งานนี้ 2 หมอหนุ่มจากสตูล มานำเสนอค่ะ คือ หมออู๋ และหมอจิตรกร
หมออู่เริ่มก่อน บอกว่า ปี 2552 กระทรวงสาธารณสุขดัน ผู้สูงอายุ เป็นวาระแห่งชาติ แต่ไม่ได้อยู่ในนโยบายอะไรที่เป็นหลักชัดเจน ไม่ว่าในระดับเขต หรือประเทศ ทำให้ power ในการดำเนินงาน ของบฯ ได้น้อย
เวลาทำงานนี้ เรามักจะบอกว่า ทำผู้สูงอายุเป็นเป้าหมายหลัก ในปี 2552 ผมเสนอว่า เราน่าจะมองการทำงานบูรณาการ กลุ่มที่เรา control ได้ดีกว่า อาจเป็นลูกหลานของผู้สูงอายุ ก็น่าจะทำให้เป้าหมายกลุ่มนั้น มาสนับสนุนงานส่งเสริมตัวนี้ด้วย
การทำงานในโครงการนี้ เราเน้นทันตบุคลากรทำ และเน้นบริการสิทธิประโยชน์ เท่ากับเอาภาระงานมาไว้ที่เรา แต่งานที่ให้ชมรมฯ ไปสร้าง ไม่มีพูดถึงมากนัก ยังไม่มีแบบประเมิน ก็น่าจะมีการให้ผู้สูงอายุที่มีผลงานดีดี มาเป็นแบบอย่างให้มากขึ้น
คุณหมอจิตรกร ได้มาพูดเรื่อง โครงการสิทธิประโยชน์
บอกว่า ระดับความรู้ของผู้สูงอายุที่สตูล จบ ป.4 บางคนยังต้องปั๊มหัวแม่มือ เขียนชื่อตัวเองไม่ได้ ภาคใต้ วัฒนธรรมท้องถิ่น ไม่เหมือนกับข้างบน การสอนทันตสุขศึกษา ต้องใช้อีกภาษา ต้องขอความช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่อื่นด้วย
การให้ทันตฯ ยาวนานไม่ได้ 10-15 นาทีเท่านั้น ให้มากเรื่องก็ไม่ได้ เพราะว่า ผส. จะเวียนหัว เป็นลม การสอนแปรงฟัน ก็ต้องใช้วิธีการง่ายๆ อุปกรณ์ง่ายๆด้วย แผ่นพับอ่านไม่ได้ อ่านไม่ออก ภาษาไทยก็ไม่ได้ และบางอำเภอ อิสลาม 100% บางอำเภอพุทธเยอะ บางอำเภอทั้งพุทธ อิสลาม ... ที่ผมอยู่ อิสลาม 100% การจะทำให้เป็นโมเดลเหมือนกัน จึงเป็นไปไม่ได้
ลักษณะแบบตรวจ F1 ที่ผมทำ ที่ PCU ที่มีทันตาภิบาล และเป็น PCU ดั้งเดิม มีเก้าอี้ทำฟัน เจ้าหน้าที่เข้มแข็ง ทั้งหัวหน้าสถานีอนามัย ทันตฯ และมีหมอฟัน คือ คุณหมอจิตรกรนี่ละ ลงไปเสริม เรื่องตรวจ ฟัน เพราะว่าคนอื่นทำไม่ได้เลย (... อยากให้คนอื่นทำได้ด้วยครับ)
เรื่องการคัดกรองเบาหวาน ความดัน น้องพยาบาลบอกว่า เหมือนหนูทำอยู่แล้ว กับชมรม มา add ได้ไหม หรืออยากได้รายละเอียดการแปรงฟัน หรือเจ้าหน้าที่อื่นให้ช่วยทำด้วยก็ได้ ... เพราะว่าของสตูล ปีที่แล้ว ทำไป 7 อำเภอ นำร่องไป 4 ปีนี้ทำหมด ปีนี้ ของอำเภอละงู พอประชุมชมรมฯ พอจะคัดเลือกเขาไม่ยอม เขาจะเอาทุกอำเภอเลย 10 กว่าชมรม
หมออู๋ช่วยเสริมสุดท้าย ว่า
มองว่า เวลาเราทำงาน อย่าไปตั้งว่า เราต้องมีงบฯ ก่อน แล้วค่อยทำงาน เราตั้งโครงการไปก่อน งบฯ เดี๋ยวไปหาเอาข้างหน้า มีหลายช่องทางที่เราขอได้ ... ใช่เลย ปีนี้สตูลของบฯ จังหวัดได้แล้วละค่ะ
ผมอยากให้มองถึงว่า ทำอย่างไร ให้ผู้สูงอายุมีความตระหนักในตัวเองเพิ่มขึ้น ว่า เขาจะดูแลตัวเอง ไม่ใช่ ทุกอย่างต้องรอ ... บอกว่า ชุมชนต้องเข้มแข็ง ทุกอย่างจะต้องเพิ่มพูนความรู้ให้ชุมชน แต่ถ้าเราเทอะไรให้ไป ก็จะเหมือนน้ำพริกละลายแม่น้ำ เราต้องใช้ Bangkok Charter เอาเรื่อง กฎ นโยบาย มาจับในชมรมแล้ว ให้เขารู้สึกได้ว่า ถ้าเขาเป็นคนไม่มีฟัน หรือฟันโยก เขาจะทำอย่างไร
หมอแหวว หัวหน้าเจ้าภาพของเรา (คือ หมออ้อย) ขอแจมเพิ่มเติมในบทสุดท้ายค่ะ ว่า
ในงานผู้สูงอายุ เราตั้งลำ (มีโจ้ก เธอบอกตอนต้นของการประชุมไว้ว่า ทีมของพวกเราที่ร่วมกิจกรรมผู้สูงอายุนี้ เราได้ต้อนลงเรือลำเดียวกันหมดแล้ว เรือลำนี้ใหญ่โต กว้างขวาง จุคนได้หมด แต่ว่า เรือลำนี้มีแต่ทางขึ้น ไม่มีทางลงค่ะ ... อิอิ เราต้องร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกันนะ ... ไชโย ประเทศไทย) อยู่ 3 เรื่อง คือ เรื่องฟันเทียม ซึ่งวิ่งลงทั่วประเทศ เป็น flight บังคับ
เราถอยมาที่ ชมรมผู้สูงอายุ ตั้งแต่ปี 2549 มีกิจกรรมอะไร แต่มีหลายจังหวัดที่ ชมรมพร้อมที่จำทำ เหนือ อีสาน ก็พร้อมแล้ว ภาคใต้ก็เริ่มพัฒนาเมื่อปีที่แล้ว บางคนอาจไป start ที่ชมรม บางคนอาจตั้งที่สิทธิประโยชน์ แต่ทุกสิ่งเชื่อมโยงกัน ... อยู่ที่จังหวัด เราอาจต้องเป็นคนคิด กองฯ ก็มีว่า ถ้าทำเรื่องชมรมก็อย่างนี้ สิทธิประโยชน์ก็อย่างนี้ ฟันเทียมก็อย่างนี้ จะอยู่ที่จังหวัดแล้วละว่า เราจะตั้งต้นแบบไหน ไปเชื่อมกับอะไร ทั้งหมดก็จะต้องวนเป็นวงจรเดียวกันว่า เราคงไม่มีเวลาไปดูแลผู้สูงอายุทั้งหมดหรอก อีกหน่อยก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น ถ้าเขาดูแลตัวเองได้จะประเสริฐสุด
ตอนนี้กองฯ ถอยไปอีกหน่อย ก่อนเข้าสู่วัยสูงอายุ เราต้องชิงโอกาสก่อน ตอนนี้คือ เรื่องสูงอายุ ที่จะลงไปให้เห็นความสำเร็จก่อน และจะขยายไปในกลุ่มที่เหมาะสมมากขึ้น