"ติ๊งต่าง"


ติ๊งต่าง แปลว่า "สมมติ"

คนเราชอบติ๊งต่าง  ติ๊งต่างในเรื่องต่างๆ ติ๊งต่างในสิ่งต่างๆ ขนาดเวลาพูดก็ยังติ๊งต่าง

ตอนเรียนวิทยาศาสตร์จำได้ว่า ต้องมีการตั้งสมมติฐานก่อน แล้วจึงนำไปสู่การค้นคว้าทดลองวิจัยเพื่อ พิสูจน์สมมติฐานนั้นๆ ว่าเป็นจริงหรือไม่  อย่างนั้น ในแง่นี้ "ติ๊งต่าง" ก็เป็นสิ่งที่ดีเป็นความคิดสร้างสรร  ทำให้เกิดสิ่งใหม่ๆ เป็นวิวัฒนาการ เป็นความก้าวหน้า

ในด้านการพัฒนาความคิด กับภาษาการตลาดที่อยากขอเรียกว่า creative idea ความคิดสร้างสรร จำได้ว่า สมัยที่ยังทำงานบริษัท  ชอบใช้คำนี้มาก  จะรู้สึกทึ่งเสมอๆ เมื่อฝ่ายครีเอทีพคิดอะไรได้แปลกๆ แหวกแนว ไม่ซ้ำกับใครๆ โดยเฉพาะเมื่อไอเดียความคิดนั้นๆ ได้รับการสร้างสรรให้เกิดขึ้นจริงๆ นี่ก็น่าจะเป็น "ติ๊งต่าง"ที่สร้างสรรได้เช่นเดียวกัน

เมื่อมีการพูดคุยกัน แล้วมีความเห็นที่แตกต่างกัน บางครั้งต่างฝ่ายจะขอนำเสนอความคิดเห็นที่ต่างโดยขึ้นประโยคว่า  " ติ๊งต่างว่า...อย่างนี้...จะได้มั้ย..."  ว่ามั๊ย? ว่า..คำนี้ "ติ๊งต่าง" มันน่ารักและชวนขำ กว่าการใช้คำว่า "สมมติว่า.." น่ะ :)  คิดในแง่ดี อาจช่วยให้การโต้เถียงที่เผ็ดร้อน ลดดีกรีลง เพราะคำว่า "ติ๊งต่าง" ก็ได้นา..ฮ่า..ฮ่า..เอิ้กกก   ในแง่นี้ ติ๊งต่างก็เป็นเรื่องของความคิดที่ต่างกัน  ก็ถ้าคนเราต้องการคนที่มีความคิด  ต้องการให้คนพัฒนา (ชอบใช้คำนี้กันจัง!)  สังคมก็ต้องยอมรับ "ติ๊งต่าง"

ที่จริงจะว่าไ ป ศาสนาพุทธ ก็สอนเรื่อง ติ๊งต่างน่ะ (กำลังเรียนรู้อยู่น่ะ) ก็ขนาดพระ  ทุกวันนี้ ยังเป็น "สมมุติสงฆ์" คือเป็นสงฆ์โดยสมมติ เลย...สมมติว่านี่เป็นของเรา...นี่เป็นของเขา..ทั้งที่จริง ของเราก็ไม่ใช่ ของเขาก็ไม่ใช่ เพราะมันเป็นแค่ "สมมติ"

เรื่องที่ชอบมากเรื่องหนึ่ง  คือเรื่องที่หลวงพ่อชา สมมติว่าในอนาคตข้างหน้า เมื่อโลกเราไม่มีกระดาษใช้  จึงต้องหาอะไรๆ ที่จะมาใช้แทนเงิน  หลวงพ่อชาว่า  โลกจะเลือกใช้ "ขี้ไก่" แทนเงิน  ทุกคนไปไหนๆ จะหอบเอาขี้ไก่ใส่กระเป๋าไป  ธนาคารมีแต่ขี้ไก่  โจรจ้องจะขโมยขี้ไก่  เศรษฐีครอบครองขี้ไก่เต็มบ้าน  คนซื้อหวยฝันกับการถูกรางวัลขี้ไก่  โลกวัดความเจริญเติบโตของแต่ละประเทศด้วยปริมาณขี้ไก่ในประเทศนั้นๆ...(ที่มาจาก  หนังสือ "ชวนม่วนชื่น" โดยพระอาจารย์พรหม ตอนความหวาดกลัวและความเจ็บปวด )

"ติ๊งต่าง" ก็เป็นแค่คำพูด เป็นแค่ภาษาที่เลือกใช้ หรือไม่ใช้  ความคิดก็คือจินตนาการจะสร้างสรรหรือทำลาย...ไม่รู้?  แต่อิสระของความเป็นคนคือ "อิสระทางความคิด"

คุกที่กักขังร่างกายของคนกับคุกที่ขังความคิดของคน...อันไหน...น่ากลัวกว่ากัน?

กับการเดินทางของความคิดในวันนี้...คือ..การเรียนรู้ที่จะ...หยุดคิด...


ความคิดที่เต็มไปด้วยอคติ ทำให้การเขียนเริ่มเอียง เหมือนตราชั่งที่เอียงข้าง ไม่เที่ยงตรง  ไม่ยุติธรรม  ถ้ายังคิดแล้วเขียนต่อไป  อคติที่เริ่มบังเกิดขึ้นทำให้มุมมองความคิดเริ่มแคบลง...จากใจสีขาว มั๊ง?..มาเป็นสีชมพู..จนวันนี้..จะเป็น" สีแดง "ไปแล้ว...กับวันนี้..วันที่แค่คิดต่าง..ก็ถูกว่า..ไม่ใช่คน...ไ...ท....

 

คำสำคัญ (Tags): #ติ๊งต่าง#สมมติ
หมายเลขบันทึก: 249954เขียนเมื่อ 21 มีนาคม 2009 14:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 19:03 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท