลังจากนั้นแม่ต้อย ก็แวะไปที่โรงละคร  Opera Garnier เพื่อเข้าไปดูความยิ่งใหญ่และบรรยากาศที่อลังการของที่นี่  แม่ต้อยเคยได้มีโอกาสดูละครเรื่อง “ The Phantom of the Opera ที่เล่าเรื่องชายหนุ่มที่อาศัยอยู่ที่ห้องใต้ดิน และทะเลสาบใต้ดินและไปรักกับนักแสดงสาวในโรงละคร จนกลายเป็นโศกนาฏกรรม เรื่องนี้มาจากต้นกำเนิดของการสร้างโรงละครแห่งนี้ ซึ่งในตอนก่อสร้างใหม่ๆ พบทะเลสาบและน้ำพุใต้ดิน จนทำให้ละครเรื่องนี้กลายเป็นละครชื่อดังของโลกไปเลย  ตอนที่แม่ต้อยได้ดูละครเรื่องนี้ ตอนจบ แสนที่จะสงสารชายพิการที่ไปหลงรักนางเอกละครเสียจริงๆ( เป็นเอามากๆๆ ฮ่าๆ)

 

          ความอลังการของโรงละคร ทำให้แม่ต้อยอดที่จะนึกย้อนยุคถึงในอดีตที่ผ่านมา สถานที่แห่งนี้คงเต็มไปด้วยหนุ่มสาว หรือผู้ดีชาวฝรั่งเศสที่แต่งตัวหรูหราชุดราตรี กระโปรงยาวฟูฟ่อง ผู้ชายในสูทหรู เดินกรุยกรายทั่วไปในห้องโถงนี้  จิบไวน์รสดี น่าเสียดายวันที่แม่ต้อยไปเขาไม่มีการแสดง จะมีอีกรอบเป็นวันที่เราจะต้องเดินทางกลับพอดี..

 

          คราวนี้ แม่ต้อยจะขอลองไปเดินโฉบเฉี่ยวที่ห้างสุดหรูของเมืองปารีส คือห้างGeleries Lafayette  แกลลารี  ลาฟาแยตต์   และห้าง  Printemps แพรงตองส์ ( น่าจะชื่อแพงจัง อิอิ) เพราะของทุกอย่างเป็นแบรนด์ ราคาแพงทั้งนั้น   ทั้งสองแห่งอยู่ไม่ห่างกันมากนัก มีคนเดินเข้าไปเที่ยวดูสินค้าอย่างคึกคัก แม่ต้อยได้ยินเสียงคุยเป็นภาษาไทยอยู่บ่อยครั้ง เมื่อเจอกัน แม่ต้อยก็แอบยิ้มให้ เป็นทำนองทักทายกัน

ความหรูหราของห้าง Lafayette

 

          ห้าง  Lafayette ห้างเดียวก็เดินแทบแย่ เพราะว่าเขาแบ่งเป็นตึกหญิงและชาย ไม่ปะปนกัน การตบแต่งหรูหรามาก หลังคาตึกเป็นโดมทรงกลมตบแต่งสีสวยงาม แม่ต้อยเดินจนทั่วแล้วก็ออกมา.. ไม่มีอะไรติดไม้ติดมือมาสักชิ้น..

 

          อีกห้างคือ Printemps นั้นก็อยู่ติดๆกัน สินค้าก็ราคาแพง เหมือนกันคะ สรุปแล้วคือดูอย่างเดียวคะ  น่าจะพอ

 

          เมื่อเดินออกมาหน้าห้าง ซึ่งมีคนเดินอย่างขวักไขว่ มีผู้หญิงคนหนึ่ง แต่งตัวคล้ายๆพวกยิบซี เดินมาเที่ยวถามใครต่อใคร ( อาจจะเลือกคนที่หน้าตา แปลกๆ) ว่าพุดภาษาอังกฤษได้ไหม? ตอนนี้เขาเดือดร้อนเพราะว่ามีลูกป่วย อยากจะได้เงินสักหน่อย...แม่ต้อยสังเกตดู เห็นเขาเดินถามไปทั่ว ก็เลยไม่ทราบว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า..

 

          แปลกที่ว่า บริเวณหน้าห้างจะมีรถเข็นเล็กๆสำหรับขายสินค้า ต่างๆ แม่ต้อยลองเข้าไปถามราคาไม่แพงมาก แค่คุณภาพก็คงสมราคา นั่นแหละ  มีหนุ่มคนหนึ่งยืนขายเกาลัด  วิธีการทำให้เกาลัดสุกนั้นโดยการเอาไปย่างบนเตาถ่าน พลิกกลับไปมา ไม่ใช่การใช้กระทะคั่วเหมือนบ้านเรา  แม่ต้อยนี่เป็นคนที่ชอบทานเกาลัดมากๆเป็นที่รู้จักของเพื่อนฝูง จึงไม่พลาดโอกาสที่จะลองชิมดู อร่อยคะ  แต่ไม่อร่อยเท่าที่มีขายในเมืองไทย  และยังแพงกว่าอีกด้วย

 เกาลัด ฝรั่งเศส ใช้วิธีย่างบนเตาถ่าน พลิกไปมาจนสุกคะ

 

 

          กำลังจะกลับโรงแรม ก็เกิดพายุลมพัดกิ่งไม้ไหวเอนไปมา ฝุ่นฟุ้งกลางถนนพัดเอา ขยะ เศษกระดาษ ปลิวว่อนเลยทีเดียว สักพัก ฝนก็ตกมาห่าใหญ่ พร้อมกับลูกเห็บก้อนใหญ่ๆตกกระทบถนนเสียงดังกราวๆ แม่ต้อยกับลูกชายวิ่งหนีลงไปในทางเดินรถไฟใต้ดิน RER เพื่อกลับโรงแรมอย่างปลอดภัย...

 

          มาที่ปารีส คราวนี้ไม่เสียเที่ยวคะ.. ได้พิสูจน์คำพังเพยที่ว่า

                 

สิบปากว่า..ไม่เท่าตาเห็น..

 

แม่ต้อยรู้สึกประทับใจทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้ไปพบไปเห็นมา บางเรื่องบางราว อาจจะเป็นแค่ความคิด ความรู้สึกส่วนตัวเท่านั้น แต่ก็อยากจะเล่าให้กัลยาณมิตรได้ฟังสนุกๆ เป็นการคลายความเครียด และผ่อนคลายจากเรื่องหนักๆเท่านั้นเองคะ

 

แต่ก็อย่างที่บอกนะคะ สิบปากว่า..ไม่เท่าตาเห็น..  อ่านเรื่องนี้แล้วต้องฟังหู ไว้หู และหาโอกาสไปเที่ยวสักครั้งคะ..

 

สวัสดีคะ

คำสำคัญ (Tags): #ปารีส
หมายเลขบันทึก: 257371เขียนเมื่อ 25 เมษายน 2009 17:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:39 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (17)

มาชมว่าบันทึกเก็บรายละเอียดได้ดีมากๆค่ะ

มาอ่านเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ

อยากไปมากๆค่ะ

ถ่ายภาพสวยจังเลยค่ะ

สวัสดีค่ะ

  • ดีใจที่ได้อ่านสารคดีการท่องเที่ยวของแม่ต้อย
  • แม่ต้อยเล่าได้ดีมาก ๆค่ะ
  • ทำเป็นเล๋มก็ดีนะคะ
  • แจกจ่ายไปยัง..โรงเรียนบ้านอก
  • ฮิ ๆ ๆ ๆ (พูดเอาแต่ได้ไม่ว่า)
  • รักและคิดถึงแม่ต้อยค่ะ

 

  • มาเสริมคุณพี่ครูคิมค่ะ ทำเป็นสารคดีนำเที่ยวได้เลยนะคะ  คูณพี่ต้อยเก็บภาพและเก็บความประทับใจมาอธิบายได้น่าทึ่งมากค่ะ
  • เห็นภาพและภาษาเหมือนว่าเราได้เดินทางร่วมไปด้วย
  • เวลาเที่ยวไป ถ่ายรูปเก็บประสบการณ์แต่ละแห่ง แสดงว่านึกถึงกัลยาณมิตรตลอดเวลาที่จะมาร่วมแบ่งปันสิ่งสวยงามร่วมกัน  ขอบพระคุณมากค่ะ

เรียน พี่แม่ต้อย ไม่ได้ไปยุโรป นานมากแล้ว ขอบคุณครับ พาไปเยี่ยมยามทาง Blog

P 

น้องแดงคะ

แม่ต้อยรวบรวมความทรงจำมาลองเขียนคะ

ขอบคุณน้องแดงมากๆคพ

. ครูคิม
ครูคิม สร้างแรงบันดาลใจอีกแล้ว

เดี๋ยวแม่ต้อยจะทำเป็นเล่ม ส่งให้เด็กๆที่โรงเรียนครูคิมอ่านดีไหมคะ

ให้มีเรื่องแบบนี้มากๆก่อน แล้วจะส่งให้ครูคิมคนแรกเลยนะเนี่ย

ดีไหมคะ?

P 

น้องศิลาคะ

ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่ดีมากๆคะ

แต่ฝีมือคงยังไม่เข้าขั้นนั้น มังคะ

อ่านสนุกๆ คงดีกว่า  แต่หากพัฒนาไปมากกว่านี้ อาจจะรวบรวม ส่งไปให้น้องๆในโรงเรียนอ่านก็น่าจะดี แบบฟรีๆๆ

ลองดูไปก่อนดีกว่านะคะ

 

  • สวัสดีค่ะแม่ต้อย
  • ครูแจ๋วคงไม่มีวาสนาได้ไปสถานที่จริง
  • ขอไปเที่ยวกับแม่ต้อยทางภาพถ่ายและบันทึกนะคะ
  • ภาพสวย การเล่าเรื่องน่าติดตาม เป็นเสน่ห์ของการเขียนบันทึกที่ครูแจ๋วพยายามลอกเลียนแบบ แต่ไม่สามารถค่ะ
  • ขอบคุณแม่ต้อย ขอให้เที่ยวให้สนุก เดินทางปลอดภัยทุกครั้งนะคะ

สวัสดีค่ะ มาดูเมืองที่สวยงาม

 พร้อมกับความงามของคนเขียนบันทึก

 ฝากกล้วยไม้ที่บ้านมาเที่ยวกอทอมอค่ะ

P 

ขอบคุณน้องแดงมากนะคะ

ฝากดอกไม้มาให้ด้วยคะ

สวัสดีอีกรอบคะ น้องแดง คราวนี้มีดอกไม้มาแล้วคะ

 

สวัสดีค่ะ

  • มาบอกว่าคิดถึงเสมอนะคะ
  • จะโทรไปขอเนื้อหา วิธีการทำกิจกรรมจากน้องพอลล่าค่ะ
  • จะนำมาฝึกเด็ก ๆก่อนเปิดเรียนค่ะ
  • รักษาสุขภาพนะคะ

P 

คิดถึงเช่นกันคะ

โทรหรือยังคะ

แม่ต้อยเล่าเรื่องได้เห็นภาพมากค่ะ ทรายชอบอ่าน

5. ทรายชล

ขอบคุณน้องทรายมากๆคะ

ที่ชอบอ่าน.. ทำให้มีกำลังใจอีกมากโขคะ

สวัสดีครับ คุณแม่ต้อย

มาเที่ยวปารีสทางทางบันทึก กับการสื่อสารแบบ"ตาดู ปากอ่าน ใจจินตนาการ" ได้ความรู้สึกเหมือนไปเดินมาเองครับ ขอบคุณครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท