มุม (มอง) ที่แตกต่าง ความหมายที่ไม่เหมือนเดิม


เราทุกคนก็มีที่ “บางทีดี บางทีร้าย” ปนๆ กัน ไม่มีใครที่ดีได้ทุกกระเบียดนิ้วและไม่มีใครที่ไม่ดีหรือร้ายได้ทุกรูขุมขน

          ได้ยินข่าวน้องหมาร๊อตไวเลอร์กัดคน (อีกแล้ว) ทีไร ฉันและพี่สาวต้องรีบหยิบโทรศัพท์โทรกลับบ้านก่อนที่แม่จะโทรมาบ่นว่า แม่ห้ามแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้เลี้ยงร๊อตไวเลอร์"                  

           น้องหมาร๊อตไวเลอร์ตัวที่พูดถึงชื่อบั๊กจี้ค่ะ เข้าบ้านด้วยวิธีพิเศษคือ มัดมือ(แม่)ชก แบบที่เล่าไปตอนที่แล้ว
          ฉัน พี่สาวและพ่อเป็นคนเอาบั๊กจี้เข้ามาเลี้ยง อันเนื่องมาจากมีขโมยขึ้นบ้าน เลยตัดสินใจว่าน่าจะเลี้ยงหมาพันธุ์ใหญ่ บุคลิกน่าเกรงขามไว้สักตัว ดูไปดูมา ก็เลยตกลงใจที่น้องหมาพันธุ์ร๊อตไวเลอร์เพศเมียที่มีดีกรีเป็นรองแชมป์ ที่พลาดไม่ได้แชมป์ก็เพราะความซนของมัน และนิสัย ชอบเล่นแรงๆ ของมันที่ติดตัวมาจนโตนี่แหละค่ะ บั๊กจี้มีฉายาที่ฉันตั้งให้ว่า ลูกควายน้อย ตามสีขนและรูปร่างอันล่ำสัน เนื้อแน่นตันของมัน และเพื่อให้คล้องกับขมิ้น น้องหมาพันธุ์โกลเดนรีทรีพเวอร์ของพี่สาวซึ่งได้ฉายาว่า ลูกวัวน้อย
          แต่เหมือนฟ้าดินลงโทษที่ฝ่าฝืนประกาศิตของแม่ เพราะตั้งแต่บั๊กจี้เข้ามาอยู่ในบ้านก็มีข่าวน้องหมาพันธุ์ร๊อตไวเลอร์กัดคนไม่เคยขาด ฉันและพี่สาวอุ่นใจที่พ่อและแม่มีบั๊กจี้เป็นเพื่อนเมื่อเราทั้งสองคนต้องอยู่ห่างบ้าน ในขณะที่แม่กังวลใจมากกว่าที่จะสบายใจ เพราะกลัวว่าบั๊กจี้จะสร้างวีรกรรมไปกัดใครเข้า ให้ต้องเป็นข่าวพาดหัวในหน้าหนังสือพิมพ์ เวลาที่พ่อ พี่สาว หรือฉันเปิดประตูรั้วเพื่อเอารถยนต์เข้าบ้าน แม่จะต้องรีบมาไล่บั๊กจี้ให้ไปอยู่ในโรงรถ ไม่ให้ไปป้วนเปี้ยนแถวประตูรั้ว เพราะกลัวว่า ถ้ามีคนหรือน้องหมาเดินผ่านหน้าบ้านในตอนนั้น บั๊กจี้จะวิ่งออกไปกัดเขาเข้า แม่ไม่วางใจให้พ่อ พี่สาว หรือฉันลงมาจากรถเพื่อไล่บั๊กจี้เข้าบ้านเอง   
          และแล้วก็มีวันที่บั๊กจี้หลุดออกจากบ้านจนได้ คืนนั้นเป็นคืนที่พ่อของฉันเปิดประตู แล้วทั้งพ่อและแม่ของฉันเผลอลืมไล่บั๊กจี้ให้เข้าไปอยู่ในโรงรถ ทำให้บั๊กจี้หลุดออกไปนอกบ้าน กว่าจะรู้ว่าบั๊กจี้หายไปก็ตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น พ่อและแม่ของฉันออกตามหาแถวๆ ละแวกบ้านด้วยความกังวลว่าบั๊กจี้จะโดนรถชน และกลัวว่า 1 คืนที่อยู่นอกบ้านบั๊กจี้จะไปกัดใครเข้า (แต่ไม่เห็นกลัวว่าใครจะขโมยบั๊กจี้ไป) 
          เปล่าเลยค่ะ ลูกควายน้อยของฉันนอนหลับอยู่ตรงหน้าบ้านของป้าคนหนึ่ง แถมข้างๆ บั๊กจี้ยังมีน้องหมาไทยอีกตัวนอนอยู่ด้วย สงสัยเมื่อคืนบั๊กจี้คงเจอเพื่อนใหม่เลยเล่นสนุกกันจนไม่ยอมเดินกลับไปนอนหน้าบ้าน สอบถามป้าเจ้าของบ้านบอกว่า เห็นบั๊กจี้ออกมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่ไม่กล้าออกมาไล่ให้บั๊กจี้กลับบ้าน
          หลังเหตุการณ์วันนั้น แม่ของฉันก็ วางใจ ในตัวบั๊กจี้เพิ่มขึ้น (บ้าง) แม่ไม่ต้องออกมาไล่บั๊กจี้ให้ถอยห่างจากรั้วด้วยตัวเองแล้ว แต่เปลี่ยนมาเป็นกำชับฉันแทนว่า เปิดประตูระวังด้วยนะ แล้วอย่าลืมไล่บั๊กจี้กลับเข้าไปอยู่ในโรงรถก่อนที่จะขับรถเข้าบ้านล่ะ 
          แม้ว่าบั๊กจี้จะเป็นน้องหมาที่น่ากลัวในสายตาคนในละแวกบ้านรวมทั้งแม่ของฉันด้วย  แต่สำหรับฉัน พี่สาว พ่อและหมาแมวตัวอื่นๆ ในบ้าน บั๊กจี้เป็นน้องหมาที่มี หัวใจเป็นเด็ก อยู่ตลอดเวลา ทั้งๆ ที่ตอนนี้บั๊กจี้โตเต็มวัยแล้ว น้ำหนักกว่า 40 กิโลกรัม ขนดำมะเมื่อมน่าเกรงขาม เวลาที่ออกจากกรงมาใหม่ๆ บั๊กจี้จะวิ่งมาทักทายสมาชิกในบ้านด้วยวิธีการที่แตกต่างกันออกไป บั๊กจี้จะวิ่งเข้ามาชนฉันแรงๆ แถมด้วยมองหามือเพื่องับฝากน้ำลายเอาไว้ แต่ถ้าเป็นแม่ บั๊กจี้จะทักทายแบบ เรียบร้อยเป็นพิเศษ แค่เข้ามาดมๆ มือของแม่ เพราะรู้ว่า แม่ไม่ชอบให้ เล่นแรงๆ แบบที่มันชอบเล่นกับฉัน ต่อจากนั้นบั๊กจี้ก็จะไปทักทายกับน้องหมาตัวอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น คุกกี้น้องหมาพันธุ์ชิสุ นิ่มและแต้มน้องหมาพันธุ์ทาง หรือแม้แต่แมวไทยที่แม่เลี้ยงไว้ บั๊กจี้ก็ไม่ลืมที่จะเข้าไปทักทาย ก่อนที่จะไปวิ่งยืดเส้นยืดสายและทำธุระในสนามหญ้า
          ฉันได้ยินได้ฟังข่าวน้องหมาร๊อตไวเลอร์แล้วอดที่จะสงสารน้องหมาที่ถูก "ตัดสิน" ให้ต้อง ตกเป็นจำเลย ไม่ได้ ฉันว่ามันไม่ยุติธรรมที่ทุกคนจะมองว่าร๊อตไวเลอร์ทุกตัวดุร้ายเหมือนกันไปหมด เพราะในฐานะที่บั๊กจี้เป็นน้องหมาในครอบครัวของฉัน บั๊กจี้ไม่ได้เป็นน้องหมาที่น่ากลัวหรือดุร้าย หากแต่เป็นน้องหมา ตัวใหญ่แต่ใจเป็นเด็ก ซึ่งใน มุมมอง ของเจ้าของน้องหมาร๊อตไวเลอร์คนอื่นๆ ก็คงรู้สึกได้ไม่ต่างกันกับฉัน (เพื่อนของฉันที่เลี้ยงร๊อตไวเลอร์คงจะรู้ดี)  แต่ในทางกลับกัน บั๊กจี้จะกลายเป็นน้องหมาที่ดุร้ายและน่ากลัวทันทีใน มุมมอง ของคนอื่นๆ ที่ไม่ รู้จัก บั๊กจี้ดีพอ
         ไม่เฉพาะน้องหมาเท่านั้นหรอกค่ะ ที่คนเรา ตัดสิน เอาว่านิสัยดีหรือไม่ดี แต่เรายังตัดสิน คนอื่น และเราเองก็ถูกคนอื่น ตัดสิน ด้วย บางคนตัดสินว่าเราเป็นคนดี แต่บางคนก็ตัดสินต่างออกไป จะอย่างไรก็ตาม เราทุกคนก็มีที่ บางทีดี บางทีร้าย ปนๆ กัน ไม่มีใครที่ดีได้ทุกกระเบียดนิ้วและไม่มีใครที่ไม่ดีหรือร้ายได้ทุกรูขุมขน มันขึ้นกับว่า คนตัดสิน กับ คนถูกตัดสิน มีความสัมพันธ์กันอย่างไร มองเราจากมุมไหนและใช้ ทฤษฎี อะไรมามองเราต่างหาก นอกจากนั้น คำตัดสิน ที่เราได้จากการมองคนอื่น ก็ยังเปลี่ยนแปลงขึ้นกับว่า เราให้เวลากับการรู้จักคนๆ นั้นมากน้อยแค่ไหน การพบเจอกันเพียงผิวเผินอาจทำให้เรารู้สึกไม่ถูกใจ แต่เมื่อเราลองให้เวลาเพียงพอกับการ ศึกษา ความหมายที่ซ่อนอยู่ในตัวคนๆ นั้น เราอาจพบว่าคนๆ นั้นช่างมี ความหมายที่พิเศษ และน่าประทับใจเสียเหลือเกิน ตรงกันข้ามกับคนบางคนที่เรา (เคย) ตัดสินว่าดี อาจเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อเราได้ให้เวลาศึกษานานพอ
         ลองให้เวลา มองมุมที่แตกต่าง และใช้ ทฤษฎี อื่น ในการตัดสินกันบ้างไหมคะ แล้วเราจะพบว่าสิ่งที่เราเคยมองว่าไม่ดี ไม่สวยงาม ก็ยังมีความสวยงามและความหมายซ่อนอยู่ในสิ่งนั้นเสมอ น้องหมาร๊อตไวเลอร์อาจจะดูน่ากลัวในมุมมองของหลายคน แต่ลองมองในมุมของคนที่เป็นเจ้าของดูสิคะ น้องหมาตัวนั้นก็ยังคงเป็นที่รักของเจ้าของ หรืออย่างบั๊กจี้ เจ้าลูกควายน้อยของฉัน ก็ทำให้ฉันอุ่นใจว่าพ่อและแม่มีน้องหมาตัวใหญ่คอยอารักขา ให้ฉันได้คิดถึงและคอยถามไถ่เวลาที่โทรศัพท์กลับบ้าน ให้ฉันได้กอดอย่างเต็มไม้เต็มมือ ให้ฉันได้ออกกำลังกาย (เพราะชอบให้วิ่งไล่) และที่สำคัญ

        ให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็น “somebody” ทุกครั้งที่กลับบ้าน 

คำสำคัญ (Tags): #แนวคิด
หมายเลขบันทึก: 25062เขียนเมื่อ 22 เมษายน 2006 23:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม 2012 14:19 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท