ในรอบอาทิตย์นี้ เวลาเดินออกจากหอพักไปที่ทำงานซึ่งย้ายลงไปอยู่ในหุบเขาที่มีเนินเขา (hills) ล้อมรอบ ...เคยดูหนังเรื่องหนึ่งที่ชาวบ้านพยายามขนดินมาเติมยอดให้เนินเขาเป็นภูเขา (mountain) โดยกำหนดด้วยความสูง...รู้สึกได้ถึงความผิดปกติของอากาศรอบข้าง ทำไมหนอภูเขาที่ดูไกลๆ ถึงดูไม่สดใส ดูมัวซัวชอบกล แต่ก็ดูสวยไปอีกแบบ บอกตัวเองตามประสา คนพยายามสอนตัวเองให้เป็นคนมองโลกในแง่ดี (เข้าไว้)
เมื่อ 2-3 วันก่อนเข้าบล็อกโอเคเนชั่น เจอบล็อกเกอร์เขียนเรื่อง หมอกควันที่ลำปาง บ้านเราเอง เมื่อวานเจอบล็อกเกอร์อีกท่านนึงของโอเคเนชั่นอีกแหล่ะเขาบอกว่า ดอยสุเทพหายไปเพราะหมอกควัน อ้าว บ้านเราอีกแล้ว เจอปัญหาเดียวกัน เลยเริ่มรู้สึกตัวเองว่า เอ วันสองวันนี้เราจามสุดๆ มาทั้ง เย็นและ เช้า พอมาวันนี้อากาศแสบตา คัดจมูกรุนแรงขึ้น เอ รึจะเป็นผลพวงจาก เงาขาวๆ คล้ายหมอกแต่เป็นควัน รึเปล่านะ เพราะมาอยู่ที่พะเยา ออกกำลังกายทุกเช้าทุกเย็น จากการเดินขึ้นเขาลงเขาไปทำงาน ถ้าไม่มีเวรเย็นก็จะเดินขึ้นบันไดวันละไม่ต่ำกว่า 151 ขั้น รวมกับบันไดที่หอก็น่าจะเกิน 160 ขั้น ไม่น้อยนะนั่น น่าจะพอสู้กับหวัดได้สบายๆ แต่ทำไมน้า ถึงจามได้ขนาดนั้น
เช้านี้ก็เช่นกัน ตื่นมาก็จามติดๆ กันซะ 2 ที ชนิดที่ฝรั่งต้องอุทาน God bless you ไม่ทันแน่ๆ เดินออกจากหอพัก เช้านี้จึงพินิจพิเคราะห์อากาศรอบตัวอีกครั้งอย่างตั้งใจ พบว่า อากาศมันมัวซัวอย่างที่ว่าจริงๆ ด้วย ภูเขาที่ไกลออกไปเห็นม่านสีขาวทาบทับเหมือนตอนไม่ได้ใส่แว่นสายตา ไอ้ที่บอกตัวว่าสวยไปอีกแบบวันก่อนๆ เริ่มแอบวิตกกังวลกับบรรยากาศชีวิตซะแล้วสิว่าไอ้ที่จามๆ อยู่นี่สาเหตุเกิดจากอะไรกันแน่ หวังว่าจะแค่ติดหวัดธรรมดาๆ นะ ไม่อยากมีส่วนร่วมสร้างสถิติโรคทางเดินหายใจจากหมอกควันในอากาศเลย และที่สำคัญที่ห้องสมุดซึ่งปกติทุกเช้าจะเปิดหน้าต่างรับอากาศเย็นๆ สดชื่นๆ แล้วค่อยปิดหน้าต่างเปิดแอร์หลังเที่ยงไปแล้ว ก็ต้องปิดหน้าต่างเปิดแอร์แต่เช้าเพื่อให้สมาชิกได้อาศัยหลบหมอกควันซะละมั๊ง ไม่ดีเลย นอกจากไม่แก้ปัญหาแล้วยังเหมือนซ้ำเติมให้อากาศรอบข้างมีอาการหนักขึ้นจากการใช้แอร์ซะอีก เฮ้อ จะแก้ปัญหานี้ยังไงดี
จบเรื่องนี้ง่ายๆ ด้วยการขอร้องทุกท่านหากมีโอกาสแวะมาที่บล็อกนี้ ขอความกรุณาช่วยกันลด ละ เลิก การใช้พลังงานเกินความจำเป็น อย่าเผาขยะหรือใบไม้แห้ง อย่าสูบบุหรี่ (อันนี้ขอเพื่อตัวเองและโลกได้ผลประโยชน์ร่วม) และถ้ามีโอกาสปลูกต้นไม้แทนที่จะตัดกันบ้างนะคะ