DW หรือประชุมเชิงปฏิบัติการ ครั้งที่ 1/2552 ของสำนักงานเกษตรจังหวัดพัทลุง จัดที่ร้านอาหารโพธิ์เรียง อำเภอปากพะยูน เป็นอำเภอที่ไกลจากตัวจังหวัดที่สุด สำนักงานเกษตรอำเภอตั้งอยู่บน (ภู) เขา มองลงไปเห็นทะเลสาบสงขลา (ในเขตพัทลุง) แต่ไม่มีภาพมาให้ชม เพราะไม่มีกล้องถ่ายรูป เดี๋ยววันหลังจะนำมาให้ชม
ในภาคเช้าของการประชุมมีการแจ้งข้อราชการตามระเบียบ และบรรยายความรู้เรื่อง RBM (result based management) ซึ่งก็หมายถึงการบริหารงานแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ ที่พัทลุงได้ยึดเป็นแนวทางในการดำเนินงานโครงการ และการบรรยายสรุปแนวทางการทำงานตามระบบส่งเสริมการเกษตร โดยยึดศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร ประจำตำบล เป็นกลไกในการทำงาน
เนื่องจากอากาศร้อนและไมโครโฟนไม่ดี ทำให้ผู้ที่นั่งอยู่ด้านหลังห้อง ฟังเนื้อหาข้อความไม่เข้าหู อิอิ จริงๆ ฟังไม่รู้เรื่องเพราะได้ยินบ้างไม่ได้ยินบ้าง อันนี้ต้องโทษไมโครโฟน
ตอนบ่ายมีการแบ่งกลุ่มเพื่ออภิปรายและระดมความคิด เรื่อง การพัฒนางานส่งเสริมการเกษตร ของจังหวัดพัทลุง
โดยมีขั้นตอน ที่ผู้จัดเขียนไว้ ดังนี้
1. สร้างความคาดหวัง ความอยากเห็นสภาพองค์กรในอนาคต
2. จัดลำดับความสำคัญ 5 ข้อ
3. จัดทำแนวทางทำความหวังให้เป็นจริง (วิธีการ ใครเกี่ยวข้อง??)
3. ผู้วิจารณ์ (commentator) ซึ่งต้องทำหน้าที่เติมเต็มให้กับกลุ่มต่างๆ
แบ่งกลุ่มออกเป็น 4 กลุ่ม คือ กลุ่มเกษตรอำเภอ กลุ่มเกษตรตำบล อ.เขาชัยสน ควนขนุน ปากพะยูน บางแก้ว ป่าพะยอม กลุ่มเกษตรตำบล อ.เมือง กงหรา ศรีบรรพต ศรีนครินทร์ ตะโหมด ป่าบอน และกลุ่มเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานองค์กรและวิสาหกิจชุมชน
ผลการระดมความคิดของกลุ่มเกษตรอำเภอ ลอกมาให้ทัศนากัน ดังนี้
1.องค์กรมีความเป็นเอกภาพ ไม่ต้องทำ MOU
วิธีการ 1.กำหนดกรอบภารกิจที่ชัดเจน ทุกระดับในกรมฯ
2.กำหนดตัวชี้วัดตามภารกิจหลักในกรอบที่กำหนด
2.ความชัดเจนของข้อมูลทุกระดับและมีระบบ IT ที่ดี
วิธีการ 1. ให้มีการบูรณาการในการจัดทำระบบข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สน.เศรษฐกิจเกษตร สน.พัฒนาที่ดิน อปท. เป็นต้น
2. มีระบบ IT เป็นคลังข้อมูลที่ผู้เกี่ยวข้องสามารถเรียกดูได้
3. ให้มีเจ้าหน้าที่รับผิดชอบข้อมูลโดยตรงทุกระดับ
4. วางแผนและจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบในทุกต้นปีงบประมาณ
5. ผู้เกี่ยวข้องสนับสนุนงบประมาณ ในการจัดเก็บและบันทึกข้อมูล
3. เจ้าหน้าที่ในองค์กรเป็นที่พึ่งของเกษตรกรได้อย่างแท้จริง
วิธีการ 1. พัฒนาความรู้อย่างต่อเนื่อง ทุกระดับ
2. สนับสนุนอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ให้พร้อมและทันสมัย เช่น เครื่องวัด pH ดิน เป็นต้น
3. เจ้าหน้าที่มีความชำนาญการอย่างน้อย 1 เรื่อง
4. องค์กรมีการบริการอย่างเป็นระบบ
4. มีเจ้าหน้าที่ในองค์กรที่มีขวัญและกำลังใจพร้อมสวัสดิการที่ดี
วิธีการ 1.ยึดสมรรถนะและผลสัมฤทธิ์ในการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการการพัฒนาคนเป็นระบบ
2. กำหนดปริมาณงานให้เหมาะสมกับบุคคล ไม่มากเกินไป
5.องค์กรต้องมีระเบียบในการปฏิบัติ
วิธีการ 1. ปฏิบัติตามระเบียบทุกระดับ
2.มีการอบรมทบทวนระเบียบให้กับเจ้าหน้าที่ทุกระดับ และให้ใส่ไว้ในวาระการประชุม
กลุ่มที่ 2 เกษตรตำบล (ชื่อนี้เท่มาก) อำเภอเขาชัยสน ควนขนุน ปากพะยูน ป่าพะยอม และบางแก้ว นำเสนอบทสรุปว่า
1.ทำงานตามระบบส่งเสริมของกรมส่งเสริมการเกษตรอย่างเดียว ???
วิธีการ ใช้ระบบส่งเสริมการเกษตรของกรมฯเป็นแนวทางการทำงาน แทนการคิดเอง
2.ทำงานจากล่างขึ้นบน (bottom up) ยึดแผนชุมชน อปท. ศบกต. และเจ้าหน้าที่ระดับพื้นที่
3.เจ้าหน้าที่ทำงานเฉพาะด้าน
วิธีการ อบรมเข้มเฉพาะด้านให้กับเจ้าหน้าที่ 2เดือน/ครั้งๆละ 5 วัน เพื่อให้รู้ลึกทุกขั้นตอน
4.เป็นองค์กรที่ทำหน้าที่ถ่ายทอด (ความรู้ด้านเกษตร) อย่างเดียว
5.งบประมาณทันเวลา วางแผนใช้งบประมาณตามฤดูกาล
กลุ่มที่ 3 เกษตรตำบล อำเภอเมือง ศรีบรรพต ศรีนครินทร์ กงหรา ตะโหมด และควนขนุน
---ไม่นำเสนอ--- ผลสรุปเหมือนกลุ่ม 2
กลุ่มที่ 4 เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานองค์กรและวิสาหกิจชุมชนหวังไว้ว่า
1.เจ้าพนักงานเคหกิจเกษตร ไม่ต้องรับผิดชอบตำบล
2.อำเภอกำหนดผู้รับผิดชอบล้อกับงานของสำนักงานเกษตรจังหวัด โดย กระจายงานตามความถนัด
3.ทำงานแบบบูรณาการ โดยให้ระดับจังหวัดบูรณาการงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนสั่งการลงอำเภอ
4. มีค่าสวัสดิการให้กับกลุ่มต่างๆระดับจังหวัดและอำเภอเมื่อมีการประชุม
5.ใช้ระบบส่งเสริมการเกษตรของกรมฯในการทำงาน
ลอกมาแบบไม่วิพากษ์ และวิจารณ์ (comment)
ก่อนจบเกษตรอำเภอปากพะยูน ผู้เป็นประธานในการประชุมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้ฝากบทกลอนสอนใจไว้ว่า....
คนจนอย่าเชื่อ
คนเบื่ออย่าใช้
คนหน่ายอย่ารัก
คนทักอย่าโกรธ
ความคาดหวังและแนวทางที่นำเสนอ หากแบ่งตามประเด็นที่จะนำไปวางแผนการพัฒนาแยกเป็น 3 ประเภท คือ ดำเนินการอยู่แล้วแต่ไม่ได้เขียนไว้ในระบบ เลยคิดว่ายังไม่ดำเนินการ ต่อไปคือ อยู่นอกเหนือการดำเนินการในระดับจังหวัด อำเภอ ต้องวางแผนในระดับกรมขึ้นไป และสุดท้ายดำเนินการกันเองได้ แต่ไม่ค่อยแสดงกัน
ทำงานกรมส่งเสริมมาตลอดเมื่อมีการเสนอความคาดหวัง ความต้องการที่จะพัมนางาน หรือสิ่งที่อยากได้ ทุกคนก็มองเหมือน ๆ กัน คือมุ่งไปที่กรม จังหวัด แต่ในการทำงานในขณะนี้ก็ต้องยอมรับว่า กรมส่งเสริมการเกษตร เป็นหน่วยงานที่ยังคงมีศักยภาพในการทำงานในพื้นที่ ด้วยความพร้อมทั้งบุคลากรที่ทำงานครอบคลุมทุกพื้นที่ ใกล้ชิดกับเกษตรกร (แต่อาจจะไม่เหมือนสมัยก่อน) แต่เราก็ภูมิใจในกรมส่งเสริมการเกษตร