พาหุในตัวตน
และเมื่อฉันค้นหาไปที่คำว่า ความเป็นเหตุผลของจุดหมายสูงสุด ใน google
พบ http://www.parst.or.th/soc1.htm
ฉันไปเจอ ผู้มีพระคุณแห่งปัญญาและแรงบันดาลใจของฉัน
ท่านคือ รศ.ดร.มารค ตามไท
จากบทสรุปจากปาฐกถาเนื่องในโอกาสครบวาระการดำรงตำแหน่งนายกสมาคมปรัชญาและศาสนาแห่งประเทศไทยสมัยแรก ในการสัมมนาวิชาการประจำปี 2547 ของสมาคมปรัชญาและศาสนาแห่งประเทศไทย ร่วมกับภาควิชาปรัชญาและศาสนา คณะศาสนศาสตร์แมคกิลวารี เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2547 ที่มหาวิทยาลัยพายัพ จังหวัดเชียงใหม่
ความในวรรคหนึ่ง
“ ในการใช้เหตุผล เรามักเชื่อมโยงสิ่งหนึ่งเข้ากับสิ่งอื่นที่ถือว่าดีกว่าโดยถือว่าสิ่งหลังนี้เป็นเหตุผลของสิ่งแรก และสิ่งอื่นที่ดีกว่านี้ก็จะถูกเชื่อมโยงเข้ากับสิ่งอื่นที่เราคิดว่าดีขึ้นไปอีก แต่การเชื่อมโยงกับสิ่งอื่นนี้จะต้องมีจุดจบ กล่าวคือ เป็นสิ่งสุดท้ายที่เราคิดว่าดีที่สุด ซึ่งเรียกว่า “จุดหมาย” และจุดหมายนี้เองคือจุดปลายทางของการใช้เหตุผล ”
..................................................................................................
อ่านแล้วทำให้รู้สึกถึงตนเองเป็นเพียงละอองฝุ่นกลางอากาศ ในชั่วขณะหนึ่งทีเดียว
เพราะจากเบื้องต้นที่ฉันพยายามทำความเข้าใจในตัวฉันว่า ฉันกำลังสับสนอะไรนักหนา จึงกลับมาค้นหาตัวตนที่หายไปของฉันฟื้นกลับคืนมา
แต่เมื่อ ฉันอ่าน ความใน ปาฐกถา ของท่านผู้มีพระคุณ
ทำให้ฉันเริ่มคลายความสับสนที่ออกจะไร้สาระสำหรับใครก็ตาม
แต่มันคือ “ พลัง ” ที่จะให้ใช้กลับคืนสู่ปัญญาที่ฉันคิดว่าฉันมีอยู่ในตัวบ้างแม้ปัญญาของฉันจะมีเพียงเสี้ยวอันน้อยนิดก็ตามที
จุดหมาย หรือ สาเหตุ ที่ฉันต้องถามตนเองว่า
ทำไม ฉันต้องค้นหาตัวตน
แสวงหาตัวตนเพื่อสิ่งใดหรือเพื่อตอบสนองสำนึกห้วงเหวลึกภายในใจ
แล้วอะไร คือ เหตุผล นั้น
ขอเวลาฉันครุ่นคิดอีกสักนิด
และคิดว่าเวลาคงให้อภัยฉัน
ถ้าฉันสร้างเหวแห่งกาลเวลาเพิ่มขึ้นอีกนิดจักเป็นไรเล่า
ถ้าเหวแห่งกาลเวลานั้นคือคำตอบสุดท้ายในชีวิตของฉัน
ที่จะนำไปสู่ การตัดสินใจในลมหายใจสุดท้ายในชีวิตที่เหลืออยู่
ชีวิตที่เหลือที่ฉันจะมุ่งมั่นกับมันอีกครั้ง
และครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายกับคำ ครหาที่ผ่านมา ที่ว่า
“ ทำไม ไม่เลิกสับสนสักที ไอ้อ้วนนุช ”
ขอหัวเราะเยอะกับตัวเองสักนิดเถอะน่านะ ท่านกาลเวลา
ไม่มีความเห็น