ทุกข์..ในกรง ๓


ผมได้ไปตรวจผู้ป่วยตอนเช้า หรือที่เรียกว่าราวน์ผู้ป่วยที่กระต้อบนั้น

3 วันผ่านไปกับการรักษาด้วยยาฉีด ผมเข้าไปในห้องสมเพ็ชร ดูเหมือนสมเพ็ชรจะอาการ

ดีขึ้น นั่งยิ้มอยู่ ผมเข้าไปคุยอาการตามปกติ สมเพ็ชรยิ้มแล้วชี้ที่รูปดอกไม้ที่ใส่กรอบแขวนไว้

ใกล้ๆเตียง ผมก็บอกว่าสวยหรือ สมเพ็ชรบอกสวยๆ แล้วชี้อีกหลายครั้ง

 ผมเริ่มสงสัยว่าทำไมสมเพ็ชรจึงชี้หลายครั้ง ผมจึงถามว่า ทำไมหรือ” “เอาออกสมเพ็ชรกล่าว ผมหยิบรูปนั้นออก

แล้วผมก็ถึงเข้าใจว่าทำไมต้องให้เอาออก เพราะผมเห็นลายเขียนเป็นรูปคล้ายอวัยวะเพศชาย

ลายเส้นเป็นสีแดงคล้ายเลือด ผมมองที่นิ้วสมเพ็ชร จึงเห็นนิ้วชี้มีผ้าก๊อซปิดไว้ แล้วพยาบาลที่ยืน

ข้างๆก็รายงานว่าเมื่อวานเห็นนิ้วมีเลือดออก และมีแผลคล้ายรอยฟันกัด รวมทั้งเมื่อวานพยาบาลที่

อยู่เวรก็บอกว่าสมเพ็ชรถอดกางเกงโชว์อวัยวะเพศให้ดู จนพยาบาลที่อยู่เวรบ่นไม่พอใจกันหลาย

คน ผมจึงรู้ว่างานนี้คงต้องรักษากันอีกนานแน่

จากการที่ผมเป็นแพทย์เพียงคนเดียว เป็น ทั้งผู้อำนวยการและแพทย์ผู้ทำการรักษา ผมจึง

เป็นแพทย์ที่ต้องแก้ปัญหาและรักษาสมเพ็ชรแต่เพียงผู้เดียว ไม่สามารถปรึกษาใครได้ แล้วเวลาก็

ผ่านไปอีก 2 สัปดาห์กับการแก้ปัญหาไปวันๆ ตามปัญหาที่เกิด บวกกับยาฉีดที่ให้ทุกวันอย่าง

ต่อเนื่อง สมเพ็ชรเริ่มพูดคุยกับผมรู้เรื่อง แต่ในบางเรื่องก็ยังงงๆอยู่ แต่ผมคิดว่าคงไม่อาละวาดแล้ว

แต่อาจจะไม่สามารถไปทำงานทำการอะไรได้ คงต้องให้คนดูแลต่อ ผมจึงคิดว่าน่าจะให้กลับบ้าน

ได้โดยทานยาต่อเนื่องไปอีก

ผมจึงให้พยาบาลตามพ่อสมเพ็ชรมาคุยเพื่อรับกลับบ้าน ตอนบ่ายเมื่อ

พ่อสมเพ็ชรมาถึง ผมกลับได้รับคำปฎิเสธที่จะรับกลับบ้าน

 ผมเอากลับไปมันก็เป็นมาอีกแหละผมไม่เอาแล้ว ผมจะฝากหมอไว้ที่นี่แหละ ถ้าเอากลับไป ผมก็ต้องขังมันไว้แหละ ใครจะไปดูมันได้ทั้งวัน ผมต้องทำงาน ไม่งั้นผมจะเอาอะไรกินพ่อสมเพ็ชรบอก

พ่อก็ต้องค่อยๆดูแลเขาจะให้หมอรับมาดูแลได้อย่างไร เดี๋ยวเขาก็ค่อยๆดีขึ้น ให้ยากินทุกวันก็ดีเองผมตอบด้วย

ความรู้สึกไม่ค่อยพอใจที่ญาติจะไม่รับผิดชอบอะไรเลย แต่หลังจากคุยกันอยู่นานครึ่งชั่วโมง ผมก็

รู้ว่าถ้าผมยังยืนยันให้สมเพ็ชรกลับไป สมเพ็ชรคงต้องเข้าไปอยู่ในกรงขังอีก แล้วผมคงต้องเดินไป

ที่กรงพร้อมปลัดอำเภอ เพื่อนำสมเพ็ชรมาอีกครั้งเมื่อเรื่องของสมเพ็ชรกลับไปขึ้นหน้าหนึ่งของ

หนังสือพิมพ์อีกครั้ง

วันนั้นผมได้แจ้งให้เภสัชกรช่วยหายารักษาโรคจิตเภท ซึ่งฉีดแล้วออกฤทธิ์นานถึง 3

สัปดาห์หรือ 1 เดือน ผมจำได้ว่าตอนที่เรียนอยู่ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ผมเคยเห็นอาจารย์สั่งยา

ชนิดนี้มาใช้ พยาบาลที่ห้องผู้ป่วยในบอกผมว่า ถ้าให้สมเพ็ชรอยู่ห้องพิเศษต่อ คนไข้ที่เป็น

ข้าราชการซึ่งป่วยแล้วอยากนอนห้องพิเศษก็จะไม่ได้นอน แล้วต้องขอไปนอนที่โรงพยาบาล

จังหวัด แล้วโรงพยาบาลก็ขาดรายได้ด้วย ในขณะนั้นเงินบำรุงโรงพยาบาลมีอยู่ประมาณ สอง

แสนบาท แต่รายจ่ายซึ่งเป็นค่าจ้างลูกจ้างชั่วคราวและค่าอยู่เวรของเจ้าหน้าที่เดือนหนึ่งก็ เกือบหนึ่ง

แสนบาท ซึ่งเราสามารถหารายรับมาช่วยเหลือในแต่ละเดือนจากห้องพิเศษ เดือนละ3-4 หมื่นบาท

ทำให้มีความจำเป็นต้องให้สมเพ็ชรออกจากห้องพิเศษ แต่ถ้าให้อยู่ห้องผู้ป่วยรวม ก็ยังเกรงว่า

สมเพ็ชรอาจจะรบกวนผู้ป่วยคนอื่นได้ถ้าอาการกำเริบ

ผมจึงเดินไปปรึกษาหัวหน้าฝ่ายบริหารงานทั่วไปว่าจะทำอย่างไรดี 3 วันถัดมา ด้วย

ความร่วมแรงร่วมใจของคนงานหลายคน ผมก็เห็นกระต๊อบเล็กๆที่ทำด้วยไม้ไผ่และใบจาก ซึ่งตัด

มาจากป่าใกล้ๆบ้านของคนงานซึ่งอยู่ละแวกนั้น สมเพ็ชรได้อยู่ในกระต๊อบนั้นและพยาบาลก็นำยา

ไปให้ที่นั่นทุกวัน โรงครัวก็ทำกับข้าวผู้ป่วยไปส่งให้ที่นั่น ผมได้ไปตรวจผู้ป่วยตอนเช้า หรือที่

เรียกกันว่าราวด์ผู้ป่วย ที่กระต๊อบนั้น

หมายเลขบันทึก: 256418เขียนเมื่อ 20 เมษายน 2009 16:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 06:20 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท