แผนการณ์กิเลส (Marketing Plan)


 

Marketing Plan คือ แผนการตลาดในทางธุรกิจ แต่ Marketing Plan ในภาษาชีวิตนี้คือ “แผนการณ์กิเลส” ซึ่งเป็นเหตุของเภทภัย...

หน้าที่ของนักการตลาดนั้น อาจจะสามารถนิยามของออกได้ง่าย ๆ สั้น ๆ คือ “กระตุ้นกิเลส”

นักการตลาด (Marketing) มีนักนิเทศศาสตร์ (Communication Art) เป็นแขนขา มีหน้ามีตาอยู่ด้วยนักโฆษณาและประชาสัมพันธ์ (Advertising & Public Relations)

ก๊อก ก๊อก ก๊อก “กิเลสมาแล้วค่ะ...”
ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง “จะเสียเงินเพิ่มอีกไหมคะ...”

ต้องได้ ต้องเสีย เพราะถ้าลูกค้าไม่เสีย นักธุรกิจก็ไม่ได้

นักการตลาดมีหน้าที่ในทุกวิถีทางที่จะทำให้ “เงิน” ในกระเป๋าคุณ หลุดลอยมาสู่กระเป๋าของ “นายทุน”

นายทุนผู้จ้างนักการตลาดมาทำงาน นายทุนที่ถูกสรรสร้างว่าชื่อ “นักธุรกิจ”

ฝ่ายการเงิน ฝ่ายบริการ ฝ่ายบัญชี ฝ่ายวิจัยและพัฒนา ทุกฝ่ายถูกระดมพลมาเพื่อที่จะวางแผน “กระตุ้นกิเลส” กัน

ยิ่งธุรกิจโลกถดถอย นักการตลาดจะต้องสรรหา เทคนิค วิธีการ “กระชากกิเลสล่วงหน้า เสาะหากิเลสในอนาคต”

ถ้าไม่ได้ขาย ฉันก็อยู่ไม่ได้ เมื่อได้ขาย เมื่อนั้นคือ “กิเลส”

ความพอดีของมนุษย์อยู่ที่ใด แผนการณ์กิเลสต้องจัดการให้จมธรณีไป แล้วสอดแทรกด้วยความฟุ้งเฟ้อเข้ามาแทน

ปัจจัยสี่มีไม่พอขอ สี่ ห้า หก

ปัญหาสังคม การเมือง เศรษฐกิจ สังคม ล้วนแล้วหมักหมมด้วย “กิเลส”

กิเลสที่ถูกสร้างด้วยนักธุรกิจที่มีแผนการณ์กิเลส จากนักการตลาด

แผนการณ์กิเลส (Marketing Plan) ที่กระจายอยู่ในตลาดตอนนี้จึงเป็นแผนการณ์ที่แยบยลและละเอียดอ่อนยิ่งนัก
แผนการณ์นี้จะสอดตัวแทรกซึมเข้าไปในทุกรูขุมขน ให้แผ่ซ่านเร้า “ความอยาก” จนต้องพลาดเสียทรัพย์และจ่ายเงิน

ท่านทั้งหลายได้โปรดระวังแผนการณ์กิเลสนี้ให้ดี มิฉะนั้นท่านอาจจะไม่มีชีวิตอันสงบจนสิ้นภพ สิ้นชาติกัน...


หมายเลขบันทึก: 241995เขียนเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ 2009 01:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:18 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ใช่ แผนการกิเลส มันแยบยล เนียน มากๆ

จนทำให้เรามักจะเผลอ กายและใจไป

มันมักจะมาในรูปแบบที่ปรนเปรอกายใจเราเสียด้วย

ในความแยบยลนั้น เราเองผู้ซึ่งเคยมีส่วนร่วมคิด ร่วมสร้าง ร่วมทำให้เกิดมีซึ่ง "แผนการณ์กิเลส" นี้

ขอยอมรับสารภาพ ยอมรับความผิด ผลกรรม และขอโอกาสเตือนทุก ๆ ท่านว่า

ในทุกย่างก้าวในสังคมแห่งนี้ ท่านกำลังเดินอยู่บนแผนการณ์ของกิเลสของใครสักคนหนึ่ง ไม่ใครก็ใครสักคน ไม่มีทางที่จะหลีกลี้หนีพ้นไปได้เลย

สังคมที่ดำเนินด้วยแผนพัฒนาเศรษฐกิจ ที่ผูกมัดกับ "เงินตรา" สิ่งสมมติที่เลอค่าก็จักเป็นเช่นนี้

แต่ "สติ" เท่านั้นเองที่จะทำให้ท่านลุเสียซึ่ง "แผนการณ์แห่งกิเลส" นั้นได้

หากท่านก้าวเดินอยู่ในสังคมนี้ด้วยความมีสติแล้ว เราก็จะสามารถก้าวเดินออกจากแผนการณ์ที่แยบยลนั้น เปรียบได้ดั่งเอาเบี้ยออกจากกระดาน ซึ่งเมื่อก่อนเราเคยถูกใครต่อใครใช้เป็นเบี้ยให้เขาเล่นตามกระดานนั้น

ท่านทั้งหลายโปรดมีสติคุ้มครองชีวิตเถิด

สตินี้เองจะช่วยท่านให้พ้นภัยจากแผนการณ์กิเลสแผนนี้ได้

ขอให้มีสติอยู่ในทุก ๆ ลมหายใจ...

แต่ว่าก็ว่าไป

กิเลส หาต้นตอ ต้นเงื่อน ไม่รู้ เนอะ??

แต่มันนึกจะมาก็มา ก็ครอบงำใจเราเวลาเผลอ

กลายเป็นโรค ทางจิตใจ ทางจิตวิญญาณไปเสียอีก

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ช่างมันเหอะ เอาเวลามาเจริญสติดีกว่า มัวหาคำตอบ

เคยอ่านหนังสือท่านพุทธทาสว่าไว้ว่า มีอยู่๓ ส่วน

๑ กรรม ๒ ผลของกรรม ๓ กิเลส

กิเลสเป็นเหตุให้เกิดกรรม ผลกรรมล่อเลี้ยงกิเลส ไปเรื่อยๆ งี้

พระท่านว่า ให้เราตัดวงจร โดยอาจจะที่ตัวกิเลส ให้เจริญสติ ตามรู้กายใจ ลดกิเลสไป

ถูกต้อง ๆ

กิเลสนี้เป็นเหตุ เป็นปัจจัยสำคัญทำให้เราเวียนว่าย ตาย และ "เกิด"

การเกิดแห่งเรานี้สุดตาทิพย์ยังมองไม่จบ

และเวลาที่เราเหลืออยู่นี้ก็ไม่พอที่จะมอง

เราควรใช้เวลาที่เหลืออยู่น้อยนิดแห่งชีวิตในอัตภาพร่างกายที่ได้มาเป็นมนุษย์นี้

ทำความดี ณ ปัจจุบัน

คิดดี พูดดี ทำดี

คิด พูด และทำด้วยความเสียสละ

ความดี และความเสียสละ จักถ่ายถอนซึ่งกิเลสซึ่ิงกิเลสได้

เรามองไ่ม่เห็นเจ้า แต่เราตัดเสียซึ่งเจ้าได้

ใช้เวลาในลมหายใจนี้อยู่ด้วยปัจจุบัน

รุด รีบ เร่ง ตัดพลัน กิเลสไซร้

ทั้งชีวิต ทั้งจิตนี้ รวมกายใจ

ดับสูญได้ ในชาตินี้ หมดสิ้นกัน...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท