"ตาหัวฟู" ..เป็นชื่อเรียกที่เด็กๆ เรียกครูประจำชั้นของพวกเขา
อาซากุระ เคตะ ครูประจำชั้นประถมปีที่ 5 โรงเรียนแห่งหนึ่งในเขตนากาโนะ
ชายหนุ่มวัย 35 ผู้รักและชื่นชอบการดูดาว เฝ้ามองดวงดาว(ดวงแล้วดวงเล่า)
ชีวิตครูประถมหัวฟู ที่ไม่มีอะไรมากไปกว่าสอนหนังสือ จอดรถดูดาวยามค่ำคืน
ตื่นเช้ามาพร้อมกับการแก้โจทย์คำถามของเด็กๆ น่ารัก จอมวุ่นทั้งหลายที่ชอบแกล้งเขาอยู่ตลอดเวลา
แต่แล้วชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไป ..เมื่อพ่อและพี่ชายประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต
..คงเป็นเรื่องจริงที่ว่า ชีวิตของเขาจะไม่เปลี่ยนแปลงเลย
หากเพียงพ่อและพี่ชายของเขาไม่ได้เป็นนักการเมือง
แต่เพราะความจริงนั้น ทั้งพ่อและพี่ของเขาต่างก็เป็นนักการเมือง
อาซากุระ เคตะ จึงถูกชักชวน แกมบังคับให้เข้ามาบนเส้นทางสายนี้ อย่างไม่ทันตั้งตัว
...เส้นทางที่เขาไม่เคยเชื่อมั่น และไม่แม้กระทั่งคิดศรัทธา
เคตะ ไม่เชื่อมั่นในการเมือง ไม่เคยมีส่วนร่วม และไม่คิดที่จะใส่ใจ
เพราะสำหรับเขา..การรับรู้ว่านักการเมืองอย่างพ่อของเขาเองมีส่วนในการคอรัปชั่น
ก็กลายเป็นบาดแผลสำคัญสำหรับเขา ที่เลือกที่จะเดินออกจากบ้าน ตัดพ่อตัดลูกกันได้
แต่ด้วยความเป็นอาซากุระ เคตะ ผู้ซื่อสัตย์จริงใจ ยอมรับผิดและขอโทษต่อสิ่งผิดพลาดต่างๆ
ทำให้ประชาชนในฟุกุโอกะ บ้านเกิดและฐานคะแนนของพ่อและพี่ชาย ต่างเลือกเขาเข้าไปทำงานในสภา
ในฐานะ "ผู้แทนราษฎร" และเมื่อเขาก้าวเข้าสู่เส้นทางการเมือง...
เคตะ ไม่ต่างอะไรกับไก่อ่อนในสายตาของนักการเมืองอาชีพ เขี้ยวลากดินทั้งหลายที่วนเวียนอยู่ในสภา
และความเป็นไก่อ่อน นักการเมืองสมัครเล่นก็ทำให้เขาตกเป็นเหยื่อของนักการเมืองจอมเจ้าเล่ห์ในที่สุด
ตำแหน่งหัวหน้าพรรคญี่ปุ่นก้าวหน้า และเส้นทางสู่การเป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น
คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับชีวิตของอาซากุระ เคตะ
เวลาสั้นๆ จากผู้แทน สู่หัวหน้าพรรค และนายกรัฐมนตรี
ชีวิตเปลี่ยน โลกเปลี่ยน แต่เขากลับดำรงอยู่
สายตาที่จริงใจ คำพูดที่ตรงไปตรงมา ความคิดที่ซื่อสัตย์ ซื่อตรง
ท่าทีและรอยยิ้มที่เป็นมิตร คือ ภาพลักษณ์ของผู้ชายคนนี้
"อาซากุระ เคตะ"
"ผมเคยคิดเสมอว่า...สมาชิกรัฐสภา ก็แค่คนที่มาจากการเลือกตั้งและเป็นตัวแทนของประชาชน
และนายกฯ ที่ยืนอยู่ตรงหน้าทุกคน ก็เป็นแค่คนที่มีอำนาจมากที่สุดท่ามกลางประชาชนแต่ตอนนี้ความรู้สึกของผมเปลี่ยนไปแล้ว...ผมคิดว่า
สมาชิกรัฐสภา คือ คนที่ทำประโยชน์เพื่อประชาชน ผู้ที่เลือกเขาเข้ามา
และนายกรัฐมนตรี คือ คนที่ต้องทำงานหนักที่สุด เพื่อประโยชน์ของประชาชน
คือ ผู้ที่แบกภาระหน้าที่และความรับผิดชอบมากมายไว้บนบ่าคนที่ยืนพูดอยู่ท่ามกลางประชาชนและสัญญาว่าจะทำตามคำพูดนั้น...ยังไม่ใช่นักการเมืองที่แท้จริง
คนที่ยังไม่สามารถพูดในสิ่งที่ทุกคนเข้าใจได้นั้น...ยังไม่ใช่นักการเมืองที่แท้จริง
คนที่ทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเองมากกว่าความสุขของประชาชนนั้น...ยังไม่ใช่นักการเมืองที่แท้จริงและเหนือกว่าสิ่งใดทั้งหมด...
คนที่ไม่เคยรู้เลยว่าประชาชนชอบสิ่งใด ปราถนาสิ่งใด หรือมีความเชื่อแบบใด
คนที่ไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้เลย...เขาไม่สามารถเป็นนายกฯ ที่ดีได้มีคนมากมายที่เป็นแบบนั้น ที่ผมเคยเจอในแวดวงการเมือง
ถ้าการก้าวมาเป็นนักการเมือง หมายถึง การต้องทำตามกฏของคนพวกนั้น
ผมก็ไม่ต้องการที่จะเป็นนักการเมือง
ผมสัญญาว่า...
ด้วยสองตาของผม ผมจะมองปัญหาที่เกิดขึ้นและแก้ไขมันให้ถูกต้อง
ด้วยสองหูของผม ผมจะรับฟังทุกปัญหาแม้ว่ามันจะแผ่วเบาเพียงใด
ด้วยสองขาของผม ผมจะวิ่งเข้าไปแก้ปัญหาโดยไม่ลังเล
ด้วยสองมือของผม ผมจะทำงานด้วยพลังทั้งหมดของผมและทั้งหมดนี้ ก็เพื่อประเทศของเรา
ผมจะทำทุกสิ่ง...ทำทุกสิ่งด้วยพลังทั้งหมดที่ผมมี"
อาซากุระ เคตะ เขาอาจจะมีอยู่จริง หรือไม่มีก็ตามแต่
แต่เรากำลังรอคุณอยู่..
ช่วยปรากฎตัว และเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ทีได้ไหมคะ?
ไม่มีความเห็น