61. ถอดบทเรียนเรื่องความสมานฉันท์จากอินเดียเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว


สวามี วิเวกานันท์บุคคลต้นแบบสมัยอังกฤษปกครองอินเดีย

สวามีวิเวกานันท์ : บุคคลต้นแบบเพื่อสันติภาพและความสมานฉันท์ของโลก

 

 

 

          ในโอกาส 40 ปีวันพระราชทานนาม 121 ปี มหาวิทยาลัยมหิดล สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเพื่อ

พัฒนาชนบทร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตอินเดีย ประจำประเทศไทย จัดสัมมนาวิชาการประจำปี แนวคิดและ

ภูมิปัญญาของอินเดีย ครั้งที่ 2 เรื่อง สวามีวิเวกานันท์ : บุคคลต้นแบบเพื่อสันติภาพและความสมานฉันท์

ของโลกปาถกถาโดย Swami Shantatmanandaji, Head, Ramakrishna Mission, New Delhi และ

 ภิกษุณีธัมมนันทา

        เดิมท่านวิเวกานันท์ชื่อนเรนทรนาถ ทัตตะ เกิดในปีค.ศ. 1863 ที่เมืองกัลกัตตา ท่านผ่านการสอบเข้า

มหาวิทยาลัยจาก Metropolitan Institute และ F.A. และปริญญาตรี (B.A.) ด้วยลำดับและผลการเรียนที่ดีที่

สุด       ท่านเป็นลูกศิษย์ของรามกฤษณะ และเปลี่ยนชื่อเป็น สวามี วิเวกานันท์ ท่านจาริกไปยังเมืองต่างๆ ทั่ว

อินเดีย บางครั้งเดินเท้า ท่านตกใจเมื่อเห็นสภาพของชาวชนบทของอินเดียที่ถูกละเลยเพิกเฉย งมงาย มีกินบ้างไม่

มีกินบ้าง และเป็นเหยื่อของชนชั้นปกครอง สิ่งนี้ทำให้ท่านตกใจ ความไร้เมตตาของชนชั้นที่มีการศึกษาสูงกว่านั้น

ยิ่งทำให้ท่านตกใจมากกว่า ในช่วงเวลาที่ท่านได้เดินทางท่านเรียกร้องให้เจ้าชายทั้งหลายทำอะไรบางอย่างเพื่อ

มวลชนบ้าง มีผู้ปกครองของไมซอร์ (Mysore) เป็นบุคคลแรก ที่ได้สร้างการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยให้เรียนฟรีใน

โรงเรียนภายในรัฐ อย่างไรก็ตามในมุมมองของสวามี ท่านเห็นว่าสิ่งนี้ยังไม่เพียงพอ เนื่องจากเกษตรกรไม่สามารถ

จะหารายได้ส่งบุตรไปโรงเรียน ท่านจึงต้องการให้มีความช่วยเหลือในเรื่องนี้ ท่านต้องการที่จะให้การศึกษาไปถึงยัง

ประตูบ้านของเกษตรกร เพื่อที่บรรดาบุตรของเหล่าเกษตรกรจะสามารถทำงานและเรียนได้ในขณะเดียวกัน นี่คือการ

ศึกษาแบบไม่เป็นทางการชนิดหนึ่ง

      โดยทั่วไป ชาวอินเดียที่เดินรอยตามชาวตะวันตก และตระหนักสิ่งต่างๆ ตามแบบตะวันตกสิ่งนี้นับได้ว่าเป็น

ทาสทางจิตใจ แต่นั่นเป็นสิ่งที่แสดงถึงทัศนคติของผู้มีการศึกษาของชาวอินเดียทั้งหมด สิ่งนี้ทำให้สวามีรู้สึกเจ็บ

ปวดที่ได้เห็นชาวอินเดียเดินวางท่าภายใต้เสื้อผ้าของชาวตะวันตก เลียนแบบชาวตะวันตกในรูปแบบและวิธีการต่างๆ

ราวกับว่าพวกเขาเป็นชาวตะวันตกจริงๆ ต่อมาท่านได้เรียกร้องต่อคนทั้งชาติว่า จงรู้สึกภูมิใจว่าคุณเป็นชาวอินเดีย

