Letter from Dad to son..“The more study the more stupid”


All of your studying time shall be spend on learning, playing sports and Arts. That would be the balance of your life according to your school’s philosophy ; Play and Learn and discipline.

19.02.09
Dear Phu,


       
The more study the more stupid

       You might know that our learning system in Thailand was like my above wording as per the research in newspaper;  they found that only 27 % of Thai children want to read  books. And 62 % of kids feel that they don’t want to go to school.

        Why? And from this research they found that more than 7 hours of time was spent on the computer game or games.

        Please go back to my first statement. I do believed that it would not be happen to you and your friends, according to your school's regulation which is strict to the  computer game and games. All of your studying time shall be spend on learning, playing sports and Arts. That would be the balance of your life according to your school’s philosophy ; Play and Learn and discipline.

      Therefore, I do believe that you will not be as the first sentence of this letter. Because you want to learn and feel hungry to know more, right? my dear son.

        If you are interested in something you like, please try to read and learn more by yourself. Explore it in everything and everywhere you need to know in your school or ask your teachers and focus on it closely. On the same way you have done in English.

        We, Mom and Dad encourage you to think differently in the way you are. It’s not necessary to duplicate, imitate or do something as it is a fashion.

No one too old to learn, Phu, including me, 555.

         One more important thing, you know that from the Bible, the computer is the beast or devil as it was said in Verse 18 “ Here is wisdom, Let him who has understanding calculate the number of man: his number is 666 ”

        Then please calculate the computer numbers from;
A=1 to Z=26:
C=3, O=15, M=13, P=16, U=21, T=20, E=5, R=18 then multiply with 6 for every single Lumber and plus all together.
C=3X6=18, O=15X6=90, M=13X6=78, P=16X6=96, U=21X6=126, T=20X6=120, E=5X6=30 and R=18X6=108
Then please bring all member to plus altogether, it shall be =666.


          Therefore, you know that the end of the day the computer will destroy the world (Doom day or Apocalypse); do you believe that, don’t you?

           Human is giving more to the computer then one day they won’t control it anymore???

              Finally, please use your time for more reading.

 
         We love you, Dad and Mom.            

หมายเลขบันทึก: 243360เขียนเมื่อ 19 กุมภาพันธ์ 2009 23:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 ตุลาคม 2013 01:17 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

แนะนำเพิ่มว่าน้องภูควรใช้ notebook แทนจะปลอดภัยกว่า เพราะบวกแล้วได้ 95 อิ อิ ถ้าจะให้ดีที่สุดควรเป็น notebook แบบที่เป็นเล่มๆ แล้วเขียนได้ นั่นล่ะแจ่ม no virus, no spam ด้วย ; P

อ่านแล้ว ดีใจที่โรงเรียนของเด้กน้อยที่บ้าน ให้เล่น เล่นแฝงการเรียนรู้ และทำพวกศิลปะเยอะค่ะ เด็กๆชอบไปโรงเรียน

 

Pถ้าจะให้ดีที่สุดควรเป็น notebook แบบที่เป็นเล่มๆ แล้วเขียนได้ นั่นล่ะแจ่ม no virus, no spam ด้วย ; P

*****  *****  *****  *****   ***** 

คือของขวัญวันแห่งความรักที่แม่ซื้อให้เขาค่ะ

P  นึกถึงเพลงที่ลูกชอบร้องค่ะ

"โรงเรียนของเราน่าอยู่ คุณครูใจดีทุกคน เด็ก ๆ ก็ไม่ซุกซน พวกเราชอบไปโรงเรียน ชอบไป ชอบไปโรงเรียน"

 

ส่วนตัวแม่ ไม่ได้มีความคิดคล้อยตามจดหมายฉบับนี้ หรือ การวิจัยอะไรที่เกี่ยวกับการศึกษาไปเสียทุกข้อหรอกค่ะ

น้องเองมีความสุขกับการไปโรงเรียน ตั้งแต่เล็ก ๆแล้ว
โดยเฉพาะเมื่อ พ่อและแม่บอกเราสั้น ๆ ว่า ไม่ไปเรียนก็มาช่วยทำงาน

ตอนเด็ก รู้สึกค่ะ ว่าทำงานมันยากกว่าเรียน

ถึงตอนนี้ รู้ไปอีกขั้นหนึ่งว่า ทำงาน เรียน ถ้าเป็นเรื่องที่เราสนใจ ชอบ มันก็ไม่มีอะไรยาก หรอกนะคะ

คุณพี่ว่า จริงมั้ยคะ

 

ผมคลับคล้าย คลับคลาว่า นักปรัชญา ท่านหนึ่งเขียนเกี่ยวกับ ประเด็นนี้...

ผมมองว่า ระบบการศึกษาสมัยใหม่ใจแคบ กดมิติให้คนมองเเคบ รวมถึงจำกัดโอกาส - ศักยภาพของคน

------------------------------

วันนี้เอา ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษมาอ่านทวน ระหว่างนั่งรอเครื่องที่ดอนเมือง น้องที่ทำงานถามว่า พี่ยังอ่านแบบนี้อยู่เหรอ  (เขาหัวเราะ) ผมก็บอกว่าอ่าน เพราะ TOEFL ผมไม่ผ่าน ไวยากรณ์ผมไม่ค่อยดี

นี่เป็นอีกตัวอย่างเล็กๆที่ เป็นมาตรฐานแบบใจเเคบของระบบการเเข่งขัน ที่เราต้อง ตามก้นต่างชาติ..

:(

 

"Wie geht es ihnen?" = How are you?

*********           *********

พี่คิดว่า น้องเอกอย่าเพิ่งน้อยใจ พี่ก็(ทดลองสอบ)สอบไม่ผ่าน TOEFL เช่นกันค่ะ
คิดว่าก็ลองใหม่ ลองใหม่ไปเรื่อย ๆถ้าจำเป็นต้องใช้ ถ้าไม่จำเป็นต้องใช้ ก็ไม่สอบ(ใครจะทำไมเราได้)

เราเป้นคนไทยนี่..

แต่เรื่องภาษาอื่น ๆ จีน(นิด) เยอรมัน(หน่อย) เราอยากเรียน เราก็ซื้อวัตถุดิบมาเรียนรู้

พี่คิดว่า คุณพ่อของลูกเขาเขียนจดหมายฉบับนี้ เพื่อพยายามบอกลูกแหละค่ะ ว่าถ้าเราอยากรู้อะไร ขอให้เสาะหาเรียนรู้เอาเอง..อย่างกระหาย

ไม่ต้องรอให้ใครบังคับ หรือคิดทำตามคนอื่น ๆ

เพราะเราเคยเห็นแล้วว่า เมื่อเขาอยากรู้ภาษาอังกฤษ เขาเรียนเองเกือบ70-80%  ผลที่ได้ดีกว่าวิชาที่เขา เฉย ๆ ชัดเจน

พี่เอง(แม่)ยังไม่ใจถึงเท่าพ่อค่ะ เรายังพร่ำสอนว่า เราก็ต้องทำการบ้าน เรียนและหมั่นฝึกฝนวิชาให้ทั่ว ๆ ทุกวิชาก่อน

เพราะเมื่อถึงเวลา เราจะสามารถดึงเอาความรู้มาใช้ได้

หมายถึง เรียนแบบให้รู้ว่า เราต้องได้ใช้ประโยชน์ ไม่ใช่เพราะถูกบังคับ ไม่ใช่เพราะเพื่อคะแนน

 

กำลังตะล่อมอยู่ค่ะ

ท่าทาง ไม่ง่าย..

 

ปิดเทอมใหญ่นี้ ความต้องการของลูกเองร้อยเปอร์เซ็นต์ค่ะ

1.เรียนภาษาอังกฤษ

2.เรียนภาษาญี่ปุ่น

3.ว่ายน้ำ(ไม่เรียน ขอฝึกเอง)

 

ได้ผลอย่างไรมาเล่าค่ะ

แม่ต้องเรียนไปกับลูก ปัญหาคือ แม่รู้น้อยกว่าลูก (แหะ แหะ) โดยเฉพาะการพูดสำเนียงปะกิด เฮ้อ

เริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่น สนุกดี

โอไฮโอ โกไซมัตสึ

คอนนิจิวะ

คอน(ม)มังวะ

 

ใครรู้อีกสอนบ้างค่ะ

บันทึกนี้ น่ารักจังค่ะ...

มาเติม คำสำคัญหน่อย เห็นน้องสี่ซี่ว่าเข้าข่าย แต่เป็นแบบชนิดอะไร..น้า...ลืมไปแล้ว

คน สว ก็ยังงี้แหละค่ะ

ชอบประโยคนี้ค่ะ

 

hungry to know more....แค่ประโยคนี้ของพ่อที่เขียนสอนลูก พี่ว่าอ้อม ๆ แอ้ม ๆ ใส่ได้น่ะนะ Digital divide

วันนี้ระหว่างเดินทางไปทำงาน คุณลูกให้ความรู้แม่เชย ๆ อย่างเราอีก เกี่ยวกับเรื่อง E-book

เคยได้ยินแต่ไม่เคยเห็น

ปรากฎว่า เขาสองคนพ่อ-ลูกงุบงิบซื้อมาเรียบร้อย

เรื่อง Tin  tinและ...อะไรอีกบ้าง พ่อเอาไปก่อน

เขาคุย(ตะล่อม)กับแม่..ผู้ซึ่งค่อนข้างประกาศตัวชัดเจนในบ้านว่า อย่างไรเสียแม่ก็ยังนิยมชมชอบหนังสือเล่ม ๆ และการค้นคว้า คำศัพท์ ความรู้ จากหนังสือมือ มันคลาสสิคกว่า และมันสามารถทำให้เราค่อย ๆ ซึมซับเอาความรู้เข้าตัว ค่อย ๆ ได้ศัพท์เพิ่ม ได้หัวข้อน่าสนใจเพิ่ม..อย่างละเลียด

บางครั้งแม่ก็ กำชับเพิ่มไปด้วยว่า "ถนอมสายตากว่า"...อิ อิ

เขาคุย(ตะล่อม)กับแม่..ว่า แม่ครับ น้องรู้ว่าแม่ชอบอ่านเป็นเล่ม ๆ

น้องก็ชอบนะ หลักฐานมีอยู่รายรอบเตียงเขาค่ะ ทั้ง Tin tin, วานวาน, จิมมี่ เหลียว, แฮรี พอตเตอร์..เอ..ลูกเราชอบอ่านหนังสือของนักเขียนต่างชาติแฮะ...(เขาอ่านฉบับภาษาอังกฤษนะ..ไปไกลกว่าแม่หลายขุม)  แต่น้องคิดว่า ในบางครั้งถ้าเกิดเราต้องเดินทางอย่างพ่อ แม่จะให้พ่อเขาถือหนังสือ สิบกว่าเล่ม หรือให้ถือแผ่นดิสค์ บาง ๆ สิบแผ่น

เห็นมั้ยแม่ ทุกสิ่งทุกอย่างมันมีข้อดี-ข้อเสีย จุดเด่นในตัวต่าง ๆ กัน

แล้วแต่เราเลือกใช้ให้เข้าสถานการณ์นะ แม่

เข้าท่า..เหมือนกันนิ จึงนำความคิดเด็ก(ใกล้ทีนเอจ)มาฝาก ค่ะ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท