บัวหลวงมีโกมุทบุษบัน บ้างบานตูมชุ่มชื่นพระยื่นหยิบ
แกล้งกระซิบสูดกลิ่นนางผินผัน ชมปลาว่ายรายเรียงมาเคียงกัน...
จากบทกลอนของท่านบรมครูกลอน “สุนทรภู่” ที่กล่าวถึงความงามของบัว เป็นแรงจูงใจที่ให้ผู้เขียนได้เดินทางมุ่งสู่แหล่งผลิตบัวประดับในพื้นที่หมู่ 8 อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท หลังจากหมดเวลาราชการ การเดินทางเอเข้าสู่พื้นที่เป้าหมายไม่ยากนัก เพราะแหล่งปลูกบัวอยู่ตรงข้ามกับสำนักงานเทศบาลสรรคบุรี
เมื่อไปถึงแล้วพบคุณอุดร และคุณกาญจนา ลำลึก พร้อมเจ้าตัวเล็กที่กำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน หลังจากทักทายพร้อมดื่มน้ำเย็นผ่อนคลายความร้อนที่ผ่านมาจากการเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์คู่ใจ จึ่งเดินสำรวจบัวและไม้ประดับที่โชว์ความสวยงามและรวดลายบนใบหลากหลายสายพันธุ์ที่ได้ถูกวางไว้อย่างลงตัว ภายในพื้นที่บริเวณบ้านเนื้อที่ประมาณ 100 ตารางวาอย่างเหมาะสมและสวยงาม
นายอุดม ลำลึก เกษตรกรวัย 37 บ้านเลขที่ 310/2 หมู่ 8 ต.แพรกศรีราชา อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท กล่าวว่า หลังจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่ ได้เข้าทำงานทั้งภาครัฐและเอกชน แต่เมื่อภาคเอกชนพบปัญหาเศรษฐกิจจึงกลับสู่บ้านยึดทำการเกษตร “ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง” โดยยึดพื้นที่ว่างเปล่าภายในบริเวณบ้านที่มีพื้นที่รวมประมาณ 100 ตารางวา สร้างบ่อซิเมนต์ ขนาดกว้าง 4 เมตร ยาว 19 เมตร จำนวน 3 บ่อ สำหรับขยายพันธุ์บัวสายพันธุ์ต่างประเทศในช่วงฤดูฝน ซึ่งมีน้ำอย่างพอเพียง อีกทั้งได้ขยายพันธุ์ไม้ประดับหลากหลายชนิด เพื่อเป็นทางเลือกแก่ผู้สนใจ และรายได้หมุนเวียน
ด้านการปลูกบัวสวยงามสายพันธุ์ต่างประเทศนั้น ได้รับคำแนะนำจากคุณอุดรว่า การปลูกนั้นผู้คิดจะปลูกต้องมีใจรัก และมีสภาพพื้นที่ที่เหมาะสม เพราะบัวต้องการแสงที่เพียงพอ อีกทั้งปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องดังนี้
1. ชนิดและพันธุ์บัว จัดหาโดยศึกษาข้อมูลที่ให้ดอกดก สีสวยและมีโทนสีให้เลือกหลากหลาย ดังนั้น จึงจัดหาพันธุ์บัวจากต่างประเทศ การลงทุนในระยะแรกยึดหลัก “เศรษฐกิจพอเพียง” โดยงซื้อมาเพียง 12 ต้น จำแนกเป็น 3 สี คือ เหลือง ชมพู และแดง นำมาขยายโดยใช้เหง้า ปัจจุบันมีพันธุ์บัวมากพอที่จะขยายพันธุ์ได้ตามที่ต้องการ
2. ดิน ควรเป็นดินเหนียว และต้องระวังอย่าให้มีไข่หอยเชอรี่ติดมา เพราะจะเป็นศัตรูพืชที่สำคัญทำลายบัวได้ ต้องใส่ปุ๋ยเสริมควรเสริมด้วยปุ๋ยคอกขณะหมักดิน ดำเนินการดังนี้ นำปุ๋ยคอกรองไว้ก้นอ่าง และนำดินที่ได้ใส่ไว้ข้างบน ในอัตราส่วน 1:5 เติมน้ำลงไปเพื่อหมักดินทิ้งไว้ประมาณ 2 อาทิตย์ เมล็ดวัชพืชที่ติดมาจะงอกและเน่าจนหมด
3. น้ำ ควรมีฤทธิ์เป็นกรดเล็กน้อยหรือเป็นกลางเหมาะที่สุด ค่า pH ควรอยู่ระหว่าง 6.5-7.5 แต่ในการปลูกจริงๆ โดยเฉพาะในภาชนะจำกัดที่น้ำไม่ถ่ายเท ธาตุไนโตรเจนส่วนเกินจะละลายอยู่ในน้ำที่ปลูก เปลี่ยนสภาพของน้ำเป็นด่าง ค่า pH มักจะสูงกว่า 7.5 ต้องแก้ด้วยการเติม สารเปลี่ยนสภาพให้น้ำเป็นกลาง หรือเสริมด้วยปุ๋ยที่มีธาตุฟอสฟอรัสสูง ระดับน้ำควรให้น้ำสูงกว่าจากปากกระถางปลูกบัวเพียง 1 ฝ่ามือ
4. สายลมและแสงแดด ลม ควรมีเป็นสถานที่ที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อช่วยลดความร้อนของน้ำ เพื่อพัดความร้อนออกไป ดอกก็ไม่เหี่ยว แสงแดด สถานที่ที่ปลูกบัวควร ได้รับแสงแดดเต็มที่ ไม่ต่ำกว่าวันละ 5 ชั่วโมง จะเป็นแดดเช้าหรือบ่ายก็ได้
5. การใส่ปุ๋ย บัวเป็นพืชที่ต้องการปุ๋ยมาก ใช้ปุ๋ย-อาหารค่อนข้างเปลือง แสงแดดเป็นตัวสนับสนุนที่มีอิทธิพลที่สุด ทำให้ปรุงอาหารได้เร็วมาก และก็ใช้มากด้วย
6. ภาชนะปลูก ใช้บ่อหรืออ่างคอนกรีต คือที่อยู่อาศัยของบัว ได้ใช้อ่างซิเมนต์ใส่น้ำ และปลูกในกระถ่างพลาสติก เนื่องจากการจำกัดพื้นที่ภาชนะปลูกจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการงอกของเหง้า ถ้าเป็นบ่อใหญ่ เหง้าบัวที่งอกออกมาจะขยายไปไกลไม่ออกเหง้าให้ได้ขยายพันธุ์ เมื่อถึงขอบอ่างจะเลื้อยเข้ามาจนเต็มสระ แต่เมื่อใช้ภาชนะเล็กแล้วพบว่ามีเหง้าของบัวเจริญออกมาให้ได้ขยายพันธุ์
7. มนุษย์ เป็นปัจจัยที่สำคัญ ดังนั้นเกษตรกรจะต้องพยายามหาความรู้อย่างหลากหลายและไม่หยุด อีกทั้งควรบริหารจัดการด้านการตลาดด้วย เนื่องจากเราจะต้องหาตลาด มิใช่ตลาดมาหาเรา เพราะถ้าตลาดมาหาเราจะต้องถูกตัดราคา ซึ่งการจำหน่ายไม่ประดับนั้นเป็นผลผลิตทางการเกษตรที่เราสามรถตั้งราคาเองได้ จะแตกต่างจากสินค้าอื่น ดังนั้นจึงต้องบริหารจัดการไม่ประดับที่แปลกใหม่ และดูแล้วสดใสอยู่เสมอเพื่อเป็นที่ต้องการของลูกค้า ตลาดในท้องถิ่นยังคงเป็นตลาดที่สามารถจำหน่ายได้ เพียงแต่มีความจริงใจกับลูกค้าเท่านั้น
นายอุดม ลำลึก กล่าวเสริมว่า ผู้ต้องการปลูกบัวสายพันธุ์ต่างประเทศ ส่วนใหญ่จะซื้อเมื่อดอกบัวบานแล้ว เพราะจะเกิดความมั่นใจว่าจะได้สีหรือรูปทรงตามที่ต้องการ เมื่อเลือกบัวตามที่ต้องการแล้ว ควรจัดหาสถานที่ตั้งวางอ่างปลูกให้ได้รับแสงแดดเต็มที่ ไม่ต่ำกว่าวันละ 5 ชั่วโมง การใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 16-16-16 ประมาณเดือนละ 1 ครั้งๆ ละประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์เพื่อป้องกันปุ๋ยเคมีสัมผัส กับรากของบัวโดยตรง อีกทั้งควรเปลี่ยนดินในกระถาง สังเกตจากจำนวนใบน้อยลง ใบเริ่มแห้งและรากเริ่มลอย บัวจะออกดอกให้ได้ชมอย่างสวยงาม
เก่งมากครับ ถ้ามีบ้านพร้อมแล้วจะมาติดต่อครับ
น่าภาคภูมิใจค่ะ
แวะมาดูวิถีชีวิตแบบพอเพียง เรียบง่ายค่ะ
มีความสุขในทุกๆวัน นะคะ
ขอบคุณค่ะ
อยากทราบเบอร์ติดต่อ จะขอสอบถามข้อมูล บ้านอยู่ไกลครับ