ก่อนเกิดปรากฏการณ์ ... (คมสัน วิเศษธร)


โคลนเกิดจากน้ำก็ใช้น้ำล้างโคลน ทุกข์เกิดจากใจก็ใช้ใจล้างทุกข์ ... ว.วชิรเมธี

บันทึก แค่ "คำนิยม" ของหนังสือ "ปรากฏการณ์ตาสว่าง" ของ คมสัน วิเศษธร ได้นำทางมาสู่หนังสือเล่มหนึ่ง ของนักเขียนคนหนึ่งที่ยังเป็นที่รู้จักกว้างขวาง หากแต่วิธีคิดและงานเขียนที่ออกมาในหนังสือ "ปรากฎการณ์ตาสว่าง" น่าจะเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่า เขามีอะไรดีสักอย่าง

บันทึกนี้ ขอนำเสนอจุดเริ่มต้นของ "ปรากฎการณ์ตาสว่าง" มาให้ลองสัมผัสวิธีคิดของเขาดู

 

ก่อนเกิดปรากฏการณ์ ... (คมสัน วิเศษธร)

 

ในชีวิตนี้หลายคนคงกำลังเฝ้าตามหาอะไรบางอย่างให้กับตัวเอง

ใจรู้เพียงว่าวันนี้ต้องการมีบางสิ่งที่ดีเกิดขึ้นกับชีวิต

โหยหาบางอย่างที่จะมาเติมเต็มตัวเราได้

อาจเป็น การงานอันมีเกียรติ ผลตอบแทนที่สูงลิ่ว รักที่ยั่งยืน ครอบครัวที่มั่นคง ฯลฯ

แม้ไม่เคยล่วงรู้ว่าเส้นทางชีวิตจะเป็นเช่นไร จะราบรื่นหรือสะดุดติดขัดช่วงไหน บางครั้งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้กำลังเดินอยู่บนทางขึ้นหรือทางลง

แต่ใจเราก็คิดและหวังจะครอบครองอะไรบางอย่างอยู่เสมอ

ทุกวันนี้สังคมเน้นความรวดเร็วเป็นสำคัญ ผู้คนส่วนใหญ่ชาชินกับความเร็วจนเป็นนิสัย ทำอะไรก็ต้องให้ได้อย่างว่องไว ยิ่งเร็วเพียงใดเราก็มีเวลาเหลือให้ทำสิ่งอื่นได้มากเท่านั้น

ผมก็เช่นเดียวกัน ตื่นเช้าขึ้นมาใจก็เริ่มคิดฟุ้ง อยาได้นั่นได้นี่ไปเสียหมด พออยากให้ทุกสิ่งเป็นได้ดั่งใจโดยเร็ว ผมก็ทำสิ่งเหล่านี้อย่างฉาบฉวย ไม่เคยศึกษาสิ่งที่ต้องการให้ลึกซึ้งเลยสักครั้ง

อยากได้งานดีก็รีบสมัครไปหลายที่ พยายามเติมแต่งหาประสบการณ์ให้กับตน แต่กลับไม่เคยใคร่ครวญถามตัวเองเลยว่า ระหว่างงานที่เหมาะสมกับการได้งานทำเร็ว ... อย่างไหนดีกว่ากัน

ผมไม่เคยคิดว่างานการก็คล้ายกับอาภรณ์ประดับกาย หากเลือกไม่เหมาะ เข้าคู่กันไม่ได้ อย่างไรก็คงต้องถอดออกวันยังค่ำ อย่าว่าแต่ตอนที่มีงานทำอยู่เลย แม้ขณะที่ตกงานผมก็ยังหลงคิดว่า ชีวิตนี้จะง่ายและรวดเร็ว ตัวเราเองก็คงว่างงานไม่นานนัก

ท้ายที่สุดความจริงกลับตรงกันข้าม การที่ผมทุ่มเททำทุกสิ่งอย่างรีบร้อน เรียกว่า จับฉ่ายไปเสียหมด กลับไม่ช่วยเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตเลยสักนิด ยิ่งผมคาดหวัง ทำอะไรให้รวดเร็ว ผมก็ยิ่งไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังขาดความรักในสิ่งที่ทำ ไม่เคยเฉลียวใจว่าทุกอย่างล้วนมีขั้นตอน มีเหตุปัจจัยด้วยกันทั้งนั้น...นี่คือความเข้าใจผิดของผม

ผมหน้ามืดตามัวอยู่อย่างนั้นหลายเดือน แน่นอนว่าทั้งร่างกายและจิตใจต่างพากันทรุดโทรมไปกันใหญ่ จึงเริ่มกลับมาคิดว่าจากประสบการณ์ทำ

งานประจำหลายปีที่ผ่านมา

ผมพร้อมหรือยังที่จะกลับไปทำงานร่วมกับผู้อื่น

บาดแผลในใจจากเพื่อนร่วมงานที่เคยมี ตอนนี้มันหายดีแล้วหรือยัง

ก่อนจะรีบกรอกใบสมัครแล้วกดส่งทางอินเทอร์เน็ต ผมรู้ตัวไหมว่าต้องเตรียมร่างกายและจิตใจให้พร้อมรับกับสภาพของการงานอย่างไร

รู้วิธีจัดการกับอารมณ์ความรู้สึกของตนดีพอไหม

มีความรักให้กับงานที่สมัครไปหรือเปล่า

...ผมตอบคำถามเหล่านี้กับตัวเองได้หรือไม่

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่สะกิดให้ผมต้องหันย้อนกลับมามองข้างในของตัวเองอย่างจริงจัง แล้วหลังจากนั้นอีกคำถามหนึ่งก็ตามมา...

ผมเคยอ่านศึกษาตำราหลายเล่มกล่าวไว้ว่า "ความสุขล้วนอยู่ที่ใจ"

เหตุใดผมจึงยังไม่พบ

ตั้งแต่นั้นมา ผมเริ่มหยิบจับหนังสือธรรมะที่เคยได้รับมา เริ่มเข้าหาสถานที่อันสงบและร่มเย็น เพื่อตามดูความเคลื่อนไหวของจิตใจ ผมค่อย ๆ ซึมซับความเรียบง่ายและความสงบในธรรมชาติควบคู่ไปกับการได้เริ่มเห็นนิสัยและธรรมชาติของตัวเอง

นี่คือวิธีที่ค่อย ๆ เปลี่ยนคนที่มีคุณสมบัติ ว่องไว ให้กลับมารื่นรมย์กับการก้าวเดินอย่าง เชื่องช้า ได้

การมุ่งไขว่คว้าหาบางสิ่งไปเรื่อย ๆ ดูช่างแสนไร้ค่า ไม่มีความหมายใดที่จะคงอยู่กับเราได้นานเลย ไม่ว่าจะเป็นเงินตรา วัตถุ ความมั่นคง กระแสสังคม หรือชื่อเสียง ล้วนแล้วแต่ทำให้การก้าวย่างของเราหยุดชะงักได้ทั้งนั้น

ชีวิตไม่ใช่สิ่งทดลอง เราไม่จำเป็นต้องตะเกียกตะกายกันตลอดเวลา แต่ทุกครั้งที่ก้าวเดินควรเป็นก้าวย่างด้วยความเชื่อมั่นออกมาจากใจ

ถึงมันจะช้าบ้าง...ก็ไม่เป็นไร

ทุกคนต้องเคยผิดพลาดกันมาก่อน

เราอาจโดนคำนิยมต่าง ๆ ครอบงำจนตามไม่ทันความรู้สึกนึกคิด

เราหมุนตาม "อะไรบางอย่าง" จนแทบจะขาดมันไม่ได้

เราเห็นแต่โลกภายนอก แต่เราไม่เคยนึกถึงสภาพความเป็นจริงของโลกภายใน

ไม่เคยได้สำรวจถึงความอ่อนไหวของจิตใจกันบ้าง

ชีวิตทั้งชีวิตคือตำราเล่มใหญ่ หากเราจัดระเบียบประสบการณ์ให้ถูกต้อง จัดหมวดหมู่สิ่งที่มีประโยชน์ แล้วลบล้างสิ่งที่เป็นเหมือนขยะออกไป ชีวิตก็จะเคลื่อนต่อไปได้อย่างมีความสุขและลงตัว

หากชีวิตกำลังมืดมน ผมเชื่อว่า หนทางสว่างยังเปิดกว้างรอเราเสมอ ยิ่งเป็นช่วงชีวิตที่ทุกสิ่งกำลังผันแปร เรายิ่งต้องอย่ายอมแพ้กับชีวิต เพราะนี่คือ

โอกาสอันดีที่จะเปิดประสบการณ์ให้เราได้หยุดวิ่ง แล้วนิ่งมองความจริงข้างใน

และเมื่อนั้นเราก็จะ ... "ตาสว่าง"

 

......................................................................................................................................

ผมชอบวิธีคิดและมุมมองของเขา

ใช้ภาษาเรียบง่าย แต่เข้าใจลึก

ผมเชื่อว่า หากกัลยาณมิตรท่านใด เข้ามาอ่านแล้ว

อาจจะค้นพบอะไรบางอย่างก็ได้

 

โคลนเกิดจากน้ำก็ใช้น้ำล้างโคลน ทุกข์เกิดจากใจก็ใช้ใจล้างทุกข์ ... ว.วชิรเมธี

 

บุญรักษา ทุกท่าน :)

 

.......................................................................................................................................

แหล่งอ้างอิง

คมสัน  วิเศษธร.  ปรากฏการณ์ตาสว่าง.  กรุงเทพฯ: อมรินทร์ธรรมะ, ๒๕๕๒.

 

หมายเลขบันทึก: 255616เขียนเมื่อ 15 เมษายน 2009 14:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:36 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

สวัสดีค่ะ

  • ขอขอบคุณกับการแนะนำหนังสือดี
  • และข้อคิดจากบันทึกค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท