บทเรียนจาก Casino (Chol and the Casino)


กลายเป็นว่า เรือ่งกำไรนี่ มันสำคัญที่ว่า เราจะรู้จัก “หยุด” หรือ “พอ” เมื่อไหร่ต่างหาก

 

วันนี้ได้ไปออกแรงช่วยน้องปุ๋ยย้ายบ้าน เสร็จแล้วจึงไปทานข้าว และหลังจากนั้นพวกน้องๆก็พาไปลองเล่นที่ Casino ใน City Center 

 

รอบนี้เป็นรอบแรกของผม ลองไปเล่น รูเล็ตกับ  Slot Machine เอาเข้าจริงๆก็ไม่รู้มันเล่นยังไงหรอกนะ ลองใส่ไปยูโร สองยูโร  พยายามคิดหาวิธีที่จะทำให้ความเสี่ยงต่ำและคุ้มทุน หรือพูดเป็นภาษาเศรษฐศาสตร์ก็คือ พยายามจะหา Dominant Strategy สำหรับการเล่นรูเล็ต แต่มันก็ได้บ้างไม่ได้บ้างไปตามเรื่อง แต่ที่แน่ๆคือ Rate of Return นี่ต่ำลงเรื่อยๆ ซักพักเลยเลิกเล่น  เสียไป 4 ยูโรหลังจากหักลบกลบหนี้แล้ว จากนั้นก็ไปลองเล่น Slot Machine ด้วยความมั่ว ใส่ไป 2 ยูโร กดไปกดมา ปรากฎว่า เงินมันหล่นออกมา 7 ยูโร เลยลองอีกที ใส่ไป 2 ยูโร ทีนี้มันออกมาแค่ ยูโรเดียว ก็เลยเลิก เพราะว่า คุ้มทุนพอดี

 

ระหว่างนั้นมีป้าคนไทยคนนึงเดินเข้ามาคุยด้วย จริงๆเห็นป้าแกตั้งแต่เข้ามาแล้วแต่ไม่ได้ทักทาย ป้าแกก็คงสังเกตอยู่เหมือนกัน ซักพักแกก็เข้ามาแนะนำ บอกว่า ถ้าเล่นไม่เป็นอย่าเล่นดีกว่า เพราะมันกินตังค์ ป้าแกเชี่ยวชาญในเรื่องบ่อนมาก สงสัยอยู่มานานและเข้าบ่อยมากๆ ปัญหาคือ เวลาแกอธิบายซักพักแกจะพูดดัชต์ และก็ดูจะไม่สามารถเปลี่ยนเป็นเวอร์ชั่นภาษาไทยได้ โดยเฉพาะในเรื่องบ่อนนี่ 

 

แต่ที่จับได้ชัดๆก็คือ แต่ละบ่อนเค้าจะต้ังเครื่องมือไว้ไม่เหมือนกัน แต่ pattern  อาจจะคล้ายๆกัน คือ แรกๆเค้าก็จะให้เราเล่นให้ได้ใจก่อน และเล่นต่อ แต่หลังจากซักพัก มันจะเริ่มออกแบบเบี่ยงหลบ คือ คล้ายกับว่าเครื่องมันเรียนรู้ pattern การวางเดิมพันและการเดาของเรา รวมถึงมันคำนวนตอนที่ทุกคนวางเดิมพันไปแล้ว และก็หลบทุกๆ choice ที่ทุกคนเลือก และก็กินตังค์ของทุกคนไปตามระเบียบ แต่ว่าความโหดของการหลบหลีกของเครื่องก็ขึ้นกับแต่ละที่ด้วย บางที่เอาตังค์อย่างเดียวเลย บางที่ให้เราได้บ้างพอใจชื้น 

 

ผมค่อนข้างทึ่งกับคนที่คิดเกมส์พนันพวกนี้พอควรทีเดียว เพราะมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย อย่างน้อยในความสามารถของผม ที่เราจะสามารถหา Dominant Strategy สำหรับการเล่น เพราะไม่ว่าจะคำนวนทางไหนอย่างไร ถ้าไม่เท่าทุนพอดี ก็จะขาดทุนอยู่ดี ทางเดียวคือ ถ้าไม่เป็นเจ้าบุญทุ่ม เสี่ยงมากได้มาก ก็ต้องเดาอย่างเดียว และยิ่งถ้าเจอเครื่องแบบกินตังค์อย่างที่ว่าแล้วละก็ ยากนักที่จะได้ทุนคืน อย่าว่าแต่กำไรเลย  

 

กลายเป็นว่า เรือ่งกำไรนี่ มันสำคัญที่ว่า เราจะรู้จัก “หยุด” หรือ “พอ” เมื่อไหร่ต่างหาก ถ้าเรารู้จักพอเมื่อเราได้ และก็หยุดเล่นในตอนที่เรามีกำไร แม้จะเล็กน้อยแล้วก็ตาม เราก็ได้กำไรชัวร์ แต่ก็อาจจะเสียโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนมากกว่านี้ แต่ผลตอบแทนที่ว่าก็มีความเป็นไปได้ที่ต่ำพอควร ... ตรงจุดนี้ล่ะ ถ้าความอยากชนะเราเมื่อไหร่ล่ะก็ ได้ถลำตัวไปลึกและก็เสียมากขึ้นแน่ๆ เมื่อเสียก็อยากจะได้คืน ... ถ้าได้ก็จะอยากลองให้ได้มากกว่าเดิม ก็จะวนเวียนอย่างนี้ไม่จบไม่สิ้น เข้าอารมณ์ผีพนันเข้าสิงเลยทีเดียว 

 

คนที่เล่นพนันบ่อยๆเท่าที่สังเกตคนที่เล่นแบบเซียนๆในร้าน ผมไม่เห้นใครมีหน้าตามีความสุขซักคน ทุกคนจะอยู่ในภาวะเครียดแบบกดๆ ตลอดเลย หน้าจะดูหมองๆชอบกลด้วย ตัวผมเองลองสังเกตตัวเองตอนอยู่ใน Casino ก็รับความเครียดของสถานที่ได้อย่างชัดเจนถึงกับทำให้หัวตึ้บๆเลยทีเดียว ไม่ดีกับสุขภาพจริงๆ 

 

จากนี้ผมก็เรียนรู้ว่า อย่าไปเข้าเลย Casino เพราะการได้เงินที่มีความแน่นอนกว่านั้นด้วยกำลังแรงกายของเรามีอีกตั้งหลายทางเลือก สภาพจิตใจเราจะดีด้วย พระท่านว่า การทำงานและได้ผลจากกำลังของเราเองนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้คนธรรมดาอย่างเราๆมีความสุขอย่างหนึ่ง  

 

นอกจากนี้ พระท่านยังว่า การพนันเป็น “อบายมุข” อีกด้วย  “อบาย” แปลว่า ที่ต่ำ ความเสื่อม  “มุข” คือ ประตู  อบายมุข คือประตูสู่ความเสื่อมนั่นเอง เสื่อมในทรัพย์ และเสื่อมในเรื่องอื่นๆด้วย เช่นเรื่องสุขภาพเป็นต้น   นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มโอกาสให้เราทำผิดศีลอีกด้วย สืบเนื่องมาจากเมื่อเล่นพนันแล้ว ความโลภมันถูกกระตุ้น  ความคาดหวังที่ไม่ได้รับการตอบสนองก็ไปกระตุ้นโทสะ สภาวะอย่างนี้เสี่ยงมากต่อการไปมีเรื่องมีราว ที่จะทำให้ผิดศีลข้อ 1,2, และ 4 คือ อาจจะไปทำร้ายหรือฆ่าใคร , อาจจะไปขโมย ไปโกงใคร และต้องมาโกหกได้ ซึ่งเรื่องเหล่านี้จะนำไปสู่ความลำบากและความทุกข์อันสลับซับซ้อนอีกมากมาย ...​

 

ฉะนั้นอย่าไปที่ประตูเลยจะดีกว่า 

 

เรื่องนี้อาจโยงไปถึงสมัยก่อนที่มีข่าวว่า รัฐบาลจะเปิดบ่อนแบบทางการเพื่อเอาตังค์จากนักท่องเที่ยวหรืออะไรก็ตาม ถ้าลองเชื่อมประสบการณ์วันนี้กับเรื่องนี้ ผมคิดว่า รัฐบาลไม่ควรเปิดบ่อน เพราะเป็นการเอาประตูความเสื่อมมาวางเอาไว้อย่างโจ่งแจ้งเลย คือ แต่เดิมมันมีอยู่ก็จริง แต่แอบๆอยู่ ก็ให้มันแอบๆไว้ก็น่าจะดีอยู่ การเปิดบ่อนอย่างเป็นทางการนอกจากจะเป็นการเปิดทางให้คนไปสู่ความเสื่อมมากขึ้นแล้ว ผมว่าประเทศชาติก็จะเสื่อมตามไปด้วย 

 

น่ีไม่ใช่เฉพาะบ่อนเพียงเท่านั้น แต่รวมถึง โรงงานยาสูบ สนามม้า และหวยด้วย  การที่รัฐบาลเป็นคนขายตัวที่ประตูอบาย เอาเงินไปใช้ “พัฒนา” ประเทศเนี่ย มันมีค่าเสียโอกาสเยอะเหมือนกันนะครับ  เวลา, ทรัพยากร ทั้งในเชิงสุขภาพ,ตัวเงิน และอื่นๆ ที่คนใช้ไปกับกิจกรรมเหล่านี้ สามารถเอาไปทำกิจกรรมอื่นๆที่มีผลิตผลทางเศรษฐกิจได้ ก็เสียไปกับสิ่งเหล่านี้  

 

นอกจากนี้ พอรัฐบาลวางใจว่าอย่างน้อยได้เงินจากตรงนี้มาง่ายๆ ผมว่ามันก็ลดแรงจูงใจ ลดแรงกระตุ้นของรัฐบาลที่จะพัฒนาประเทศอย่างจริงจังด้วยครับ เพราะว่า หากไม่มีเงินในส่วนนี้ รัฐบาลจะต้องมองเรื่อง Tax อย่างจริงจังมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อการกระจายรายได้ของประเทศ รัฐบาลจะต้องมองเรื่องนโยบายเศรษฐกิจ นโยบายการศึกษาให้มากขึ้นและจริงจังกว่าเดิม เพราะว่า รัฐบาลก็ต้องพยายามทำให้เศรษฐกิจโต ทำให้คนมีงานทำ ให้คนทำธุรกิจได้ผลสำเร็จ เพื่อจะได้มีการจ่ายเงินภาษีเข้ามาดำเนินกิจกรรมอื่นๆของรัฐ

 

ตอนนี้กลายเป็นว่า บุหรี่ สนามม้า และหวยเป็นสิ่งที่ไปแตะไม่ได้เสียแล้ว เพราะประตูอบายพวกนี้มันฝังลึกลองไปในแผ่นดินเสียแล้ว คนจำนวนมากขึ้นผูกวิถีชีวิตไว้กับสิ่งเหล่านี้เสียแล้ว ต้นทุนมันมากเหลือเกินในการรื้อถอนประตูอบายเหล่านี้  และรัฐเองก็ยังไม่พร้อมที่จะหาแหล่งงบประมาณใหม่ที่มีความยืดหยุ่นสูงเสียด้วย 

 

ฉะนัั้นผมว่าที่มันมีอยู่แล้วก็คิดหาทางแก้กันต่อไป แต่ที่มันยังไม่มีก็อย่าให้มันมีเลยครับ ...เวรกรรมมันมีจริงเน้อ

 

หมายเลขบันทึก: 245417เขียนเมื่อ 28 กุมภาพันธ์ 2009 05:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 เมษายน 2012 02:04 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท