ทุกข์...ในกรง( ๒)


เราเป็นหมอ มีหน้าที่ รักษาคน ถ้าเพื่อประโยชน์ของผู้ป่วยแล้ว ให้ลืมเรื่องเงินทองไว้ก่อน ไม่ว่าเขาจะมีเงินหรือไม่มี

ในที่สุด

พ่อขายวัวที่บ้านเพื่อเหมารถพาไปโรงพยาบาลสวนปรุง ซึ่งเป็นโรงพยาบาลจิตเวชที่ใหญ่ที่สุดใน

ภาคเหนือ กลับมาก็ยังมีอาการกลับมาอีกอยู่ดี ผมจึงเห็นใจพ่อสมเพ็ชร ไม่น้อยกว่าตัวสมเพ็ชรเอง

เมื่อผมมองแววตาและสีหน้าของพ่อสมเพ็ชรแล้ว ผมจึงได้คิดว่าบางครั้งทุกข์ของคนที่อยู่นอกกรง

นั้น อาจจะมากกว่า คนในกรงด้วยซ้ำ เพราะดูเหมือน สมเพ็ชรจะไม่อาทรร้อนใจกับการอยู่ในกรง

เท่าใดนัก

โรงพยาบาลบ้านหลวงซึ่งผมทำงานอยู่นี้ โรงพยาบาลขนาดเล็กมีเตียงสำหรับผู้ป่วย

จำนวน 10 เตียง ไม่มีห้องแยก มีแต่ห้องพิเศษ ซึ่งใช้ห้องเก็บของเก่าปรับปรุงให้สามารถรับผู้ป่วยที่

เป็นข้าราชการมานอนพัก ซึ่งรายรับที่ได้จากข้าราชการเบิกได้นั้นเป็นเงินส่วนสำคัญที่นำมา

พัฒนาโรงพยาบาลได้ เป็นเวลาที่ท้าทายสำหรับการเป็นผู้อำนวยการว่า ผมจะให้สมเพ็ชรอยู่ใน

ห้องพิเศษซึ่งมีเพียงห้องเดียวนั้นเพื่อควบคุมอาการคลุ้มคลั่งและจะทำให้ไม่มีห้องพิเศษสำหรับหา

รายรับเข้าโรงพยาบาล หรือจะให้สมเพ็ชรนอนปะปนกับผู้ป่วยอื่น ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดความวุ่นวาย

และพาลทำให้ผู้ป่วยอื่นๆซึ่งอาจมีอาการรุนแรงไม่ได้พักผ่อนจนโรคกำเริบได้

ผมจำคำพูดที่อาจารย์ท่านหนึ่งสอนไว้ในช่วงเป็นนักศึกษาแพทย์ว่า

เราเป็นหมอ มีหน้าที่ รักษาคน ถ้าเพื่อประโยชน์ของผู้ป่วยแล้ว ให้ลืมเรื่องเงินทองไว้ก่อน ไม่ว่าเขาจะมีเงินหรือไม่มี

เงินเราต้องรักษาเขาอย่างดีที่สุด

คำพูดนี้ให้คำตอบกับผมว่า เราเป็นหมอ ตอนนี้ต้องลืมตำแหน่งผู้อำนวยการก่อน รายได้จะมีมากหรือน้อย ก็คงต้องไปแก้ทีหลัง ผมจึงสั่งให้สมเพ็ชรนอนในห้องพิเศษ แล้วก็เป็นดังที่ผมคาด สมเพ็ชรดิ้นและพยายามหนีจนพยาบาลต้องมัดไว้กับ

เตียง เนื่องจากห้องพิเศษนั้นอยู่ติดกับห้องผู้ป่วยในรวม เสียงสมเพ็ชรร้องโวยวายจึงรบกวนผู้ป่วย

คนอื่นไม่น้อย แต่ก็คงยังดีกว่านอนที่ห้องเดียวกัน ผมพยายามใช้ยาฉีดหลายชนิด ทั้งยารักษาโรค

จิตเภท และยานอนหลับ กว่าจะให้จนสมเพ็ชรสงบได้ก็เล่นเอาพยาบาลหลายคนเหนื่อยที่ต้อง

พยายามฉีดยาสมเพ็ชรที่ดิ้นตลอดเวลา

เช้าวันต่อมา ก่อนที่ผมจะเดินเข้าไปตรวจที่ห้องสมเพ็ชร พยาบาลได้ยื่นผ้าปิดจมูกให้ผม

พร้อมกับบอกว่าหมอใส่ก่อนเถอะ เหม็นมาก พอผมเข้าไปถึง ก็พบว่าสมเพ็ชรแก้ผ้าที่มัดมือไว้

นั่งยิ้มอยู่ที่เตียง บริเวณผนังห้องข้างเตียง มีรอยสีเหลืองลากเป็นเส้น บางส่วนคล้ายๆเป็นรูปร่าง

นกหรือ อาจจะเป็นรูปคน กลิ่นและสีของรอยสีเหลืองนั้นบวกกับของเหลวสีเหลืองที่เตียงข้างๆ

สมเพ็ชรทำให้ผมรู้ว่านั่นเป็นอุจจาระของสมเพ็ชร พยาบาลทำหน้าเหยเก พร้อมกับบ่นว่าหมอไม่

น่าให้นอนในห้องพิเศษเลย ไม่รู้จะใช้ห้องนี้เป็นห้องพิเศษได้อีกหรือเปล่า ผมบอกพยาบาลให้

แจ้งคนงานมาทำความสะอาด แล้วลองพูดคุยกับสมเพ็ชร ดูเหมือนเขาจะไม่รู้เรื่องกับสิ่งที่ผมพูด

นัก บางครั้งก็บ่นพึมพำคนเดียว ผมสั่งยาเพิ่มแล้วเดินออกมาดูคนอื่นต่อ

เช้าอีกวัน ผมเตรียมใจเข้าไปพบกับกลิ่นและสีแปลกๆที่ห้องสมเพ็ชรอีก แต่วันนี้ไม่มี

กลิ่นพิเศษ คงเป็นเพราะวันนี้ยังไม่ถ่ายอุจจาระก็เป็นได้ วันนี้สมเพ็ชรอาการดีขึ้นจนผมแปลกใจ

ไม่มีลักษณะโวยวาย หรือดิ้นแต่อย่างใด ผมพยายามพูดคุย ก็ดูเหมือนจะรู้เรื่องบ้าง แต่ก็ยังไม่รู้เรื่อง

เป็นบางครั้ง ผมเริ่มดีใจกับการรักษา จนทำให้รู้สึกว่างานของผมใกล้จะเสร็จแล้ว สมเพ็ชรร้อง

ขอให้เอาผ้ามัดมือออก เขาชี้ที่มือแล้วบ่นว่าเจ็บ ผมบอกให้พยาบาลเอาผ้ามัดมือออก แล้วกำชับ

ว่าถ้าดิ้นอีกค่อยมัดใหม่

3 วันผ่านไปกับการรักษาด้วยยาฉีด ผมเข้าไปในห้องสมเพ็ชร ดูเหมือนสมเพ็ชรจะอาการ

ดีขึ้น นั่งยิ้มอยู่ ผมเข้าไปคุยอาการตามปกติ สมเพ็ชรยิ้มแล้วชี้ที่รูปดอกไม้ที่ใส่กรอบแขวนไว้

ใกล้ๆเตียง ผมก็บอกว่าสวยหรือ สมเพ็ชรบอกสวยๆ แล้วชี้อีกหลายครั้ง

หมายเลขบันทึก: 256413เขียนเมื่อ 20 เมษายน 2009 15:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 06:20 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท