๑๙ มีนาคม ๒๕๕๒ : สัปดาห์ก่อนพี่ชายผมซึ่งแกเรียนมาทางเศรษฐศาสตร์ และได้มาเป็นวิทยากรที่พิษณุโลก จึงถือโอกาสมาเยี่ยมผมด้วย เราเลยมีโอกาสได้พูดคุยกันเรื่องภาวะวิกฤตเศรษฐกิจของปีนี้ ประกอบกับได้ดูข่าวและรายการสัมภาษณ์ของกูรูไทยบางท่าน จึงพอมาประมวลเหตุการณ์ในปีนี้และปีหน้าต่อไป
- ทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ หลายทฤษฎีใช้ไม่ได้กับสถานการณ์ปัจจุบัน เช่น ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจที่สหรัฐอเมริกา ควรจะทำให้ค่าเงินดอลล่าร์อ่อนตัวลง แต่กลับตรงกันข้ามคือ เงินดอลล่าร์แข็งตัวขึ้น ทั้งนี้เป็นเพราะมีเงินทุนไหลเข้าอเมริกา (ส่วนหนึ่งจากการกู้ยืมเงินต่างประเทศ)
- ในปลายปีนี้ ถึงต้นปีหน้า อาจจะได้เห็นราคาทองคำพุ่งไปถึงบาทละ ๒ หมื่นบาท (ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคนขาดความเชื่อมั่นในสินทรัพย์ตัวอื่น จึงหันมาลงทุนในทองคำมากขึ้น และค่าเงินบาทอ่อนตัวลง คาดว่าอาจจะถึง 40 บาท/ดอลล่าร์-ค่าเงินบาทปัจจุบัน จาก 33 อ่อนตัวลงเป็น 35 กว่าๆ)
- เศรษฐกิจถดถอยของโลก จะถึงจุดต่ำสุดประมาณกลางปี ๒๕๕๒ ซึ่งจะส่งผลกระทบรุนแรงถึงประเทศไทยจนถึงสิ้นปี
- จะเห็นว่าเศรษฐกิจของโลก ส่วนหนึ่งต้องพึ่งพาเศรษฐกิจของอเมริกา....ซึ่งประเทศไทยก็หนีไม่พ้นเรื่องนี้...ดังนั้นจะต้องจับตาดูว่า ประธานาธิบดี โอบามา จะใช้นโยบายเศรษฐกิจแบบปกป้องตัวเอง (รณรงค์ให้คนหันมาใช้สินค้าและบริการในประเทศ) หรือจะใช้นโยบายช่วยเหลือมิตรประเทศบ้าง
- ขณะที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เน้นให้คนใช้เงินอนาคต (บัตรเครดิต) น้อยลง และหันมาอดออมมากขึ้น ประเทศไทยยังคงรณรงค์ให้คนหันมาใช้เงินอนาคตมากขึ้น กระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชน
- นโยบายการใช้จ่ายภาคครัวเรือน น่าจะเป็นดังนี้ (1) พยายามอย่าสร้างหนี้เพิ่มขึ้น ของที่ไม่ควรซื้อก็อย่าซื้อ ของที่ไม่ควรผ่อนก็อย่าผ่อน บัตรเครติดอย่ามีหลายใบ (2) พยายามอดออมเพิ่มขึ้น (3) อย่าพึงหวังดอกเบี้ยจากธนาคาร (ดอกเบี้ยเงินฝากลด แต่ดอกเบี้ยเงินกู้ไม่ลดตาม..อิอิ) (4) ของที่เก็บไว้หากมีค่ามีราคา ให้นำออกมาขาย เปลี่ยนเป็นเงินสดเก็บไว้ใช้
- ขณะเดียวกัน ขรก. ก็อย่าหวังพึ่งกองทุกกบข.มากนัก (ข่าวว่าปปท.จะขอเข้าไปตรวจสอบกบข.)
- ยามนี้ สหกรณ์ฯ ต่างๆ ที่บริหารงานโปร่งใสจะดูเป็นที่พึ่งของประชาชนมากขึ้น
- ประชาชนต้องพึ่งตัวเองให้มาก อย่าหวังพึ่งพารัฐบาลหรือนายทุนเพียงอย่างเดียว
- รายได้ประเทศไทย มาจากคน ๒ กลุ่ม คือ กลุ่มคนที่อยู่ในเมือง และกลุ่มคนที่อยู่ในชนบท (ปัจจุบันคนที่อยู่ในเมืองมีสัดส่วนมากกว่าคนที่อยู่ในชนบทเล็กน้อย)
- GDP ภาคการเกษตรมีเพียง 9% ขณะที่ GDP ทางการศึกษามีถึง ๒๐%
- ภาวะการตกงานของคนไทยเมื่อสิ้นเดือนมกราคม ๒๕๕๒ มีประมาณ 8.8 แสนคน และต่อไปทุกเดือนจะมีเพิ่มขึ้น 4-5 หมื่นคน ถึงสิ้นปี ๒๕๕๒ จะตกงานรวมประมาณ 1.5 ล้านคน
- บัณฑิตจบใหม่ ควรเตรียมความพร้อมที่จะเป็นคนที่ 1,500,001 คน ซึ่งจะไม่อยู่ในตัวเลขที่ตกงาน
- ผู้ที่จะเข้าเรียนต่อในปีการศึกษาหน้าควรเตรียมความพร้อมที่จะจบออกไปสร้างงาน ไม่ใช่จบออกไปเพื่อสมัครงาน
- ผู้ปกครองต้องสร้างภูมิต้านทานให้กับลูกหลาน สอนให้เข้าใจเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งจริงๆ แล้วต้องการธรรมะขั้นพื้นฐาน คือ อย่าโลภจนเกินไป, อย่าโกรธจนเกินไป, และอย่าหลงจนเกินไป
๑๕ ข้อ พอหอมปากหอมคอครับ
|
มนุษย์ผึ้งมหัศจรรย์ 神奇的蜂爷 (shen2 qi2 de1 feng1 ye2)
|