คืนนี้... ผู้เขียนได้รับอาราธนานิมนต์ไปแสดงธรรมงานศพ
คุณแม่นิภา บุญอาษา ที่วัดหงษ์ประดิษฐาราม (วัดคอหงส์ หาดใหญ่) ซึ่งเป็นโยมแม่ของท่านมหาสุพจน์ ปิยมิตรของผู้เขียน และผู้เขียนก็ได้รับการบอกกล่าวล่วงหน้าแล้วว่าจะถวายตู้เย็นติดกัณฑ์เทศน์...
ผู้เขียนตกลงกับท่านมหาสุจน์และท่านมหาสำราญไว้หลายวันแล้วว่าจะไปเข้าปริวาสกรรมที่เขาหลง... แต่อาทิตย์ก่อน โยมป้าคนหนึ่งของผู้เขียนได้ถึงแก่กรรม และทางเจ้าภาพก็ได้นิมนต์ผู้เขียนไปเทศน์ในฐานะเป็นหลาน ทำให้ผู้เขียนยังไม่ตกลงใจว่าจะไปเข้าปริวาสกรรมหรือไม่... อีกสองวันต่อมา น้องสาวของท่านโทรมาบอกว่าคงจะไม่ได้ไปเพราะโยมแม่ของท่านล้มป่วยหนักกระทันหัน และตอนเย็นประมาณห้าโมงของวันนั้น ท่านมหาสุพจน์ก็โทรมาบอกเรื่องราว และบอกว่ากำลังนิมนต์พระไปเจริญอายุโยมแม่ ผู้เขียนจึงบอกว่าให้นิมนต์ผู้เขียนด้วย จะได้ถือโอกาสไปเยี่ยม เมื่อท่านตกลงผู้เขียนก็ห่มจีวรแล้วก็รีบขึ้นรถโดยสารไปหาดใหญ่...
เมื่อไปถึงบ้านของท่าน โยมแม่ของท่านนอนนิ่งอย่างสงบ ใบหน้ายังคงเอิบอิ่ม ไม่บ่งบอกว่าทุกข์ทรมาน... ฟังจากญาติของท่านว่า เมื่อวานตอนเช้าท่านก็ยังคงใส่บาตรและเล่านิทานให้ฟังอยู่ พอตกตอนเย็นก็ล้มนอนลง แล้วก็ไม่ลุกขึ้นอีกเลย จนกระทั้งเดียวนี้... ส่วนก่อนหน้านั้น ท่านมหาสุจน์เล่าให้ฟังว่า โยมแม่เป็นมะเร็งตับ หมอว่าอยู่ได้น่าจะไม่เกินสามปี และต่อมาหมอก็บอกว่าอยู่ได้ไม่น่าจะเกินสามเดือน...
ว่าด้วยวิทยาการสมัยใหม่ ฟังว่าเค้าจะทำเคโม (เรียกทำนองนี้แหละ ไม่มีความรู้เรื่องนี้) ซึ่งตามที่เคยเห็นนั้น ผู้ป่วยจะทรมานมากกว่าจะสิ้นลม ท่านมหาสุจน์และบรรดาญาติมีความเห็นร่วมกับท่านว่าไม่ต้องทำ จะอยู่ไปเรื่อยๆ ปลูกต้นไม้ สวดมนต์ ใส่บาตร ไปตามปกติ ซึ่งท่านก็สามารถเป็นอยู่ได้อย่างนั้นจริงๆ จนกระทั้งมาล้มลงนอนอย่างสงบให้ลูกหลานได้เฝ้าดูใจอยู่ ๒-๓ วัน แล้วก็จากไปตามธรรมดา...
วันที่ไปเจริญอายุตอนที่ท่านเพิ่งล้มนั้น ผู้เขียนก็พูดว่า ท่านนอนนิ่งอย่างสงบ ใบหน้าเอิบอิ่ม ท่านคงจะหมดกังวล เมื่อนึกถึงบางคนที่ก่อนตายต้องทุกข์ทนทรมาน นับว่าโยมแม่นิภาเป็นผู้มีบุญในบั้นปลายชีวิต และบุญนี้ยังแผ่ไปยังบรรดาลูกหลานที่ห่วงใยเฝ้าท่านอยู่... ทำให้นึกถึงบางคนนอกจากทุรนทุรายไม่จากไปแล้ว บรรดาลูกหลานก็พลอยเศร้าโศก หดหู่ คล้ายกับมีเวรมีกรรมไปด้วย... และคืนนี้บนธรรมาสน์ ผู้เขียนก็ได้ปรารภเรื่องนี้อีกเล็กน้อย...
สำหรับธรรมเทศนาในวันนี้ ผู้เขียนก็ได้ขึ้นหัวข้อธรรมว่า...
แล้วก็ตั้งคำถามว่า เราเชื่อหรือไม่ว่า ผลกรรมชั่วทำให้ตกนรก ผลกรรมดีพาไปสู่สุคติโลกสรรค์... ชาติหน้าและผีส่างเทวดามีจริงหรือไม่ ?... เรื่องทำนองนี้ มิใช่ปัจจุบันเท่านั้น แม้แต่ครั้งพุทธกาลก็มีผู้สงสัยแล้ว โดยได้นำการโต้แย้งระหว่างเจ้าปายาสิกับพระกุมารกัสสปเถระในปายาสิราชัญญสูตรมาเล่าโดยย่อ ซึ่งทั้งหมดมี ๙ ประเด็นที่ถกเถียงกัน (เคยเล่าไว้ คลิกที่นี้) และก็สรุปว่า แม้ว่าผลกรรมดีกรรมชั่วในชาติหน้านั้น เราไม่อาจยืนยันได้ แต่ผลประจักษ์ในชาตินี้ บางอย่างเราสามารถยืนยันได้ โดยได้ยกอานิสงส์ของการจัดงานศพ ๔ ประการ ในติโรกุฑฑสูตร มาเป็นตัวอย่าง กล่าวคือ
และนี้คือ สิ่งที่เราสังเกตได้เชิงประจักษ์จากการจัดงานศพ โดยไม่จำเป็นต้องรอชาติหน้า...
อนึ่ง นอกจากตู้เย็นแล้ว ไทยธรรมอย่างอื่นก็มีผ้าไตรและปัจจัยตามธรรมเนียม แต่ผู้เขียนก็ทำบุญคืนทั้งหมด ยกเว้นตู้เย็น ซึ่งท่านได้ให้ญาติบรรทุกรถกะบะมาส่งและติดตั้งให้เรียบร้อยหน้าห้อง ก่อนที่ผู้เขียนจะมาเขียนบันทึกนี้...
ท่านมหาสุพจน์และท่านมหาสำราญ พร้อมบรรดาญาติของท่าน ระยะหลังนี้ มักจะแวะเวียนมาเที่ยวที่กุฏิของผู้เขียนเสมอ โดยจะนำข้าวปลาอาหารมา หลังจากพระฉันเสร็จ บรรดาญาติโยมก็ร่วมกันรับประทานอาหาร... แต่ว่า ผู้เขียนไม่มีตู้เย็น จึงไม่มีน้ำเย็นฉันหรือดื่ม บางโอกาสจึงมีการพูดหยอกล้อกันว่า จะซื้อตู้เย็นมาถวายจะได้ฉันน้ำเย็น เป็นต้น...
ท่านมหาสุพจน์และบรรดาญาติของท่านจึงถือโอกาสนี้ นิมนต์ผู้เขียนไปเทศน์เพื่อจะได้ถวายตู้เย็นอุทิศส่งไปให้คุณแม่นิภา บุญอาษา และต่อไปจะได้ฉันหรือดื่มน้ำเย็นๆ เป็นต้น เมื่อมาเยี่ยมผู้เขียน...
ขอบุญกุศลในครั้งนี้ จงสำเร็จผลต่อ คุณแม่นิภา บุญอาษา ในสัมปรายภพ สมตามความปรารถนาของบรรดาลูกๆ หลานๆ เทอญ
อนุโมทนาสาธุครับ ทั้งในส่วนธรรมเทสนามัยของท่านอาจารย์ และทานมัยของท่านมหาสุพจน์และญาติโยม คงเหมาะแก่กาลนะครับ อากาศกำลังเริ่มร้อนพอดี
เช้านี้... ตื่นมา มีตู้เย็นวางอยู่หน้าห้อง คล้ายๆ กับมีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาในชีวิต คงต้องปรับตัวอีก ๒-๓ วัน กว่าจะเริ่มชิน...
อามันตา
ยุทธศักดิ์ ว.
ปกติก็ชอบฉันน้ำร้อนมากกว่าน้ำเย็น แต่เมื่อมีตู้เย็นก็ต้องเฉลี่ยกันไป ร้อนบ้างเย็นบ้าง (5 5 5...)
อย่างไรก็ตาม แม้จะสะดวกสบายกว่าแต่ก่อน อาตมาก็ยังมีความรู้สึกว่า ชีวิตในวัดเมื่อยี่สิบปีก่อน น่าเป็นอยู่กว่าปัจจุบัน...
เจริญพร