 แม้ว่าคุณนุ่งผ้าขาวม้า ท่านไม่ต่อต้านการเรียนรู้จากตะวันตก ท่านทราบดีว่าชาวตะวันตกมีคุณสมบัติอันยิ่งใหญ่

หลายประการและคุณสมบัติเหล่านั้น พวกเขาได้กลายมาเป็นคนร่ำรวยและทรงอำนาจ ท่านต้องการให้ชาวอินเดีย

เรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจากตะวันตกและพลังของมันในการจัดการและการปฏิบัติ ในขณะเดียวกัน ควร

เก็บรักษาจริยธรรมอันสูงส่งและแนวความคิดเรื่องเกี่ยวกับจิตวิญญาณไว้ แต่ความเห็นแก่ตัวของผู้ที่ได้รับการศึกษา

ได้ทำให้ท่านเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น พวกเขามีความสุขที่สนใจแต่ตัวเอง แต่ประณามคนอื่น ท่านชักจูงพวกเขาให้เห็น

สภาพความทุกข์ยากของผู้ที่ไม่ได้รับการศึกษา ที่มักอยู่ใกล้ปากเหวของความอดอยาก ความเชื่อในเรื่องโชคลาง

 ไสยศาสตร์ และเป็นเหยื่อของการถูกกดขี่โดยวรรณะที่สูงกว่า และเจ้าของที่ดินที่ร่ำรวยกว่า

      ท่านมีโอกาสเดินทางเป็นตัวแทนของศาสนาฮินดูไปร่วมงานที่สภาศาสนาโลก ชิคาโก สวามีได้สร้างความ

ประทับใจเป็นอย่างยิ่งซึ่งเป็นครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา และที่อังกฤษเช่นกัน สื่อได้สรรเสริญท่านอย่างสูงสุดในฐานะ

เป็นผู้บรรยายเกี่ยวกับระบบคุณค่าเดิมของอินเดียอันเก่าแก่ ชั่วข้ามคืนท่านได้กลายเป็นวีรบุรุษแห่งชาติผู้ยิ่งใหญ่

ของอินเดีย แนวคิดเกี่ยวกับอินเดียเริ่มแสดงให้ชาวตะวันตกตระหนักว่าอินเดียนั้นมีคุณค่าบางอย่างที่กลุ่มปัญญาชน

ในตะวันตกรู้สึกว่าชื่นชม พวกเขาเริ่มสงสัยว่า บางทีชาวอินเดียอาจไม่ได้ล้าหลังเหมือนที่ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยคิด

และในส่วนที่เกี่ยวกับเรื่องศาสนาและปรัชญา ศิลปะ และวรรณกรรม บางทีอาจมีความก้าวหน้ามากกว่าชาวตะวันตก

ด้วยซ้ำ พวกเขาต่างรู้สึกเสียใจในตัวเอง นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ตื่นตัวกับความมั่งคั่งของมรดก นี่คือจุดเริ่มต้น

ของยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการใหม่ของอินเดีย ความสำเร็จที่ได้สะสมมาเป็นระยะเวลายาวนานของผู้นำท่านต่าง ๆ เริ่ม

ต้นจาก Tilak ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจจากสวามี วิเวกานันท์ พวกเขาได้ค้นพบจุดแข็งและจุดอ่อนของอินเดียผ่าน

ท่านสวามี

 ตัวอย่างวาทะของท่านวิเวกานันท์ที่กล่าวที่สภาศาสนาโลก ชิคาโก

 เพียงแค่คำห้าคำคือ “เหล่าพี่น้องหญิงชายของอเมริกา” และผู้ฟังทั้งหมดราว 7,000 คน ได้ลุกขึ้นยืน

 และปรบมือยาวร่วมสามนาที นี่ไม่ใช่สิ่งที่น่ากังขาหรอกหรือ? ท่านวิเวกานันท์ไม่เคยกล่าวในสถานที่

สาธารณะ ท่านไม่ได้เตรียมกล่าวสุนทรพจน์ล่วงหน้า ท่านอายุเพียงแค่ 30 ปี และเป็นที่จับตามองใน

ความตั้งใจ และการนับถือจากต่างชาติ ท่านสามารถดึงดูดใจเหล่าผู้ฟังที่เป็นปัญญาชน ร่ำรวย มีความ

ฉลาด พระแม่สุรัสวดี เทพีแห่งการเรียนรู้ในสิ่งทั้งปวง เป็นพลังทางจิตวิญญาณในทุกๆ คำที่ท่านได้กล่าว

ออกมา และไม่ต้องสงสัยว่า พลังจากคำพูดเหล่านั้นเข้าถึงจิตใจของผู้ฟังทุกคน ไม่เพียงผู้ฟังที่อยู่ใน

หอประชุม แต่ยังมีเหล่าผู้ฟังที่อยู่นอกอาคาร นอกจากนี้ยังรวมถึงบุคคลต่างๆ ในสื่อและหนังสือพิมพ์

บรรดาศาสตราจารย์ และนักวิชาการต่างๆ รวมทั้งจุดประกายให้ทั้งคนธรรมดาและคนพิเศษ หัวใจ

ของอเมริกาได้รับศรัทธาอันแรงกล้าจากสวามี

      อะไรคือสิ่งพิเศษของสุนทรพจน์และคำกล่าวของสวามี วิเวกานันท์? สวามีเป็นบุคคลแรกทาง

ด้านจิตวิญญาณ ผู้ซึ่งตระหนักถึงความจริงอันสูงสุดจากบาทอันศักดิ์สิทธิ์ของท่านอาจารย์ สิ่งนี้

เป็นด้านที่โดดเด่นที่สุดของบุคลิกลักษณะอันหลากหลายของท่าน คำกล่าวของท่านคือความ

กระจ่างชัดของ “พระเจ้าที่มีอยู่ภายใน ทุกคำพูดจับจิตใจ และสามารถเข้าถึงผู้ฟัง ถ้อยคำ

ต่างๆ ซึ่งเต็มไปด้วยความหมายที่เกี่ยวกับความจริง ความจริงชั่วนิรันดร์ คำพูดต่างๆ เหล่านั้นไม่

มีข้อจำกัดของเวลาและสถานที่ ถ้อยคำเหล่านั้นเป็นตัวแทนของความจริงแห่งอดีต ปัจจุบัน และ

อนาคต มันคือข้อความที่มีอยู่ตลอดกาลของคัมภีร์พระเวท ที่ยังมีชีวิตและไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้

 ถ้อยคำเหล่านั้นได้ปฏิเสธความจริง ความเป็นจริงที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

 ถ้อยคำของท่าน

 ทุกๆชาติที่บรรลุเป้าหมายในความยิ่งใหญ่ได้จากการให้เกียรติสตรีอย่างเหมาะสม ประเทศชาติใดก็

ตามที่ไม่เคารพสตรี จะไม่มีวันยิ่งใหญ่ และไม่มีแม้แต่ในอนาคต เราต้องการนำมนุษยชาติไปยังที่ไร้

คัมภีร์พระเวท ไร้พระคัมภีร์ไบเบิล และไม่มีแม้แต่คัมภีร์อัลกุรอาน ทว่า ณ ที่นั้นต้องเป็นที่ซึ่งเกิดจากการ

ผสานคัมภีร์ทั้งหลายนี้เข้าด้วยกัน มนุษยชาติควรจะได้เรียนรู้ว่าศาสนาต่างๆ มิใช่อื่นใดเลยนอกจากการ

แสดงออกที่แตกต่างกัน แต่มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อที่ว่าแต่ละคนจะได้เลือกวิถีทางที่เหมาะสม

ที่สุดแก่ตน

 

 

ในภาคบ่ายเป็นการสานเสวานา เรื่อง อินเดีย เป็นไทย-อินเดียได้อย่างไร โดยผู้แทนศาสนาสิกข์ ฮินดู และ

มุสลิม 6 ท่าน สรุปได้ว่าชาวไทยเชื้อสายอินเดียได้เข้ามาอยู่ในประเทศไทยนับร้อยปี แม้หน้าตาจะแตกต่าง แต่เขา

ก็มีจิตสำนึกรักประเทศไทยไม่แพ้คนไทย เขาได้มีส่วนในการสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับสังคมไทย และช่วย

เหลือสังคมในรูปแบบต่างๆ เท่าที่จะทำได้ ขอเพียงแต่ให้คนไทยเข้าใจ และปรับทัศนคติที่มีต่อชาวไทยเชื้อสาย

อินเดียในด้านบวกบ้างก็จะทำให้สังคมพหุวัฒนธรรมของไทยที่รวมกันเป็นหนึ่งเดียวมีพลัง มีความเข้าใจที่ดีต่อกัน

 อันจะนำไปสู่การสร้างความมั่นคงให้กับประทศชาติสืบไป

 

 

-----------------------------------

ท่านที่สนใจจะเรียนรู้เกี่ยวกับอินเดียในมิติต่างๆ โปรดเตรียมตัวสมัครในเดือนตุลาคม 2552

ในหลักสูตรปริญญาโท วัฒนธรรมและการพัฒนา เอกอินเดียศึกษา สถาบันวิจัยภาษาและวัฒธรรม-

เพื่อพัฒนาชนบท มหาวิทยาลัยมหิดล

นอกจากนี้ ในสัปดาห์ที่สองของเดือนมิถุนายน 2552 เป็นต้นไป ท่านที่สนใจจะอบรมหลักสูตร

ภาษาฮินดี และวัฒนธรรมอินเดียเบื้องต้น กรุณาสมัครที่คุณวาสนา ส้วยเกร็ด

 

โทร. 02-800-2308-14 ต่อ 3209

 

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 255097เขียนเมื่อ 11 เมษายน 2009 18:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 06:12 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

สวัสดีครับ

ขอบคุณสำหรับเนื้อหาและข้อมูลดีๆครับ

ภาษาฮินดีเป็นภาษาที่มีเสน่ห์มาก แต่คนไทย สนใจน้อยครับ ช่วยกันส่งเสริมหน่อยครับ

เรียน คุณฤทธิชัย

     ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ อะไรที่เกี่ยวกับอินเดียนี่คนไทยไม่ค่อยสนใจเท่าไร เราจึงไม่ค่อยรู้จักประเทศเพื่อนบ้านดีพอ ทั้งๆ ที่อินเดียคืออู่อารยธรรมของโลก และมีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมไทย

    เรามีหน้าที่ต้ิองช่วยกันให้ข้อมูล ให้ความรู้ สร้างองค์ความรู้ เผยแพร่ให้คนไทยรู้จักเพื่อนบ้านให้มากขึ้นค่ะ

สวัสดีครับ

เป็นที่น่าเสียดายเช่นที่อจ.โสภนากล่าวครับคือคนไทยไม่ค่อยสนใจอินเดีย ทั้งที่อินเดียมีอะไรดีๆ มากมาย

ผมเห็นว่าอจ.ก็พยายามส่งเสริมมากแล้วทั้งเผยแพร่ข้อมุลและให้ทุนการศึกษาไปเรียนต่อ

ไม่ทราบผลเป็นอย่างไรนะครับ

ผมคิดเสมอว่า อินเดียนั้นเป็นอนาคตของประเทศไทยได้สบายมาก

เรียน ท่านพลเดช ที่เคารพ

       ดิฉันคงต้องทำในสิ่งที่สวนกระแสต่อรสนิยมคนไทยต่อไปค่ะ ก้าวแรกมักยากเสมอในการเริ่มงานใดๆ ก็ตาม แต่ต้องพยายามต่อไปถ้าเห็นว่าเป็นสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ต่อคนไทย สังคมไทย และประเทศชาตินะคะ

     ดิฉันพอจะได้แนวร่วมโดยมีนักศึกษาไทยในปีที่สองนี้เพิ่มขึ้น คนที่มาสมัครและสอบผ่านข้อเขียน และจากการสัมภาษณ์ก็เห็นว่าเป็นคนที่มีความรู้สึกดีกับประเทศอินเดีย อยากเรียนรู้ และรู้จักให้มากขึ้น บางคนมาสมัครเป็นครั้งที่สองเพราะปีที่แล้วสอบได้แต่ไม่สะดวกที่จะมาเรียนค่ะ หลายคนมาเรียนเป็นปริญญาโทใบที่สอง เพื่อประกอบให้ใบแรกสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ดิฉันก็หวังว่าน้องๆ เหล่านี้จะเป็นกำลังสำคัญในการแสวงหา สร้างองค์ความรู้ และเผยแพร่ให้สังคมไทยได้รับทราบต่อไป เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจอินเดียในด้านบวกมากขึ้นค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท