สวัสดีค่ะ
* แวะชวนไปดูหนังสี่จอค่ะ
* สุขกายสุขใจนะคะ
“ก็เอาพริกขี้หนูแห้งตำ ๆ ใส่เกลือลงไปตำ แล้วก็ใส่ผงชูรส บ้านหนูทำอย่างนี้ แล้วบ้านครูล่ะคะ ทำเหมือนบ้านหนูหรือเปล่า...”
********************************
“ครูขา...อยากกินตำส้ม”
เด็กหญิงคนหนึ่งส่งเสียงบอกในท้ายชั่วโมงสอนของฉัน สิ้นเสียงก็มีเสียงเซ็งแซ่สนับสนุนกันยกใหญ่
“พูดเบา ๆ” ฉันเตือนให้เด็ก ๆ เงียบเสียงลงหน่อย ทุกคนทำตามแต่ก็ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปมา
“เอ้า..ไหนใครอยากทานส้มตำยกมือขึ้น” สิ้นเสียงที่ถาม เด็กในห้องยกมือพรึบขึ้นทุกคน
“ตกลง พรุ่งนี้เราจะตำส้มตำทานกันในมื้อกลางวัน” ยังพูดไม่จบประโยคดี เสียงเด็ก ๆ เฮรับกันเสียงดังสนั่นห้องทีเดียว
ในสมัยนั้น โรงเรียนของฉันเป็นโรงเรียนที่ทางราชการ ประกาศให้เป็นโรงเรียนกันดาร ครูจะได้รับเบี้ยกันดารเพิ่มจากเงินเดือนอีกคนละสองร้อยบาท ซึ่งพวกเราคิดว่ามันมากโขทีเดียว คำว่าโรงเรียนกันดาร จึงเป็นเครื่องหมายการันตีได้ว่า โรงเรียนของฉันลำบากมาก ทั้งในเรื่องของความเป็นอยู่ การคมนาคม อาหารการกิน ระยะหลังค่อยยังชั่วขึ้น เมื่อมีพ่อค้าแม่ค้ามาเปิดตลาดนัดที่วัดใกล้ ๆ โรงเรียนทุกวันเสาร์ เราจึงมีโอกาสได้ซื้อหาอาหารสด ๆ มาปรุงบ้าง แต่เป็นการซื้อคราวละมาก ๆ และถ้าเป็นอาหารสดต้องปรุงเลย เพราะเราไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่มีตู้เย็นสำหรับแช่อาหารเหล่านั้น ดังนั้นอาหารของฉันจึงหนีไม่พ้น ต้มพะโล้ แกงส้มหม้อโต ๆ ซึ่งสามารถอุ่นเก็บไว้ได้หลายวัน
การกินการอยู่ของครูยังฝืดเคืองปานนี้ เด็ก ๆ หรือชาวบ้าน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่มีรายได้น้อย ยังชีพด้วยการรับจ้างทั่วไป จึงยิ่งแล้วใหญ่ ถ้าได้มีโอกาสเปิดดูกล่องหรือปิ่นโตอาหารกลางวันของเด็กกลุ่มนี้ บางครั้งและบ่อยครั้งจะเห็นหนูย่างตัวเขื่องนอนกางแขนกางขาเต็มภาชนะ ส่งกลิ่นหอมฟุ้ง หรือบางทีจะเห็นต้มยำน้ำข้นที่มีตัวอึ่งอ่างนอนพองอืดเต็มปิ่นโตทีเดียว
มีอยู่ครั้งหนึ่งเด็ก ๆ เก็บมันแกวในไร่มากินกันโดยทำพริกเกลือมาด้วย เมื่อได้เวลาพักรับประทานอาหารกลางวัน หลังกินข้าวแล้ว เด็ก ๆ ได้ตั้งวงกินมันแกวจิ้มพริกเกลือกันเป็นที่สนุกสนาน เมื่อฉันเดินผ่านไป พวกเขาได้ร้องเชิญชวนให้ฉันร่วมวงด้วย ฉันไม่ขัดศรัทธา คว้าชิ้นมันแกวชิ้นเล็ก ๆ ชิ้นหนึ่งจิ้มพริกเกลือส่งเข้าปาก แต่แล้วต้องรีบเลี่ยงออกนอกวงไปคายทิ้ง ก่อนจะกลับเข้าไปถามเด็ก ๆ ว่าพริกเกลือของพวกเขาทำไมรสชาติจึงเป็นอย่างนี้
“ทำไมล่ะคะครูขา....อร่อยจะตาย” เด็ก ๆ ต่อว่า
“ไหนบอกครูซิว่า พริกเกลือของเธอน่ะทำอย่างไร” ฉันถาม
“ก็เอาพริกขี้หนูแห้งตำ ๆ ใส่เกลือลงไปตำ แล้วก็ใส่ผงชูรส บ้านหนูทำอย่างนี้ แล้วบ้านครูล่ะคะ ทำเหมือนบ้านหนูหรือเปล่า...”
วันนั้นฉันพาเด็ก ๆ เข้าไปในโรงอาหาร บอกพวกเขาว่าฉันจะแสดงการทำพริกเกลือที่สุดแสนจะอร่อย ตามกรรมวิธีทางบ้านฉันให้พวกเขารับประทาน พวกเราช่วยกันค้นหาวัตถุดิบในการทำพริกเกลือ โดยมีเด็กผู้ชายสองสามคนอาสาไปหาพุทราลูกเล็ก ๆ ข้างทางมาเป็นอุปกรณ์เสริมในการกินพริกเกลือฝีมือฉัน ฉันทำไปและสอนเขาไปด้วย
“พริกเกลือทางบ้านครูนะ ต้องทำอย่างนี้ใช้น้ำตาลทรายหรือน้ำตาลปีบก็ได้ใส่เกลือและพริกป่นนิดหน่อยพอให้มีรสเค็มและเผ็ด ให้มีรสหวานของน้ำตาลมากกว่า เดี๋ยวพวกเธอได้กินแล้วจะติดใจ ลืมพริกเกลือบ้านเธอไปได้เลย”
เด็ก ๆ หัวเราะคิกคักเตรียมชิมฝีมือฉันเต็มที่ พอดีเด็กที่ไปเก็บพุทรากลับมา พวกเขาช่วยกันล้างและนำมานั่งล้อมวงกัน ตั้งท่าอร่อยกันน่าดู หลายมือแย่งลูกพุทราจิ้มพริกเกลือ ส่งเข้าปาก ฉันยืนมองด้วยความภูมิใจ เดี๋ยวเถอะเด็ก ๆ จะต้องชมฝีมือการทำพริกเกลือของฉันแน่ ฉันสังเกตเห็นเด็กหลายคนทำหน้าแหย ๆ ก่อนจะมีคนกล้าพูดขึ้นว่า
“โห...พริกเกลืออะไรของครูคะ....ไม่เห็นอร่อยเลย หวานเป็นน้ำตาลเชียว...”
คงเป็นมารยาทที่ครูพร่ำสอน เด็ก ๆ ที่หยิบพุทราเข้าปากพยายามกินจนหมดลูก ไม่มีใครหยิบลูกที่สองเลย ส่วนคนที่ยังไม่ได้หยิบลูกที่หนึ่งลองชิม เห็นเพื่อนออกอาการเช่นนั้น พวกเขาก็พากันสละสิทธิ์ แล้วเด็ก ๆ ก็ค่อย ๆ เลี่ยงหลบไปทีละคนสองคนจนหมด ทิ้งถ้วยพริกเกลือเจ้าปัญหากับพุทราถุงใหญ่ให้ฉันไว้ดูต่างหน้า
เมื่อได้ตกลงกันว่าพรุ่งนี้เราจะตำส้มตำกินกันในมื้อกลางวัน จึงได้มีการแบ่งงานกันออกไป เด็กหลายคนรับอาสาจะนำมะละกอมาจากบ้าน เราคงต้องใช้วัตถุดิบมากพอสมควร เพราะเราต้องกินกันทั้งห้อง ซึ่งในตอนนั้นเด็กนักเรียนห้องที่ฉันเป็นครูประจำชั้นอยู่มีประมาณยี่สิบคน ฉันแบ่งให้เด็กที่บ้านปลูกพริกนำพริกมา บ้านไหนมีปลาร้า มะขาม น้ำตาล มะนาว ก็ให้เอามาด้วย กะปริมาณให้พอกินทั่วกันทุกคน ไม่มีใครเอ่ยถึงส้มตำไทยที่ต้องใช้ถั่วลิสงป่น กุ้งแห้ง หรือส้มตำปูที่ต้องมีปูเค็มเป็นตัวชูรส เพราะของพวกนี้เป็นของไม่จำเป็นที่บ้านจะต้องมีเก็บไว้ จึงเป็นของหายาก และรสชาติไม่ถูกปากพวกเขาสักเท่าไหร่
วันรุ่งขึ้นเมื่อเด็ก ๆ มาโรงเรียน พวกเขาได้นำของที่ตระเตรียมไปไว้ที่บ้านพักของฉัน ฉันมองดูปริมาณแล้ว คงจะพอกันกิน พวกเราวางแผนว่าในชั่วโมงที่สามภาคเช้า ก่อนพักรับประทานอาหารซึ่งเป็นชั่วโมงงานบ้าน เราจะมาช่วยกันตำส้มตำ ซึ่งเมื่อทำเสร็จก็จะได้เวลารับประทานอาหารกลางวันพอดี
สิ้นเสียงระฆังบอกหมดเวลาชั่วโมงที่สอง เด็ก ๆ กุลีกุจอเก็บอุปกรณ์การเรียนเข้าที่เข้าทางอย่างเรียบร้อย หิ้วภาชนะใส่ข้าวกลางวันพากันเดินไปที่บ้านพักของฉัน เมื่อไปถึงฉันสั่งให้เด็กผู้หญิงโต ๆ สามสี่คนช่วยกันปอกและสับมะละกอ เด็กผู้ชายลงไปตักน้ำในคลองมาเตรียมไว้สำหรับใช้ ส่วนคนอื่น ๆ ที่เหลือก็เด็ดขั้วพริก ปอกกระเทียม หรือไปเก็บกระถินข้างรั้ว ยอดมะยมหลังบ้าน เตรียมไว้สำหรับกินกับส้มตำของเรา
เมื่อเตรียมอุปกรณ์พร้อมแล้ว ฉันต้องเป็นคนแสดงฝีมือในการปรุง ฉันสั่งให้นักเรียนนำกะละมังใบโตที่ฉันเอาไว้ใช้ล้างผัก ไปล้างให้สะอาด ส่วนฉันเอาพริกกับกระเทียม กะพอประมาณกับส้มตำหนึ่งกะละมังใหญ่ ใส่ครกตำหยาบ ๆ แล้วเทใส่กะละมังดังกล่าว ให้นักเรียนช่วยกันตำมะละกอใส่ตามลงไป มะละกอจำนวนมาก จึงต้องตำหลายครก และต้องเปลี่ยนมือกันตำ เด็กบ้างครูบ้าง เมื่อปริมาณได้ที่แล้ว ก็เอามะขามเปียกคั้นกับน้ำปลา ปลาร้า มะนาว ใส่ลงไป สองมือของครูที่สวมถุงพลาสติกเรียบร้อย ลงไปคลุกเคล้าให้ส่วนผสมเข้ากัน ที่สวมถุงพลาสติก ก็ไม่ได้คิดเรื่องสุขอนามัยสักเท่าไหร่ แต่กลัวความเผ็ดร้อนของพริก และกลิ่นของปลาร้า ที่จะติดมือติดแขนมากกว่า คลุกไปคลุกมา เมื่อยแขนทีก็หยุดที เด็ก ๆ ก็แย่งกันหยิบชิ้นมะละกอชิม
“ใส่ปลาร้าอีกค่ะครูขา....ยังไม่นัวเลย”
เด็ก ๆ วิจารณ์ อ่อนเปรี้ยวอ่อนเค็ม เราก็ช่วยกันเติม ช่วยกันปรุง ช่วยกันชิม หลายคนเข้ามาช่วยไม่ถึงก็ได้แต่นั่งคุย นั่งยิ้มเอาใจช่วยเป็นเพื่อน รอเวลาว่าจะกินได้เมื่อไหร่
“เฮ้อ...เสร็จเสียที..เอ้า......พวกผู้ชายมายกไปตั้งไว้กลางบ้าน เตรียมผักมาด้วย เอาข้าวออกมากินกันได้แล้วจ๊ะ”
เด็ก ๆ เฮ กันเข้าไปที่กะละมังส้มตำ ตักคนละหมุบคนละหมับ เด็ก ๆ กินกันไปคุยกันไป ฉันเองก็กินกับพวกเขาด้วย พวกเรามีความสุขและภาคภูมิใจกับฝีมือของพวกเราอย่างเหลือเกิน
***********************************
และนี่ก็เป็นความสุขใจอีกครั้งของคนมีความหลัง ที่อยากจะเล่า มีความสุขทุกคืนวันนะคะ...
จาก...ครูวรางค์ภรณ์ค่ะ
ป๊าดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ส้มตำอยู่นี่เอง อิอ
หิวเลยค่ะ เดี่ยวมาใหม่นะคะ
แวะมาอ่านได้ข้อคิดค่ะ ขอบคุณค่ะ
ขอส้มตำปูจานหนึ่งค่ะ เปรี้ยว หวาน เค็ม ไม่เผ็ดนะคะ
ประทับใจตรงที่ คุณครูกินกับพวกเขาด้วยครับ
ที่ผ่านมา คุณครูมักปฏิเสธที่จะกินกับเด็ก
สวัสดีค่ะ
แทนคำขอบคุณค่ะ
สวัสดีครับอาจารย์ เอายำมะม่วงมาฝากด้วยครับ
อยากกินจังค่ะ
^^
มาขอกินส้มตำด้วยจ้า..
ดอกไม้ เป็นรางวัลแต่ครูค่ะ.
มาชิม ด้วยคนนะนี่ อิ อิ อิ
สวัสดีครับ นี่แหละครูมืออาชีพ นี่คือรูปแบบกระบวนการในจัดการเรียนรู้ที่สุดยอดมาก ครูกับนักเรียนร่วมกันคิดร่วมกันวางแผน หากได้พิจารณาการทำส้มตำของคุณครูกับนักเรียนจะเป็นการนำวิชาต่างๆมาบูรณาการ นักเรียนร่วมกันคิด ร่วมกันปฏิบัติจริง ร่วมกันแก้ปัญหา ได้เรียนจากวิถีชีวิตจริงๆ ทุกคนนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริงๆ สามารถนำไปประยุกต์ได้ด้วยตนเอง จนสุดท้ายนักเรียนจะเกิดความภาคภูมิใจที่สามารถทำส้มตำให้คนในครอบครัว ให้เพื่อนๆ ซึ่งอาจนำไปสู่การเปิดร้านจำหน่ายในอนาคตได้ แบบนี้คือเป้าหมายที่ประเทศชาติต้องการ คนดี คนมีคุณภาพ สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ขอชื่นชมครับ
พริกเกลือของครูแจ๋ว ไม่เหมือนใครจริง ๆ
บ้านกอก็ไม่ได้ทำเหมือนครูแจ๋วค่ะ
ครูแจ๋วค่ะ ครูแจ๋วว่า กอจะทำยังไงกับเพื่อนดี
กอจะทำยังไง ระหว่างเพื่อนกับหน้าที่
แล้วกอควรจะดีกับเพื่อนเหมือนที่เคยเป็น
หรือว่ากอควรจะไม่ต้องสนใจเพื่อน ๆ
อย่าไปยุ่งเรื่อง ๆ เดี๋ยวกอจะซวยอีก
ครูแจ๋วว่ากอ ทำถูกมั้ย ที่กอเลือกไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของเพื่อน
ถูกมั้ยค่ะ
พี่แจ๋วขา
สวัสดีค่ะพี่แจ๋ว
อ่านแล้ว....อดจะอมยิ้มและรู้สึก "น้ำลายสอ" ไม่ได้ค่ะ
พริกเกลือที่พี่แจ๋วเล่านั้น คนไม่มีรากคิดว่า เด็ก ๆ เขาชินกับ พริกเกลือ (กับชูรส) แบบของเขาน่ะค่ะ แต่คนไม่มีรากชอบแบบมีน้ำตาลปีบมากกว่าค่ะ...^_^...
เป็นกิจกรรม วิชา "งานบ้าน" ที่แสนจะจริงจังและน่าสนุกค่ะ ส้มตำต้อง "แซบนัว" แน่เลยค่ะ
อยากทานจัง
(^___^)
เหมาร้านของคุณครูศิลามาต้อนรับเลยนะคะ...
ครูแจ๋วค่ะ
กอว่าจะถามตั้งนานแล้ว
ลืมไปเลย
ทำไมถึงใช้ชื่อบล้อคกว่าคนสวยใจดำ
อ้าว มาว่ากอ
อิอิ
ตามไปดู
ทำเอาน้ำลายแตกเลยครับ
เจริญพร โยมครูวรางค์ภรณ์
ส้มตำอาหารอีสาณมีทุกจังหวัดทั่วไทยและหลายประเทศ
อาตมาชอบส้มตำเพราะส่วนผสมหลายอย่างมีคุณค่า
เจริญพร
สวัสดีครับคุณครู วรางค์ภรณ์
อยากินพริกเกลือฝีมือครูครับ คนโบราณบอกว่า
"อาภัพเหมือนปูน"คือหมายความว่าเวลากินหมากมักออกชื่อ
หมาก พลู ทั้งที่มีปูนเป็นส่วนประกอบหลักด้วยแต่คนมักไม่เอ่ยถึง ปัจจุบันต้องบอกว่าอาภัพเหมือนน้ำตาล
เพราะไม่ว่าจะทำพริกเกลือ หรือทำน้ำปลาหวาน
มักไม่เอ่ยชื่อน้ำตาล ทั้งที่เป็นส่วนผสมหลัก
" ทำพริกเกลือ แต่ใส่น้ำตาล ทำน้ำปลาหวานก็ใช้น้ำตาล ไม่เอ่ยน้ำตาลสักคำ จึงอาภัพเหมือนน้ำตาลครับครู
สวัสดี ครับ คุณครู
ครูแจ๋วไปไหนส่ะหลายวัน
สงสัยกินส้มตำจนท้องเสีย
เฮ้อพี่กอคิดถึงจนอ่อนเพลีย
เมื่อไหร่จะได้เจอกันเสียที
อิอิ คิดถึงน้องแจ๋วจังเลย
พี่แจ๋วขา
ทุกครั้งที่สั่งส้มตำไม่เผ็ด แปลว่าได้กินส้มตำเผ็ดกำลังพอดีๆ เพราะเค้าไม่ล้างครกค่ะพี่ครูแจ๋ว
เอาของหวานมาเสริฟหลังจากอิ่มส้มตำค่ะ
Hi mom ^____^
Songkran is coming soon,
but I get wet everyday because it rains...
ha ha ...
and what the weather like in Lopburi?
ส่งเพลงมาให้ฟังด้วยค่ะ
อยากให้ทุกคนหันมาฟังเพลงไทยร่วมสมัย
เป็นเพลงบรรเลงที่ไพเราะมาก
โดยเฉพาะ ถ้าเป็นของ อ.ดนู ค่ะ ^____^
ส้มตำปูม้า..ที่พัทยา อร่อยมากค่ะ
ส้มตำอาหารหลักของหลายๆคน ...น้ำลายสอเลย
ส่งเพลงมาให้ฟังด้วยค่ะ
อยากให้ทุกคนหันมาฟังเพลงไทยร่วมสมัย
เป็นเพลงบรรเลงที่ไพเราะมาก
โดยเฉพาะ ถ้าเป็นของ อ.ดนู ค่ะ ^____^
สวัสดีค่ะ
สวัสดีค่ะ
สบายดีไหมค่ะ
สวัสดีคะ อาจารย์คะ
อ่านแล้ว อย่างกับได้นั่งล้อมวง กินส้มตำปลาร้ากับเด้กนักเรียนเลยคะ
ขอให้มีสุขภาพดี มีความสุขในวันปีใหม่นี้นะคะ
แวะมาบอกว่าจะรอกอดพี่สาวคนดี..อิอิ..
พี่แจ๋วขา...หลังจากหัวที่ฟูก็จะสวยอย่างสง่างามแน่แน่..เป็นกำลังใจให้นะคะ
สวัสดีปีใหม่ไทย ๆๆ
ขอให้พี่ครูแจ๋วและครอบครัวมีความสุขมากๆ
ในวันปีใหม่ไทย2552และตลอดไปนะคะ
จาก ครูแป๋ม ค่ะ
กินส้มตำ
อยากกินส้มตำค่ะครูแจ๋ว
สวัสดีคร๊าบครูแจ๋ว
เอาดอกไม้มาแลกส้มตำนะครับ อิอิ ยังไม่อ่านนะครับเดี๋ยวกลับมาอีกจ๊า ขอส่งพรให้ทั่วก่อนนะครับ :)
ส้มตำอร่อยต้องมาทานที่ขอนแก่นค่ะคุณครูวรางค์ภรณ์
แต่ของคุณครูกับเด็กๆก็ท่าทางจะอร่อยไม่เบานะคะ
มาทักทายสวัสดีคุณครูค่ะ
สวัสดี...ปีใหม่ไทย 2552 นะคะ
พอดียุ่งๆ ไม่ได้ทักทายตั้งนาน
มีสิ่งดีๆในทุกๆวัน นะคะ
Take care
มีส้มตำไหมคะ..ขอจานหนึ่ง..หิวจัง..อิอิ..
รักนะคะ
สวัสดีค่ะ
พี่แจ๋วขาเห็นหนังสือราชการที่หน้าเว็บสพฐ.หรือยังคะ
หนังสือขออนุญาตเข้าค่ายสาระท้องถิ่น..แล้วน้องแอ้ดจะกอดพี่แจ๋วให้แน่นแน่นเลยจ้า
สวัสดีครับคุณครู
กว่าจะได้กินก็ง่วงพอดี...ขออนุญาตเก็บใส่ตู้เย็นไว้ก่อนนะครับ...อิอิ
ขอบคุณครับ
คนอะไรโทรไปไม่รับสาย
เสียงฝากข้อความน่ากัว อิอิ
ฝนตกค่ะ ครูแจ๋ว