ประวัติความเป็นมาสถานีอนามัย JJJ.
สถานีอนามัย เป็นสถานบริการสาธารณสุขระดับต้นของกระทรวงสาธารณสุขและเป็นหน่วยงานอยู่ใต้บังคับบัญชาของสาธารณสุขอำเภอ โดยมีคณะกรรมการประสานงานสาธารณสุขระดับอำเภอ ( คปสอ. ) เป็นองค์กรประสานงานและสนับสนุนการดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมายตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขมีวิวัฒนาการดังนี้
พ.ศ. 2456 มีการจัดตั้ง “โอสถสภา” ( โอสถศาลา หรือโอสถสถาน ) ขึ้นในบางจังหวัดให้เป็นทั้งสถานที่
บำบัดโรคและสำนักงานของแพทย์สาธารณสุข
พ.ศ. 2475 ได้เปลี่ยนแปลงชื่อเป็น “สุขศาลา” ระหว่างที่ยังเป็น “สุขศาลา” อยู่นั้น ในท้องที่ที่เป็นชุมชน
หนาแน่น ราชการส่งแพทย์ไปประจำเพื่อให้บริการแก่ประชาชน “สุขศาลา“ ประเภทนี้เรียกว่า
เป็น “สุขศาลาชั้นหนึ่ง” ส่วน “สุขศาลาชั้นสอง” คือ สุขศาลาที่ไม่มีแพทย์ประจำ
พ.ศ. 2485 มีการสถาปนากระทรวงสาธารณสุข กรมการแพทย์รับโอน “สุขศาลาชั้นหนึ่ง ” ที่ตั้งอยู่ใน
จังหวัดและอำเภอใหญ่ ๆ บางแห่งไปปรับปรุงเป็นโรงพยาบาลประจำจังหวัด และโรงพยาบาล
อำเภอ บางส่วนเทศบาลรับไปดำเนินการ “ สุขศาลาชั้นหนึ่ง ” ที่มิได้โอนไปอยู่กับเทศบาลและ
มิได้รับการยกฐานะเป็นโรงพยาบาลอยู่ภายใต้การดูแลของกรมอนามัยซึ่งต่อมา “ สุขศาลา
ชั้นหนึ่ง ” เหล่านี้พัฒนามาเป็น “ สถานีอนามัยชั้นหนึ่ง ”
พ.ศ. 2497 เป็น “ ศูนย์การแพทย์อนามัยชนบท ”
พ.ศ. 2515 เป็น “ ศูนย์การแพทย์และอนามัย ”
พ.ศ. 2517 เป็น “ โรงพยาบาลอำเภอ ” ( พ.ศ. 2518 ) จนถึงปัจจุบัน
สำหรับ “ สุขศาลาชั้นสอง” ส่วนใหญ่อยู่กับกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อตามลำดับดังนี้
พ.ศ. 2495 เป็น “ สถานีอนามัยชั้นสอง”
พ.ศ. 2515 เป็น “ สถานีอนามัย ” มาถึงปัจจุบัน
สำหรับ ”สำนักงานผดุงครรภ์”คาดว่า เริ่มในปี พ.ศ. 2470
พ.ศ. 2470 อบรมหมอตำแยครั้งแรก งวดละ 20 คน ระยะเวลาการอบรมงวดละ 3 สัปดาห์
เมื่อเสร็จการอบรมแล้วสงกลับภูมิลำเนาเดิมให้ช่วยเหลือประชาชนเกี่ยวกับการคลอด
บุตรเพื่อลดอัตราการตายของทารก
กรมสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทยจัดตั้งโรงเรียนอบรมผดุงครรภ์ชั้น2 ในวชิระ -
พยาบาล
พ.ศ. 2478 – พ.ศ. 2481 มีปัญหาอุปสรรค หยุดการอบรม 4 ปี
พ.ศ. 2482 จึงได้มีการอบรมนักเรียนผดุงครรภ์ ชั้น 2 ซึ่งส่วนใหญ่ส่งไปอยู่ตามท้องที่ตำบลที่ยังไม่
มีการสร้างสถานีอนามัย โดยให้ไปตั้งเป็น“สำนักงานนางผดุงครรภ์ชั้นสอง“ ที่บ้าน
กำนัน ต่อมามีการสร้างสำนักงานผดุงครรภ์ขึ้นโดยแบ่งเป็น 2 แบบ
แบบที่ 1 มีทุนผูกพันให้ผู้บริจาคทรัพย์สร้างสำนักงานผดุงครรภ์ส่งลูกหลานเข้าเรียน
ผดุงครรภ์ได้ แล้วกลับไปประจำที่สำนักงานผดุงครรภ์นั้น
แบบที่ 2 เป็นแบบไม่มีทุนผูกพัน ใน พ.ศ. 2525 มีการยกฐานะสำนักงานผดุงครรภ์
ทั้งหมดกว่า 1,400 แห่ง ขึ้นเป็นสถานีอนามัยทำให้มีจำนวนสถานีอนามัย
เพิ่มขึ้นในปีดังกล่าว
ผังวิวัฒนาการสถานีอนามัยจากอดีตถึงปัจจุบัน
สุขศาลาชั้น 1 สุขศาลาชั้น 2 ก่อน พ.ศ.2485
สถานีอนามัยชั้น 1 พ.ศ.2497 สถานีอนามัยชั้น 2 พ.ศ.2495
ศูนย์การแพทย์อนามัยชนบท พ.ศ.2515 สถานีอนามัย พ.ศ.2515
ศูนย์การแพทย์และอนามัย พ.ศ.2517
โรงพยาบาลอำเภอ พ.ศ.2518
โครงการ ทสอ. พ.ศ.2535
U ต่อมาในปี พ.ศ. 2535 กระทรวงสาธารณสุข ได้มีนโยบายการพัฒนาสถานีอนามัย จึงได้จัดทำโครงการ
“ทศวรรษแห่งการพัฒนาสถานีอนามัย“ กำหนดระยะเวลาตั้งแต่ ปี 2535-2544 รวม 10 ปี โดยได้กำหนดสถานีอนามัยเป็น 2 ประเภทคือ สถานีอนามัยทั่วไป และสถานีอนามัยขนาดใหญ่
U สถานีอนามัยทั่วไป หมายถึง สถานีอนามัยส่วนใหญ่ของประเทศ มีบทบาทและความรับผิดชอบตามที่กำหนดไว้ทั้งสิ้น 4 งาน ได้แก่การบริการสาธารณสุขผสมผสาน การสนับสนุนงานสาธารณสุขมูลฐานและพัฒนาชุมชนบริหารงานวิชาการ งานสุขศึกษาและประชาสัมพันธ์ มีกรอบอัตรากำลังและอาคารบ้านพักตลอดจนครุภัณฑ์ตามที่กำหนด
U สถานีอนามัยขนาดใหญ่หมายถึง สถานีอนามัยทั่วไปจำนวนหนึ่งซึ่งถูกคัดเลือกให้พัฒนาขึ้นเป็นสถานีอนามัยขนาดใหญ่ในโครงการทศวรรษแห่งการพัฒนาสถานีอนามัย ซึ่งมีเป้าหมายจะพิจารณาสถานีอนามัยจำนวน
ประมาณ 1 ใน 5 ของสถานีอนามัยทั่วประเทศโดยคัดเลือกเลือกจากสถานีอนามัยซึ่งมีที่ตั้งอยู่ศูนย์กลางของชุมชน
ทั้งด้านการคมนาคมสภาพทางเศรษฐกิจและสังคม อันจะทำให้สามารถให้บริการแก่ประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงได้กว้างขวางกว่าสถานีอนามัยทั่วไป สถานีอนามัยขนาดใหญ่ จะมีบทบาทหน้าที่เช่นเดียวกับสถานีอนามัยทั่วไป แต่จะมีขีดความสามารถในการปฏิบัติงานบางอย่างสูงกว่า เช่น งานทันตกรรมพื้นฐาน ซึ่งยังไม่มีในสถานีอนามัยทั่วไป นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เสมือนพี่เลี้ยงสนับสนุนสถานีอนามัยทั่วไปที่กำหนดเป็นสถานีอนามัยลูกข่ายทั้งในด้านการบริการรับส่งต่อผู้ป่วย การบริหารและวิชาการ
หมายเหตุ พ.ศ. 2523 มีการจัดตั้งสถานบริการสาธารณสุขชุมชนในหมู่บ้านพื้นที่เป้าหมายเฉพาะแห่ง
ขึ้นกับสถานีอนามัยในตำบลนั้น ๆ