สิทธิรักษ์
สิทธิรักษ์ รักษ์สิทธิธรรม รักษ์สิทธิธรรม

CSR คือหน้าที่ ใช่อาสา


การมี CSR นั้น ย่อมหมายถึงการเอื้อประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายอย่างเหมาะสมโดย ไม่ไปเบียดเบียนฝ่ายใด วิสาหกิจที่มี CSR ย่อมไม่ขูดรีดแรงงานลูกจ้าง ไม่ฉ้อโกงลูกค้า ไม่เอาเปรียบคู่ค้า ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมหรือทำร้ายชุมชนรอบที่ตั้งของวิสาหกิจด้วยการก่อมลพิษ วิสาหกิจที่ขาด CSR ย่อมขาดความโปร่งใส ผู้บริหารในแทบทุกระดับมักหาผลประโยชน์เข้าตัวเองหรือฉ้อโกง

ความตอนหนึ่งจากหนังสือ CSR ที่แท้ โดย ดร.โสภณ พรโชคชัย ซึ่งในขณะปัจจุบันนี้ เป็นประธานกรรมการมูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย (www.thaiappraisal.org)

ผมตัดตอนส่วนสั้นๆ ของบทหนึ่งมาให้ดูเป็นตัวอย่าง ซึ่งหากติดขัดไม่สามารถจะหาหนังสือซื้อนี้มาอ่านได้ ก็ยังสามารถอ่านได้ฟรีบนอินเทอร์เน็ตที่นี่

CSR คือหน้าที่ ใช่อาสา

CSR ดูเหมือนเป็นของเล่นใหม่สำหรับการทำดีแบบ “ลูบหน้าปะจมูก” ของวิสาหกิจเอกชนบางแห่ง ประหนึ่งเป็นกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ของพวกคุณหญิงคุณนาย และน่าแปลก ที่วิสาหกิจทำผิดกฎหมาย มักชอบอ้างว่าตัวเองมี CSR

ตอนนี้ CSR (Corporate Social Responsibility) คือความ รับผิดชอบของวิสาหกิจ กำลังเป็นที่กล่าวขวัญถึง ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (stakeholders) นั้นหมายถึงตั้งแต่ผู้ถือหุ้น ลูกจ้าง ลูกค้า คู่ค้า (supplier) ชุมชนที่วิสาหกิจนั้นตั้งอยู่ ตลอดจนสังคมโดยรวม อย่างไรก็ตาม วิสาหกิจทั่วไปมักนึกถึงผู้ถือหุ้นเป็นอันดับแรก โดยไม่คำนึงถึงกลุ่ม อื่น ๆ การคิดเช่นนี้แสดงว่าขาด CSR นั่นเอง และก่อให้เกิดปัญหาแก่สังคมได้

อย่างไรจึงถือว่ามี CSR

การมี CSR นั้น ย่อมหมายถึงการเอื้อประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายอย่างเหมาะสมโดย ไม่ไปเบียดเบียนฝ่ายใด วิสาหกิจที่มี CSR ย่อมไม่ขูดรีดแรงงานลูกจ้าง ไม่ฉ้อโกงลูกค้า ไม่เอาเปรียบคู่ค้า ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมหรือทำร้ายชุมชนรอบที่ตั้งของวิสาหกิจด้วยการก่อมลพิษ วิสาหกิจที่ขาด CSR ย่อมขาดความโปร่งใส ผู้บริหารในแทบทุกระดับมักหาผลประโยชน์เข้าตัวเองหรือฉ้อโกง <1>

การมี CSR เป็นการทำธุรกิจให้ถูกต้องตามกฎหมาย (แต่ถ้าใครจะทำให้ดีเกินมาตรฐานกฎหมายหรือจะบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมเพิ่ม เติมก็อีกเรื่องหนึ่ง) หรืออีกนัยหนึ่งคือการไม่ทำผิด หมิ่นเหม่หรือหลบเลี่ยงกฎหมายแรงงาน กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และกฎหมายอาญา ด้วยเหตุนี้การทำ CSR จึงต้องมีกรอบกฎหมายบังคับ

ถ้าทำการกุศลจริง, บ้านเมืองจะดีกว่านี้

จากการวิเคราะห์ข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ <2> ครัวเรือนหนึ่ง ๆ ของไทยใช้จ่ายเงินเพื่อการบริจาคเป็นเงินเดือนละ 422 บาท หรือ 2.69% ของรายได้ต่อเดือนของครัวเรือน เชื่อว่าแทบไม่มีวิสาหกิจใดทั้งในและนอกตลาดหลักทรัพย์จะบริจาคเงินถึง 2.69% ของรายได้ของตนเป็นแน่ เพราะถ้าทำจริง ผลงานสร้างสรรค์คงมีมากกว่านี้ และสังคมคงดีงามผาสุกอย่างมีนัยสำคัญกว่านี้

การที่วิสาหกิจหลายแห่งไม่แสดงตัวเลขการบริจาคชัดเจน ก็คงเป็นเพราะใช้เงินไปเพียงน้อยนิด จึงกระดากที่จะเปิดเผย การที่วิสาหกิจบางแห่งคุยเขื่องว่าตนแทบไม่ใช้เงินในการทำ CSR เลย ก็คงเป็นเพราะวิสาหกิจนั้นอาศัยแรงงานฟรีของพนักงานไปทำอะไรนิดหน่อยให้ พอได้ออกข่าวตามความเกรงใจของสื่อมวลชน และในที่สุด CSR ก็กลายเป็นกิจกรรมคุณหญิงคุณนายในรูปแบบใหม่ สัมฤทธิผลของ CSR จึงไม่อาจพิจารณาจากจำนวนกิจกรรมที่ได้ทำ เพราะอาจเป็นแค่การ “ลูบหน้าปะจมูก” ทำบุญเอาหน้า

ผมเกรงว่าคนที่ชอบอวดอ้างว่าทำ CSR นั่นล่ะครับ ควรจะอ่านหนังสือเล่มนี้ และทำความเข้าใจกับ CSR เสียใหม่

บทความนี้คัดลอกมาจาก  http://lanpanya.com/wash/archives/741

หมายเลขบันทึก: 256490เขียนเมื่อ 21 เมษายน 2009 01:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 มิถุนายน 2012 16:24 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

โดน ๆ ค่ะ ป๋าดล

...

ที่เห็นๆ ปชส. กันตามหน้านสพ. ต่างๆ ทั้งในหน้าสังคมทั้งหลายแหล่นะ  """ บริษัทๆ ใหญ่ๆ โต ทำ CSR """  เพื่อสังคม ๆ ๆ

ที่จริงจัง จริงใจ ก็มี แต่ส่วนใหญ่ มีอะไรซุก หรือ เพื่อชดเชย ความเสียหาย ที่องค์กร คุณๆ ทำไว้ มากมาย

เมืองนอกเค้าเอาจริงเอาจัง และมีการตรวจสอบกันอย่างถึงพริกถึงขิง ส่วนเมืองไทยเรา บริษัททุน ยังมีข้อได้เปรียบ ผู้บริโภคเสมอ

....

มาอ่านความรู้ใหม่ และคงมีอะไรซุกๆ ซ่อน ๆ เป็นคลื่นใต้น้ำ ใต้ดิน อยู่อีกเยอะเลย รึเปล่าคะป๋า อิ อิ :) """

 

ขอบคุณมากครับน้องปู

บ้านเมืองและสังคมถูกครอบงำด้วยทุน

บริหารจัดการด้วยทุน

อาการลูบหน้าปะจมูกก็เกิดขึ้น ด้วยสาเหตุแห่งทุน เพื่อต้องการตอบสนองผลประโยชน์อย่างเดียว ลืมนึกถึงความชอบธรรม

ปฏิรูปรัฐธรรมนูญอีกร้อยครั้งก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้หรอกครับ

ปฏิรูปจิตสำนึกคนผมว่าน่าจะดีกว่าครับ

สวัสดีค่ะ

จะมารบกวนไปแจ้งผลตรวจเลือดที่บ้านหน่อยนะคะ

ตอนนี้เพื่อน ๆ ชาวบล็อกเราไปกันเยอะแล้วค่ะ

รอ....อยู่ค่ะ

บอกได้ไหมกรุ๊ปเลือดอะไรเอ่ย

ที่นี่นะคะ

 

★.• •★ ทานอาหาร...ตามกรุ๊ปเลือด...เพื่อสุขภาพที่ดี★... •★

คารวะเล่าซือเจ้าค่ะ

แหม..บันทึกนี้ยังเข้มเหมือนเดิมตามสไตล์เล่าซือ

อืม..คิดถึงน้องครูมิมเลย ครูมิมเคยเขียนบันทึกเรื่อง CSR ไว้ที่บล็อกอีกแห่งหนึ่งค่ะ 

ส่วนใบไม้เองยอมรับว่า แรกเริ่มนั้นมีอคติกับองค์กร CSR ของบริษัทธุรกิจเต็มที่เลย ภายหลังก็เปิดใจกว้างมากขึ้น ว่าองค์กร CSR ที่มีกำลัง และมีเจตนาดีจริง ๆ นั้นสามารถช่วยสังคมได้มากทีเดียว 

เป็นเรื่องที่เราต้องช่วยกันตรวจสอบค่ะว่า องค์กร CSR ไหนแท้หรือเทียม ช่วยกันดูแลไปตามกำลังค่ะ

อย่างน้อยก็เป็นเรื่องที่ดีที่ภาคธุรกิจไม่แยกตัวจากภาคสังคม.. 

รักษาสุขภาพนะคะเล่าซือ..^__^..

ยังไงๆก็เป็น ใบไม้ย้อนแสง 

ความน่ารักยังคงอยู่  คิดถึงเสมอครับ

ตอนนี้ทำกิจกรรมบางอย่างเลยไม่ได้เข้ามาใน โกฯมากนักขออภัยด้วยครับ

บางครั้งก็เข้ามาเยี่ยมชมป้วนเปี้ยนเหมือนกันครับ

มาคารวะเล่าซืออีกรอบ

ไม่ว่าเล่าซือจะทำอะไรอยู่ ใบไม้ก็เชื่อมั่นว่า เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ยิ่ง..

เห็นเขาให้ฉายาเล่าซือว่า เป็นตู้ประสบการณ์ชีวิตเคลื่อนที่ ไม่ใช่เหรอคะ (อ่านมาจาก เจ้าเป็นไผ ๑ ค่ะ..อิ..อิ..) 

ส่งกำลังใจให้เล่าซือเดินหน้าทำสิ่งที่มีประโยชน์ บนเส้นทางชีวิตที่เลือกนะคะ..^__^..

ไม่ว่างก็ไม่ต้องตอบนะคะ ถึงใบไม้จะหัวล้านแต่ไม่น้อยใจหรอกน่า

แค่..เล่าซือไม่อยู่ก็ไม่มีใครเรียกใบไม้ว่า "ใบไม้ย้อนศร" น่ะสิ..

ว่าแล้วก็ไปย้อนศรคนอื่นดีกว่า อิ..อิ.. :P

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท