อธิบดีกรมบัญชีกลางย้ำความมั่นใจข้าราชการทั่วประเทศ
ยันจ่ายเงินเดือนให้ตรงเวลา แต่ยอมรับ
การเบิกจ่ายงบลงทุนอาจล่าช้า เชื่อเดือน มิ.ย.49 นี้
สถานการณ์เบิกจ่ายกลับสู่ภาวะปกติเพราะเป็นช่วงที่มีรายได้จากภาษี
ขณะที่ส่วนราชการวิ่งโร่ร้องกรมบัญชีกลางเพียบ
ครวญนอกจากเบิกจ่ายล่าช้าแล้วงบลงทุนยังถูกยืดเวลาเบิกจ่ายออกไปอีกครึ่งเดือน
จากสัญญาณที่รัฐบาลเริ่มประสบปัญหาหมุนเงินสดไม่ทัน
ทำให้กระทบต่อการเบิกจ่ายงบประมาณของหน่วยราชการต่าง ๆ
ซึ่งปัญหาจากการบริหารสภาพคล่องและการบริหารจัดการงบประมาณ
ได้ส่งผลกระทบขยายวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ
ต่อกรณีดังกล่าว นายบุญศักดิ์ เจียมปรีชา เปิดเผย
"ฐานเศรษฐกิจ" ว่า
ในส่วนของการจ่ายเงินเดือนให้แก่ข้าราชการทั่วประเทศนั้น
ขอให้มั่นใจได้ว่าจะได้รับเงินเดือนตรงตามระยะเวลาที่กำหนดอย่างแน่นอน
ซึ่งทางกรมบัญชีกลางถือว่าเรื่องนี้เป็นลำดับความสำคัญต้น
ๆ ที่จะต้องมีการเบิกจ่าย
ส่วนกรณีการเบิกจ่ายงบลงทุนอาจจะเป็นลำดับรองลงไป
แต่ยอมรับว่าในภาพรวมทั่วไปแล้ว
ระยะเวลาการเบิกจ่ายที่ปกติเฉลี่ย 1-3 วัน
จะล่าช้าออกไปเป็น 3-7 วัน
เนื่องจากการขาดสภาพคล่องในช่วงนี้เท่านั้น
โดยเชื่อมั่นว่าหลังจากเดือนมีนาคม 2549
ไปแล้วสถานการณ์จะเริ่มปรับตัวดีขึ้น และในเดือนมิถุนายน 2549
คาดว่าการเบิกจ่ายเงินงบประมาณจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติตามเดิม
เนื่องจากเป็นช่วงที่รัฐบาลมีรายได้จากภาษีเข้ามาเป็นจำนวนมาก
"อย่างอื่นเราไม่ว่ากัน
เพราะกรมบัญชีกลางต้องบริหารเม็ดเงินเท่าที่มีอยู่
แต่ให้ข้าราชการทุกคนมั่นใจได้ว่า จะยังคงได้รับเงินเดือน
ตรงตามเวลาแน่นอน เพราะเรื่องนี้เรายอมไม่ได้
ถือเป็นขวัญและกำลังใจของเค้า แต่ในส่วนงบลงทุนอื่น
ๆ คงต้องชะลอออกไปบ้าง
และในเดือนมิถุนายนการเบิกจ่ายจะเป็นปกติ
เพราะจะมีเงินภาษีล้นคลังเข้ามาอย่างมาก" นายบุญศักดิ์ กล่าว
แหล่งข่าวระดับสูงจากกรมบัญชีกลาง กล่าวเพิ่มเติมว่า
ในช่วงที่ผ่านมาได้รับข้อมูลจากส่วนราชการหลายแห่งทั่วประเทศ
ถึงกรณีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณล่าช้ากว่ากำหนดอย่างมาก
โดยบางแห่งมีการเบิกจ่ายเงินล่าช้าจากวันที่ขอเบิกนานถึง 10
กว่าวันทำการ
ซึ่งล่าช้ากว่าที่ทางกระทรวงการคลังชี้แจงว่าสามารถเบิกจ่ายได้
ในช่วง 3-7 วันทำการ
โดยเฉพาะการเบิกจ่ายงบลงทุนในโครงการรับเหมาก่อสร้างต่าง ๆ
ก็ล่าช้าออกไปจากเดิมอีกกว่าครึ่งเดือน และข้าราชการหลายท่านก็เกรงว่า
การเบิกจ่ายที่ล่าช้านี้
จะส่งผลให้การเบิกจ่ายเงินเดือนข้าราชการอาจจะได้รับผลกระทบตามไปด้วย
"การเบิกจ่ายเงินงบประมาณในเดือนมีนาคม 2549 ที่ผ่านมา
ดูเหมือนจะล่าช้ากว่ากำหนดมาก
ซึ่งมีการร้องเรียนมายังกรมบัญชีกลางหลายครั้ง
แต่ได้รับคำตอบกลับไปว่ามีนโยบาย
ให้ชะลอการเบิกจ่ายเงินอย่างไม่มีกำหนดแน่นอน
โดยกรมบัญชีกลางจะทำการบล็อกรายการเบิกจ่ายในระบบเบิกจ่ายอิเล็กทรอนิกส์
(จีเอฟเอ็มไอเอส) ตั้งแต่หลังวันที่ 9 มีนาคม 2549 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ยังได้รับทราบว่า
ระยะเวลาในการจ่ายเงินค่าตอบแทนการจ้างเหมาทำงาน
ยังนานมากกว่าเดิมอีกเกือบครึ่งเดือนกว่าจะได้รับ"
แหล่งข่าวกล่าว
ทั้งนี้ ส่วนราชการบางแห่ง ได้ทำเรื่องวาง ขบ.02
(การวางเรื่องเบิกเงินเดือนและเงินอื่น ๆ) ไปตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม
2549 แต่เมื่อถึงวันที่ 23 มีนาคม 2549 ก็ยังไม่ได้รับเงินเข้าบัญชี
และในวันที่ 24 มีนาคม 2549
จะต้องจัดส่งแผ่นเงินเดือนให้กับทางธนาคาร
เมื่อไม่มีเม็ดเงินโอนเข้าบัญชีจริงจึงเท่ากับเป็นการจ่ายเช็คเด้ง
เพราะเงินเดือนข้าราชการจะต้องออกก่อน 5 วันทำการ
ทำให้ข้าราชการเดือดร้อนกันทั่วหน้า
ในขณะที่รัฐบาลเรียกร้องให้ส่วนราชการมีการเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงบประมาณให้รวดเร็วยิ่งขึ้น
แต่หากเบิกแล้วไม่ได้รับเงิน
ในระยะต่อไปก็คงจะไม่มีหน่วยงานใดอยากที่จะเร่งรัดการเบิกจ่าย
นอกจากข้าราชการทั่วประเทศ จำนวน 1.2 ล้านราย
ที่มีวงเงินเบิกจ่ายเป็นเงินเดือนค่าจ้างกว่า 33,600
ล้านบาทต่อเดือนแล้ว ยังมีข้าราชการที่
เกษียณอายุราชการไปแล้วอีกประมาณ 260,000 ราย
และข้าราชการที่เกษียณอายุ ณ วันที่ 30 กันยายน 2548
อีกจำนวนหนึ่ง ที่จะมีความต้องการใช้เม็ดเงินเบิกจ่ายอีกประมาณ 6,400
ล้านบาท ในวันที่ 24 มีนาคม 2549
จึงทำให้การเบิกจ่ายเงินเดือนและค่าจ้างในช่วงเดือนมีนาคม
2549 นี้ มีการกระจุกตัวเพิ่มสูงขึ้น
"ภายหลังที่ได้รับนโยบายให้แก้ไขระเบียบ ข้อบังคับ หลักเกณฑ์
และกฎหมาย
ให้เพิ่มเติมอำนาจให้กรมบัญชีกลางดึงเงิน
กลับเข้าคลังได้
ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการจัดเตรียมแก้ไขกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องอยู่
คาดว่าน่าจะสามารถแก้ไขได้เสร็จสิ้นภายในปี 2549 นี้
เพื่อเป็นการวางแนวปฏิบัติต่อไปในอนาคต
ไม่ให้เกิดปัญหากรณีที่ส่วนราชการ
มักจะนำเงินไปฝากธนาคารไว้กินดอกเบี้ย
แล้วนำมาจ่ายเป็นเงินเดือนและค่าจ้างให้กับข้าราชการในหน่วยงานของตน
จนบางช่วงเวลามีเงินส่วนนี้เก็บไว้มากถึง 1,000 ล้านบาท
เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารการเบิกจ่ายเงินงบประมาณในระยะต่อไป"
แหล่งข่าวกล่าว
สำหรับผลการจ่ายเงินให้แก่ผู้เข้าร่วมมาตรการพัฒนาและบริหารกำลังคนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงนั้น
ไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากมีการเบิกจ่ายมานานแล้ว โดยจะได้รับเงิน 3
ประเภท ได้แก่ การจ่ายเงินช่วยเหลือ (เงินก้อน)
โดยการจ่ายตรงเข้าบัญชีเงินฝากให้แก่ผู้มีสิทธิ
ตั้งแต่เดือนเมษายนถึงวันที่ 28 กันยายน 2547
สั่งจ่ายแล้ว จำนวนทั้งสิ้น 48,051 ราย
คิดเป็น 99.79% ของจำนวนผู้เข้าร่วมมาตรการ จำนวน 48,151 ราย
การจ่ายเงินบำเหน็จบำนาญให้แก่ผู้มีสิทธิที่เข้าร่วมมาตรการ
จำนวน 46,870 ราย คิดเป็น 97.34%
และการจ่ายเงินบำเหน็จดำรงชีพให้กับผู้รับบำนาญ จำนวน 46,343 ราย
คิดเป็น 99.14% ของจำนวนผู้ที่ยื่นความประสงค์ขอรับเงินบำเหน็จดำรงชีพ
จำนวน 46,743 ราย จากผู้มีสิทธิทั้งหมด จำนวน 291,257 ราย
ฐานเศรษฐกิจ 16-19 เม.ย. 49 โพสต์ทูเดย์
ไม่มีความเห็น