ทุกข์...ในกรง


“เราเป็นหมอ มีหน้าที่ รักษาคน ถ้าเพื่อประโยชน์ของผู้ป่วยแล้ว ให้ลืมเรื่องเงินทองไว้ก่อน ไม่ว่าเขาจะมีเงินหรือไม่มี

วันนี้แม่ต้อยได้มีโอกาสมาอ่านเรื่องเล่าในโครงการ Humanized health care ที่ทางสถาบันพัฒนาและรับรองคุณภาพโรงพยาบาลได้รวบรวมไว้ เพื่อเป็นบทเรียนและถ่ายทอดให้กับบุคลากรในโรงพยาบาล เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ สร้างกำลังใจในการทำงาน  แม่ต้อยต้องขอขอบคุณ นายแพทย์ พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ อดีตประธานชมรมแพทย์ ชนบท  เจ้าของบทความที่มีคุณค่านี้เป็นอย่างมาก   เรื่องเล่าของคุณหมอจากประสบการณ์จริงในการทำงาน มีดังนี้คะ

ผมไม่เคยลืมสมเพ็ชร คนที่สอนให้ผมรู้ว่า การทำงานตามภาระหน้าที่ของคนคนหนึ่ง

สามารถมีความหมายกับคนอีกคนหนึ่งมากเพียงใด ถ้าเพียงแต่เราได้ทำอย่างเต็มกำลัง

ความสามารถและด้วยความปรารถนาดีแล้ว งานนั้นย่อมประสบผลสำเร็จในไม่ช้า

วันที่ผมรู้จักสมเพ็ชร เป็นวันที่ผมรู้สึกตื่นเต้นและท้าทายอย่างประหลาดกับภารกิจใหม่ที่

ได้รับมอบหมายหลังจากเป็นผู้อำนวยการไม่ถึง 1 เดือน เพราะได้รับคำสั่งจากนายอำเภอให้ไปรับ

คนป่วยมารักษา

หมอช่วยไปดูคนไข้หน่อยนะ หมอเห็นหนังสือพิมพ์เขาลงข่าวไหม ที่ว่า พ่อ

สุดโหดขังกรงลูก ปล่อยเป็นชีเปลือย กินถ่ายในกรง ผู้ว่าฯ ท่านสั่งมาให้ทางอำเภอและทาง

โรงพยาบาลช่วยไปดูหน่อย เดี๋ยวจะโดนว่า ว่าทางการไม่ดูแลนายอำเภอกล่าวด้วยความกังวล

ผมรับคำโดยไม่ลังเล ด้วยความคิดว่า อยากเห็นเหมือนกันว่าชีเปลือยเป็นอย่างไร แล้วทำไมพ่อจึง

ต้องขังกรงลูกด้วย ทำไมจึงโหดผิดมนุษย์มนากันนัก

หลังจากกลับมาถึงโรงพยาบาลบ้านหลวง ผมบอกให้พยาบาลแจ้งคนขับรถแล้วนัดกับ

เจ้าหน้าที่ของอำเภอไปพร้อมๆกันจะได้ช่วยกันแก้ปัญหาในคราวเดียว ผ่านไปไม่เกิน ครึ่งชั่วโมง

รถขับผ่านถนนลาดยาง แล้วต่อด้วยทางลูกรังดินแดง จนปลายหมู่บ้าน ก็เลี้ยวเข้าไปจอดที่บ้านไม้

หลังเล็กๆดูแข็งแรงแต่ค่อนข้างเก่า ผมรีบโดดลงไปเพื่อเข้าไปทักทายเจ้าของบ้าน

แล้วผมก็ต้อง  ผงะกับกลิ่นเหม็นเน่าราวกับสุนัขตาย แล้วในแวบนั้นผมก็พบกับสมเพ็ชร เมื่อมองผ่านไม้ท่อน

เท่าแขน ผมพบกับใบหน้าที่ยิ้มแย้มราวกับไม่อนาทรร้อนใจต่อเรื่องใดๆ ทั้งเนื้อทั้งตัวสมเพ็ชร

ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าแม้แต่ชิ้นเดียว ผมยาวเกือบถึงพื้น หนวดเครายาวจนพอจะรู้ว่าคงนานไม่น้อยกว่า 6

เดือนแล้วมั้งที่ไม่ได้โกนหนวด พอพอกับกลิ่นเหม็นที่บอกถึงเวลานานแล้วที่ไม่ได้อาบน้ำ

กรงขนาด4 เมตรคูณ 4 เมตรที่อยู่ใต้ถุนบ้านนั้นแคบไปถนัด เมื่อเห็นถึงเศษอุจจาระและ

อาหารที่กระจัดกระจายอยู่ในกรง

ขังกันเหมือนลิงเหมือนค่างเลยนะปลัดอำเภอที่มาถึงพร้อมๆกันบ่น

ชายวัยชราคนหนึ่งซึ่งดูใบหน้าจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย เดินเข้ามาทักพร้อมยกมือไหว้

สวัสดีครับคุณหมอ คุณหมอจะทำอะไรก็ทำเถอะ ผมไม่ไหวแล้วไม่เอาแล้ว มันทั้งดื้อ ทั้งทำร้าย

คนในหมู่บ้านตั้งหลายคน ทุบหม้อแปลงไฟฟ้าจนไฟดับทั้งหมู่บ้าน ผู้ใหญ่ต๊ะมาบอกให้ผมต้อง

รับผิดชอบจ่ายเงินชดเชย ผมล่ะจนปัญญาจริงๆ จึงต้องขังมันไว้ ไม่งั้นเอาไม่อยู่จริงๆชายชราที่

ผมทราบในเวลาต่อมาว่าเป็นพ่อของสมเพ็ชร บ่นด้วยความทุกข์ใจ เพราะทราบจากอาสาสมัคร

ประจำหมู่บ้านแล้วว่าหมอจากโรงพยาบาลบ้านหลวงจะมารับลูกไปรักษา

กว่าจะพาสมเพ็ชรมาถึงโรงพยาบาลได้ต้องฉีดยานอนหลับไปหลายเข็ม เพราะว่าสมเพ็ชร

ทั้งดิ้นและทุบตีคนที่พยายามพาขึ้นรถ คงเป็นเพราะเขาไม่รู้ว่าจะพาไปไหน หรืออาจจะไม่รู้อะไร

เลยก็ได้ ก่อนออกมาจากบ้านสมเพ็ชร

 พ่อสมเพ็ชรบอกว่า ผมตามหมอไปดูแลสมเพ็ชรที่  โรงพยาบาลไม่ได้นะ เพราะผมต้องทำงาน ไม่งั้นไม่มีกิน แล้วอีก 2 วันผมจะไปเยี่ยมมันอีกที

ถ้าเป็นคนไข้คนอื่นผมคงจะต่อรองกับญาติผู้ป่วยว่าถ้าญาติไม่มา เราก็ไม่รับผู้ป่วยไว้ในโรงพยาบาล

แต่กรณีสมเพ็ชรนั้น ผมคิดว่ายากที่จะชักจูงพ่อให้ไปดูแลได้ เพราะดูจากท่าทีของพ่อแล้ว เหมือน

จะเบื่อหน่ายกับสมเพ็ชรที่เป็นโรคนี้มานานกว่า 5 ปี ซึ่งผมทราบในช่วงที่ซักประวัติว่า สมเพ็ชร

ป่วยมา 5 ปีแล้ว ไปรักษามาหลายแห่ง พออาการดี กลับมาก็ไม่ยอมกินยา จนมีอาการอีก

หมายเลขบันทึก: 256410เขียนเมื่อ 20 เมษายน 2009 15:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 06:20 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
  • น้อง สมเพ็ชร เขาจะรู้สึกทุกข์ไหมคะ  หรือว่าเขาไม่รู้เรื่อง ไม่รับรู้อะไรเลย  สงสารน้องเขา และโดยเฉพาะคุณหมอและพยาบาลที่ช่วยกันดูแลด้วยค่ะ  ในบาง case เห็นได้ว่าไม่มีเหตุผลใด ๆ มาอธิบายได้สำหรับเรื่องมนุษยธรรมและหน้าที่ที่มีต่อกันค่ะ
  • ขอบพระคุณสำหรับบันทึกที่สะท้อนแง่มุมหนึ่งของชีวิตที่เราหลายคนอาจไม่่มีโอกาสได้เห็น ได้สัมผัสค่ะ

 Sila Phu-Chaya
น้องศิลาคะ

เป็นเรื่องเล่าที่แม่ต้อยพยายามเอาต้นฉบับของคุณหมอมาเล่าต่อ ให้เห็นถึงความตั้งใจมากๆของหมอในการช่วยให้คนๆหนึ่งที่แม้แต่ญาติ หรือครอบครัวไม่ต้องการ  ให้กลับมีชีวิตใหม่ได้ พึ่งตนเองได้

คิดว่าทั้งน้องสมเพชรตอนแรกอาจจะไม่ทุกข์ เพราะไม่รู้  แต่คนที่อยู่นอกกรงคือคุณพ่อของน้อง อาจจะทุกข์มากกว่า

เป็นความพยายามของคนที่ไม่เก่งทางเทคโนโลยีเช่นแม่ต้อยจึงทำให้เรื่องเล่านี้ แบ่งเป็นตั้ง ๔ ตอนคะ

ขออภัยในความไม่สะดวกมาด้วยนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท