ในที่สุด
พ่อขายวัวที่บ้านเพื่อเหมารถพาไปโรงพยาบาลสวนปรุง ซึ่งเป็นโรงพยาบาลจิตเวชที่ใหญ่ที่สุดใน
ภาคเหนือ กลับมาก็ยังมีอาการกลับมาอีกอยู่ดี ผมจึงเห็นใจพ่อสมเพ็ชร ไม่น้อยกว่าตัวสมเพ็ชรเอง
เมื่อผมมองแววตาและสีหน้าของพ่อสมเพ็ชรแล้ว ผมจึงได้คิดว่าบางครั้งทุกข์ของคนที่อยู่นอกกรง
นั้น อาจจะมากกว่า คนในกรงด้วยซ้ำ เพราะดูเหมือน สมเพ็ชรจะไม่อาทรร้อนใจกับการอยู่ในกรง
เท่าใดนัก
โรงพยาบาลบ้านหลวงซึ่งผมทำงานอยู่นี้ โรงพยาบาลขนาดเล็กมีเตียงสำหรับผู้ป่วย
จำนวน 10 เตียง ไม่มีห้องแยก มีแต่ห้องพิเศษ ซึ่งใช้ห้องเก็บของเก่าปรับปรุงให้สามารถรับผู้ป่วยที่
เป็นข้าราชการมานอนพัก ซึ่งรายรับที่ได้จากข้าราชการเบิกได้นั้นเป็นเงินส่วนสำคัญที่นำมา
พัฒนาโรงพยาบาลได้ เป็นเวลาที่ท้าทายสำหรับการเป็นผู้อำนวยการว่า ผมจะให้สมเพ็ชรอยู่ใน
ห้องพิเศษซึ่งมีเพียงห้องเดียวนั้นเพื่อควบคุมอาการคลุ้มคลั่งและจะทำให้ไม่มีห้องพิเศษสำหรับหา
รายรับเข้าโรงพยาบาล หรือจะให้สมเพ็ชรนอนปะปนกับผู้ป่วยอื่น ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดความวุ่นวาย
และพาลทำให้ผู้ป่วยอื่นๆซึ่งอาจมีอาการรุนแรงไม่ได้พักผ่อนจนโรคกำเริบได้
ผมจำคำพูดที่อาจารย์ท่านหนึ่งสอนไว้ในช่วงเป็นนักศึกษาแพทย์ว่า
“เราเป็นหมอ มีหน้าที่ รักษาคน ถ้าเพื่อประโยชน์ของผู้ป่วยแล้ว ให้ลืมเรื่องเงินทองไว้ก่อน ไม่ว่าเขาจะมีเงินหรือไม่มี
เงินเราต้องรักษาเขาอย่างดีที่สุด”
คำพูดนี้ให้คำตอบกับผมว่า เราเป็นหมอ ตอนนี้ต้องลืมตำแหน่งผู้อำนวยการก่อน รายได้จะมีมากหรือน้อย ก็คงต้องไปแก้ทีหลัง ผมจึงสั่งให้สมเพ็ชรนอนในห้องพิเศษ แล้วก็เป็นดังที่ผมคาด สมเพ็ชรดิ้นและพยายามหนีจนพยาบาลต้องมัดไว้กับ
เตียง เนื่องจากห้องพิเศษนั้นอยู่ติดกับห้องผู้ป่วยในรวม เสียงสมเพ็ชรร้องโวยวายจึงรบกวนผู้ป่วย
คนอื่นไม่น้อย แต่ก็คงยังดีกว่านอนที่ห้องเดียวกัน ผมพยายามใช้ยาฉีดหลายชนิด ทั้งยารักษาโรค
จิตเภท และยานอนหลับ กว่าจะให้จนสมเพ็ชรสงบได้ก็เล่นเอาพยาบาลหลายคนเหนื่อยที่ต้อง
พยายามฉีดยาสมเพ็ชรที่ดิ้นตลอดเวลา
เช้าวันต่อมา ก่อนที่ผมจะเดินเข้าไปตรวจที่ห้องสมเพ็ชร พยาบาลได้ยื่นผ้าปิดจมูกให้ผม
พร้อมกับบอกว่าหมอใส่ก่อนเถอะ เหม็นมาก พอผมเข้าไปถึง ก็พบว่าสมเพ็ชรแก้ผ้าที่มัดมือไว้
นั่งยิ้มอยู่ที่เตียง บริเวณผนังห้องข้างเตียง มีรอยสีเหลืองลากเป็นเส้น บางส่วนคล้ายๆเป็นรูปร่าง
นกหรือ อาจจะเป็นรูปคน กลิ่นและสีของรอยสีเหลืองนั้นบวกกับของเหลวสีเหลืองที่เตียงข้างๆ
สมเพ็ชรทำให้ผมรู้ว่านั่นเป็นอุจจาระของสมเพ็ชร พยาบาลทำหน้าเหยเก พร้อมกับบ่นว่าหมอไม่
น่าให้นอนในห้องพิเศษเลย ไม่รู้จะใช้ห้องนี้เป็นห้องพิเศษได้อีกหรือเปล่า ผมบอกพยาบาลให้
แจ้งคนงานมาทำความสะอาด แล้วลองพูดคุยกับสมเพ็ชร ดูเหมือนเขาจะไม่รู้เรื่องกับสิ่งที่ผมพูด
นัก บางครั้งก็บ่นพึมพำคนเดียว ผมสั่งยาเพิ่มแล้วเดินออกมาดูคนอื่นต่อ
เช้าอีกวัน ผมเตรียมใจเข้าไปพบกับกลิ่นและสีแปลกๆที่ห้องสมเพ็ชรอีก แต่วันนี้ไม่มี
กลิ่นพิเศษ คงเป็นเพราะวันนี้ยังไม่ถ่ายอุจจาระก็เป็นได้ วันนี้สมเพ็ชรอาการดีขึ้นจนผมแปลกใจ
ไม่มีลักษณะโวยวาย หรือดิ้นแต่อย่างใด ผมพยายามพูดคุย ก็ดูเหมือนจะรู้เรื่องบ้าง แต่ก็ยังไม่รู้เรื่อง
เป็นบางครั้ง ผมเริ่มดีใจกับการรักษา จนทำให้รู้สึกว่างานของผมใกล้จะเสร็จแล้ว สมเพ็ชรร้อง
ขอให้เอาผ้ามัดมือออก เขาชี้ที่มือแล้วบ่นว่าเจ็บ ผมบอกให้พยาบาลเอาผ้ามัดมือออก แล้วกำชับ
ว่าถ้าดิ้นอีกค่อยมัดใหม่
3 วันผ่านไปกับการรักษาด้วยยาฉีด ผมเข้าไปในห้องสมเพ็ชร ดูเหมือนสมเพ็ชรจะอาการ
ดีขึ้น นั่งยิ้มอยู่ ผมเข้าไปคุยอาการตามปกติ สมเพ็ชรยิ้มแล้วชี้ที่รูปดอกไม้ที่ใส่กรอบแขวนไว้
ใกล้ๆเตียง ผมก็บอกว่าสวยหรือ สมเพ็ชรบอกสวยๆ แล้วชี้อีกหลายครั้ง
ไม่มีความเห็น