ย่างเข้าสู่เดือนเมษายน กิจกรรมต่างๆของเทศกาลสงกรานต์ก็ใกล้เข้ามาทุกที ปีนี้อากาศร้อนจัดผู้คนจึงต่างรอคอยเทศกาลสงกรานต์อันฉ่ำเย็นจะมาถึง และคาดว่าหลายๆพื้นที่จะเริ่มเล่นสงกรานต์ดับร้อนกันเร็วกว่าปีก่อนๆ สำหรับสงกรานต์ปีนี้ทาง ททท.เขาสนับสนุนการจัดงานใหญ่ขึ้นในเมืองท่องเที่ยวสำคัญกระจายไปทั้งในส่วนกลางและภูมิภาคต่างๆ เช่นการจัดงานใหญ่เย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์ที่ท้องสนามหลวง ถนนข้าวสาร ย่านถนนพระอาทิตย์และบางลำพู ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 8 ไปจนถึง 15 เมษายน สงกรานต์กรุงเก่าที่พระนครศรีอยุธยา 13-15 เมษายน สงกรานต์พระประแดง 20-22 เมษายน ส่วนภาคเหนือนั้นงาน 711 ปีสะรี๋ปี๋ใหม่เมือง หรืองานสงกรานต์เชียงใหม่จัดขึ้นระหว่าง 13-15 เมษายน สงกรานต์จังหวัดลำปาง 13-15 เมษายน งานสงกรานต์และมวยคาดเชือกเมืองแม่สอด จังหวัดตาก 12-16 เมษายน ส่วนในภาคอีสานนั้นงานสงกรานต์ไทย-ลาว ที่หนองคายจัดขึ้นระหว่าง 6-18 เมษายน งานสงกรานต์สองฝั่งโขง สามแผ่นดิน (ไทย-ลาว-เวียดนาม) ที่มุกดาหาร จัดขึ้นระหว่าง 11-15 เมษายน ส่วนภาคใต้นั้นงานมิดไนท์สงกรานต์ที่หาดใหญ่ จัดขึ้นระหว่าง 12-14 เมษายน สงกรานต์ภูเก็ตจัดขึ้นระหว่าง 12-16 เมษายน สงกรานต์น้ำแร่ ที่จังหวัดระนอง จัดขึ้นระหว่าง 13-15 เมษายน สงกรานต์นครศรีธรรมราช จัดขึ้นระหว่าง 11-15 เมษายน และสงกรานต์เบตง จังหวัดยะลาจัดขึ้นระหว่าง 12-13 เมษายน ซึ่งที่ยกมาเป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น เพราะงานเทศกาลสงกรานต์นั้นถือเป็นเทศกาลที่ยิ่งใหญ่และจัดกันทุกจังหวัดทุกภูมิภาคของประเทศ ใครสนใจไปร่วมงานที่ไหนก็เลือกได้ตามอัธยาศัย
เทศกาลสงกรานต์นั้นนับเป็นประเพณีที่ดีงามและแสดงถึงภูมิปัญญาอันชาญฉลาดของบรรพบุรุษไทยที่ได้สืบสานกันมาช้านาน ด้วยเมืองไทยเป็นเมืองร้อน และเดือนที่ร้อนที่สุดก็คือเมษายน อันเป็นเดือนแห่งการเปลี่ยนแปลงแห่งจักรราศี ซึ่งคนไทยถือเป็นวันขึ้นปีใหม่กันมาแต่โบราณ การกำหนดให้มีประเพณีสงกรานต์ขึ้นในช่วงนี้จึงเป็นการดับความรุ่มร้อนของอากาศ ความรุ่มร้อนของอารมณ์ที่ง่ายต่อการกระทบกระทั่ง ด้วยการไปทำบุญ สรงน้ำพระ ไปรดน้ำขอพรจากผู้ใหญ่ แสดงถึงความรักความเคารพและความกตัญญูต่อท่าน การเล่นสาดน้ำประพรมความฉ่ำเย็นให้แก่กัน นับเป็นเทศกาลที่สนุกสุขสันต์ทั้งกายและใจ นอกจากนี้เทศกาลสงกรานต์ยังรวมเอาวันผู้สูงอายุและวันครอบครัวเข้าไปด้วย คนไทยไม่ว่าจะเดินทางไปทำงานทำการที่ไหนก็มักจะใช้โอกาสเทศกาลนี้เดินทางกลับมาพบหน้าค่าตา มารวมญาติกันในเทศกาลสงกรานต์
เมื่อมีการเดินทางกันอย่างมากมาย และมีการเฉลิมฉลองกันอย่างเต็มที่ ก็น่าเป็นห่วงเป็นใยในเรื่องของความปลอดภัยจากอุบัติเหตุในการเดินทาง ซึ่งสถิติในช่วงเทศกาลใหญ่ๆที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวันนั้น มักจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นสูงอย่างในเทศกาลปีใหม่ และช่วงเทศกาลสงกรานต์เช่นนี้ โดยสถิติอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2549 ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 7-16 เมษายนนั้น มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุถึง 476 คน มีผู้ได้รับบาดเจ็บมากถึง 5,985 คน โดยสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุสูงสุดมาจากเมาแล้วขับถึง 35.44 เปอร์เซ็นต์ รองลงมาเป็นขับรถใช้ความเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดถึง 18.55 เปอร์เซ็นต์ ขับตัดหน้ากระชั้นชิด 10.44 เปอร์เซ็นต์ สำหรับพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุดก็คือมอเตอร์ไซค์ 84.72 เปอร์เซ็นต์ รถปิคอัพ 7.75 เปอร์เซ็นต์
จะเห็นได้ว่าการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ นั้นเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุสูงสุด ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าหวาดวิตก เพราะในปัจจุบันปริมาณการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ของคนไทยเพิ่มสูงขึ้นทุกปี โดยปริมาณการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของคนไทยในปี 2504 นั้นมีอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ 0.26 ลิตรต่อคนต่อปี และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนมากถึง 8.47 ลิตรต่อคนต่อปีในปี 2544 นั่นคือเพิ่มขึ้น 33 เท่าใน 40 ปี นอกจากนี้คนไทยเรายังเป็นนักดื่มสุราที่ติดอันดับแนวหน้าของโลก โดยองค์การอนามัยโลกได้จัดอันดับในปี 2544 นั้น คนไทยดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเป็นอันดับ 40 ของโลก แต่เมื่อแยกประเภทเฉพาะสุรากลั่นที่คนไทยดื่มกันเป็นส่วนใหญ่แล้วคนไทยดื่มมากเป็นอันดับ 5 ของโลกเลยทีเดียว เป็นตัวเลขที่น่าภาคภูมิใจหรือน่าหวงใยกันดีครับ และที่น่าห่วงใยมากเข้าไปอีกก็คือ ตัวเลขผู้ดื่มสุรานั้นลดลงไปเรื่อยๆ คือแพร่ขยายลงไปในเด็กและเยาวชนอายุน้อยลงเรื่อยๆ และตัวเลขการดื่มสุราในกลุ่มสตรีนั้นก็มีเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างน่าวิตกเช่นกัน ซึ่งผลกระทบของการดื่มสุรานั้นได้สร้างความเสียหายต่อสุขภาพของประชาชน ต่อสังคม ต่อชาติบ้านเมืองอย่างรุนแรง เช่นนำไปสู่ปัญหาอาชญากรรมและความรุนแรงมากมาย เป็นสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุ เป็นต้นเหตุทำให้ต้องศูนย์เสียเงินตราที่ประเทศไทยต้องนำเข้าสุราต่างประเทศปีละมากมาย และรัฐบาลยังต้องสูญเสียเงินตราไปในมาตรการดูแลรักษาสุขภาพของประชาชนซึ่งเป็นผลมาจากการดื่มสุราจำนวนมากมายมหาศาลต่อปี
นอกจากนี้ประชาชนคนบริสุทธิ์ที่มิได้มีส่วนเกี่ยวข้อง มิได้ดื่มสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ต้องมารับผลจากคดีอาชญากรรม จากอุบัติเหตุของคนที่เมาแล้วขับ จนต้องกลายเป็นคนพิกลพิการเป็นคนทุพลภาพไปตลอดชีวิตนั้นมีให้เห็นอยู่ไม่น้อย หากเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับลูก ภรรยา สามี หรือบุคคลอันเป็นที่รักของใคร คนผู้นั้นจะต้องทุกข์ทรมานใจเพียงใด โชคดีของคนไทยครับที่พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ผ่านการพิจารณาในวาระแรกไปแล้ว หวังว่าผู้มีส่วนเกี่ยวข้องคงจะช่วยกันผลักดันให้เป็นกฎหมายมาบังคับใช้ได้ในเร็ววัน ประเทศชาติและประชาชนคนไทยจะได้ถูกมอมเมาน้อยลงกว่าที่เป็นอยู่ ไม่มีประเทศใดในโลกจะเจริญก้าวหน้าไปได้หรอกครับ หากคนในชาติวันๆ เอาแต่เมาหัวราน้ำ
เริ่มต้นด้วยความห่วงใยในการเดินทางช่วงสงกรานต์ แต่กลับวกเข้าไปถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เห็นไหมครับแค่วกเข้าไปเกี่ยวข้องก็เริ่มเมาๆแล้ว เอาเป็นว่าสงกรานต์หรือเทศกาลปีใหม่แบบไทยๆปีนี้ เรามาเริ่มต้นทำในสิ่งดีๆรับปีใหม่กันดีไหมครับ เริ่มต้นที่ตัวเราด้วยการทำใจให้เบิกบาน อะไรๆที่วุ่นวายสับสนขุ่นๆมัวๆก็ถือโอกาสในวันปีใหม่มอบน้ำใจอภัยให้แก่กัน น้ำใจไมตรีที่มอบให้กับผู้คนในสังคมนั้นมีค่ายิ่งเหนือกว่าน้ำอบน้ำปรุงใดๆ และอย่าลืมเมื่อออกเดินทางทุกครั้งก็ให้มีสติ มีน้ำใจ ไม่ประมาทมีความรับผิดชอบต่อตนเองต่อผู้โดยสาร เอื้ออาทรต่อเพื่อนร่วมใช้เส้นทาง เพียงเท่านี้ เทศกาลสงกรานต์ปีนี้ก็คงเป็นเทศกาลแห่งความสุขของคนไทยอย่างแน่นอน
สวัสดีครับท่าน somsakksn