รัฐแบกดอกหลังแอ่น คลังเผยสุทธิปีละหมื่นล.
คลังยอมแบกดอกตั๋วเงินคลังปี ละ 1
หมื่นล้านบาท
เก็บเงินกู้ไว้บริหารสภาพคล่องเงินคงคลังไม่ให้มีปัญหาเหมือนที่ผ่านมา
นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.)
กล่าวว่า ตั๋วเงินคลังจำนวน 2.5 แสนล้านบาท ได้ออกครบทั้งหมดแล้ว
ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา
เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในการเบิกจ่ายงบประมาณในช่วงต้นปี
ที่การเบิกจ่ายงบประมาณสูงขึ้นจนมีปัญหาทำให้เบิกจ่ายล่าช้า
ซึ่งการกู้เงินจากสถาบันการเงิน
โดยการออกตั๋วเงินคลัง มีภาระอัตราดอกเบี้ย 3-4% ต่อปี
ทำให้รัฐบาลมีภาระดอกเบี้ยรวมปีละ 1 หมื่นล้านบาทต่อปี
ซึ่งต้องใช้เงินงบประมาณในส่วนของงบชำระหนี้มาแบ่งจ่าย ซึ่งในปี
2549 จะต้องจัดแบ่งจากงบประมาณชำระหนี้ที่ได้ตั้งไว้จำนวน 4.31
หมื่นล้านบาท มาใช้ หลังจากนั้นจะทยอยออกมาชดเชย
นางพรรณี กล่าวว่า
จากการประเมินเบื้องต้นคาดว่ารายได้ที่จะเริ่มเข้ามามากในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน
จากการเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลของกรมสรรพากรจะทำให้ฐานะการคลังดีขึ้น
เหลือพอที่จะจ่ายถ่ายถอนตั๋วเงินคลัง ได้จำนวน 8 หมื่นล้านบาท
เมื่อสิ้นปีงบประมาณ ในเดือนกันยายน 2549 แต่จะเกิดปัญหาว่า
เมื่อไถ่ถอนและต้องการใช้เงินกู้จากการออกตั๋วเงินคลังอีก
จะต้องขอคณะรัฐมนตรีใหม่ทำให้มีปัญหายุ่งยาก ทาง สบน.
จึงจะรักษาการกู้เงิน ตั๋วเงินคลังไว้เต็มจำนวน 2.5 แสนล้านบาท
เพื่อรักษาเพดานวงเงินเก็บไว้บริหารเงินคงคลัง ในปีต่อไป
นางพรรณี กล่าวว่า
ปัจจุบันงบประมาณของประเทศขนาดใหญ่มากขึ้นกว่าในอดีตมาก
อีกทั้งรัฐบาล
มีนโยบายเร่งเบิกจ่ายจากเดิมที่ตั้งเป้าเบิกจ่าย 70-80%
ของงบประมาณรายจ่าย มาเป็น 93% ของงบประมาณรายจ่าย
ทำให้ต้องใช้เงินเพื่อการเบิกจ่ายในแต่ละเดือนสูง
ซึ่งต้องมีการเตรียมเครื่องมือบริหารจัดการไม่ให้เกิดปัญหาสภาพคล่อง
สำหรับตั๋วสัญญาใช้เงินของธนาคารออมสิน 5 พันล้านบาท
อยู่ระหว่างการเจรจา
อัตราดอกเบี้ยจ่ายกับธนาคาร โดยขอต่ออายุออกไปอีก 2 เดือน
ซึ่งตั๋วสัญญาใช้เงินออมสินจะครบกำหนด ภายในวันที่ 26
เมษายนนี้ ทั้งนี้ มีรายงานว่าเดือนพฤษภาคมนี้
จะเป็นปีแรกที่ธนาคารพาณิชย์จะต้องเสียภาษีหลังจากล้างผลขาดทุนสุทธิกันแทบหมดแล้ว
นายบุญศักดิ์ เจียมปรีชา อธิบดีกรมบัญชีกลาง
กล่าวว่า
ขณะนี้มั่นใจในเดือนเมษายนนี้มีเงินสำรองการเบิกจ่ายให้กับหน่วยงานราชการ
และเจ้าหนี้ของราชการได้พอไม่มีปัญหา
ซึ่งจากการตรวจสอบไม่มีปัญหาการเบิกจ่ายไม่ได้เพราะเงินไม่มี
แต่การเบิกจ่ายไม่ได้มาจากปัญหาทางเทคนิค
และสามารถแก้ไขให้การเบิกจ่ายได้เป็นปกติ
มีรายงานข่าวแจ้งว่า ปัญหากระแสเงินเข้าไม่เพียงพอต่อกระแสเงินจ่าย
จนทำให้ต้องกู้เงินเพิ่ม รวมถึง ยืดการชำระหนี้ออกไปนั้น
เป็นผลมาจากการเบิกจ่ายงบประมาณในช่วง 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2549
(ตุลาคม 2548 ถึง กุมภาพันธ์ 2549) มีจำนวนสูงถึง 614,679
ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 149,402 ล้านบาท หรือ
32.1% รายจ่ายที่สำคัญ คือ
รายจ่ายจากงบประมาณปี 2548 หรืองบฯ
เหลื่อมปี
ที่ทยอยมาเบิกในต้นปีงบประมาณนี้ จำนวน 91,700 ล้านบาท
งบประมาณที่จัดสรรให้กองทุนหมู่บ้าน 10,592 ล้านบาท
งบพัฒนาศักยภาพหมู่บ้าน (เอสเอ็มแอล) 9 พันล้านบาท
กองทุนหลักประกันสุขภาพ 25,226 ล้านบาท
กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา 10,900 ล้านบาท
และเงินเดือนและบำนาญ เดือนละ 4 หมื่นล้านบาท
ส่งผลให้รัฐบาลมีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง
โดยกระแสเงินสดจ่ายสูงกว่ากระแสเงินสดรับจำนวนมาก โดยกระแสเงินสด
ที่ต้องจ่ายออกมีเฉลี่ยประมาณวันละ 6.6 พัน ล้านบาท
ในขณะที่กระแสเงินสดรับเข้ามา 5.8 พัน ล้านบาท
โพสต์ทูเดย์ 17
เมษายน 2549
คำสำคัญ (Tags): #uncategorized หมายเลขบันทึก: 24161เขียนเมื่อ 17 เมษายน 2006 11:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 14:44 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น