Littledevil
พิศพร เทียนกันยา เจริญใจ

ทรัพย์จาง


ขำๆ

 

  โรคทรัพย์จาง
 

 

โรค MONEYPHILIAโรคทรัพย์จาง มีศัพท์ทางวิชาการว่า
MONEYPHILIA เป็นคำสมาสระหว่างคำว่า MONEY และ PHILIA
มีลักษณะคล้ายกับโรค HEMOPHILIA ซึ่งโรค HEMOPHILIA
ผู้ป่วยจะมีอาการเลือดไหลไม่หยุด และโรคชนิดนี้มิได้ติดต่อทางพันธุ กรรม
แต่ MONEYPHILIA เป็นโรคที่เงินไหล ออกจากกระเป๋าไม่หยุด
จนเกิดทรัพย์จางได้
การติดต่อ


โรคนี้มิได้ติดต่อทางพันธุกรรมเช่นกัน
แต่ติดต่อกันเฉพาะกลุ่มบุคคลที่มีรายได้น้อย
ถึงปานกลาง ซึ่งไม่สามารถจัดสรรรายได้ให้ได้
สัดส่วน กับรายจ่าย ว่ากันง่าย ๆ ก็คือรายจ่ายมากกว่ารายได้นั่น เอง
ในทุกวันนี้โรคดังกล่าวได้เริ่มระบาดในหมู่คนไทยที่มีรายได้น้อย
ถึงรายได้ปานกลางมาสองสามปีแล้ว ทำให้ส่งผลกระทบต่อขวัญและกำลังใจใน การดำเนินชีวิต
ตลอดจนบั่นทอนความเจริญก้าวหน้า ในหน้าที่การงาน
บั่นทอนสุขภาพ บั่นทอนชีวิตครอบครัวและสังคมโดยร่วม
ดังนั้น เราจึงควรศึกษารายละเอียดของโรคนี้
เพื่อหาวิธีหลีกเลี่ยงหรือป้องกันแต่เนิน

ระยะฟักตัวของโรค


เชื้อจะเริ่มฟักตัวประมาณวันที่ 15 ของเดือน
แต่ก็ไม่แน่ทุกคนไป เพราะบางคนเชื้ออาจจะเริ่มฟักตัวได้ตั้งแต่วัน ที่
5 ของเดือนก็มี และบางรายอาการรุนแรงจะเริ่มตั้งแต่วันที่
1 ของเดือนทีเดียว อาการจะปรากฏเร็วหรือช้า
รุนแรงหรือไม่รุนแรง ขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อ
และชนิดรายได้ของแต่ละบุคคล ซึ่งแบ่งตามพฤติกรรมในการจับจ่ายใช้สอย ของผู้ป่วย
อีกทั้งขึ้นอยู่กับลักษณะของโรคแทรกซ้อนที่มือด้วย
ว่าเป็นโรคมือเติบหรือไม่ หากเป็นโรคมือเติบด้วย
จะยิ่งทำให้การรักษา หรือป้องกันเป็นไปได้ยาก
และระยะฟักตัวของโรคก็จะรวดเร็ว อีกทั้งอาการก็จะยิ่งรุนแรงมาก ขึ้น
อาการ


ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการเหม่อลอย ไม่สบตาผู้อื่นโดยเฉพาะเจ้าหนี้
เหงื่อซึมออกตลอดเวลา หงุดหงิด สูญเสียความเชื่อมั่น
ไร้สมาธิในการทำงาน เบื่ออาหาร หิวแต่ทานไม่ลง
เพราะอาหารน้อย คุณภาพต่ำเนื่องจากด้อยกำลังซื้อ
รสชาติไม่ถูกปาก ผู้ป่วยบางรายมีอาการรุนแรงถึงกับทำอัตวินิบาต กรรม
บางรายมีอาการผวาเมื่อถูกเรียกชื่อ พวกที่มีอาการรุนแรงบางจำพวกจะทำ การประชดชีวิตโดยการเดินมาทำงาน
แทนการโดยสารรถประจำทาง หรือแท็กซี่ หรือพยายามขึ้นรถโดยสารที่มีคน แน่นมาก
ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับกระเป๋ารถเมล์
หรือเพื่อที่จะได้หลบหลีกระหว่างบันไดหน้ากับบันไดหลังสลับไปมาได้ รวดเร็ว
และ ทันท่วงที อีกทั้งเพื่อพยายามให้ได้รับอากาศที่ปลอดโปร่ง
จะได้กินลมเพื่อลดอาการหน้ามืด
การป้องกัน


ไม่ควรนำเด็กหรือสัตว์เลี้ยงเข้าใกล้
เมื่อผู้ป่วยมีอาการหงุดหงิด มิฉะนั้นจะได้รับอันตรายจากผู้ป่วย ได้
ไม่ควรนำของมีค่าเข้าใกล้ในระยะสายตาและมือเอื้อมถึง
การรักษา


ยังไม่มียาชนิดใดที่จะบำบัดโรคนี้ได้โดยตรงในปัจจุบัน
แต่สามารถรักษาได้ตามอาการที่ปรากฏ เช่น
ผู้ป่วยมีอาการปวดศีรษะ

(เป็นกันโดยมาก) ก็ควรใช้ยาลดไข้ 1-2 เม็ด
ทุก 4 ชั่วโมง ได้แก่ยาพาราเซตามอล ไม่ควรใช้กับผู้ป่วยที่เป็นโรค กระเพาะ
ถ้าผู้ป่วยมีอาการหงุดหงิด

กระสับกระส่าย นอนไม่หลับ ควรใช้ยาคลายประสาท
ตามที่แพทย์แนะนำ ห้ามใช้เกินขนาด เพราะจะเกิดอันตรายต่อผู้ป่วย ได้
(ห้ามใช้สตริกนินโดยเด็ดขาด)
ควรให้ผู้ป่วยได้ออกกำลังกาย

พักผ่อน ในที่ลับตาคน อย่าพาผู้ป่วยออกนอกบ้าน
เพราะอาจเผชิญหน้ากับเจ้าหนี้ได้ การกระทำเช่นนี้นอกจากจะไม่ทำให้ ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นแล้ว
กลับจะมีอาการทรุดหนักลงเรื่อย ๆ อาการดูน่าเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย
แต่อาการของผู้ป่วยจะกระเตื้อง ตื่นเต้นได้อีกครั้งก็ถึงตอนปลาย เดือนนั้น
ๆ แต่บางรายก็ไม่ดีขึ้น กลับทรุดหนักลงไปอีก
เนื่องจากการอักเสบของดอกเบี้ย
ไม่ควรนำผู้ป่วยไปรักษายังโรงพยาบาลเอกชนเพราะ อาจจะทำให้เกิดอาการช็อคได้

เมื่อเห็นใบแจ้งหนี้ ทางที่ดีควรนำไปรักษายังสถานธนานุเคราะห์,สถาน ธนานุบาล
โดยให้ผู้ป่วยนำของที่มีค่าติดตัวไปด้วย
ซึ่งเป็นการรักษาอย่างปัจจุบันทันด่วน
และตรงตามอาการของโรคมากที่สุด โดยหมอหลงจู้
จะให้ผู้ป่วยบอกประวัติ โดยซักอาการอย่างละเอียด
เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ใช่ของที่หยิบฉวยของผู้อื่นมาโดยเจ้าของไม่ ยินยอม
ต่อจากนั้นก็จะทำการตรวจรักษา ตีค่า ต่อรอง
และเขียนใบสั่งยา โดยต้องมีการยืนยันด้วยบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ ป่วย
แล้วหมอหลงจู้จะให้วัคซีน โดยนำนิ้วหัวแม่มือของผู้ป่วยแปะลงบน วัคซีนสีดำ
และกดลงบนใบสั่งยา ให้ปรากฏรอยเป็นที่แน่ชัด
และสามารถยืนยันเป็นหลักฐานได้ จากนั้นผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้นทันตา เห็น
แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นอาการจะดีขึ้นได้กี่วัน
ขึ้นอยู่กันของมีค่าที่นำติดตัวไป
โรคนี้จะสามารถรักษาให้หายขาดและไม่เกิดกับผู้ ป่วยได้อีก

ถ้าสามารถจัดสรรรายได้ในแต่ละเดือนให้เพียงพอ
ควบคุมรายจ่าย ควรให้มีรายจ่ายต่อรายได้อย่างน้อยในอัตรา
1ต่อ1 แต่ต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร แต่เป็นทางเดียวที่จะรักษาให้หาย ขาดได้
ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกัน

จึงต้องรักษาตามอาการข้างต้น และอาจจะใช้ยาแผนโบราณจำพวกวงแชร์
เท้าแชร์ รักษาร่วมก็ได้ แต่ต้องระวังผลข้างเคียงที่อาจะเกิดขึ้น ได้
เช่น ลูกแชร์เบี้ยว เท้าแชร์หาย โรคมือเติบ
จนทำให้ไม่สามารถรักษา สัดส่วน รายได้ต่อรายจ่ายที่
1ต่อ1 ได้ จะส่งผลในทางลบมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าหากใช้ได้ถูกต้อง
เช่น เป็นเท้าแชร์เอง ก็ต้องตามลูกแชร์ให้ได้ครบ
ถ้าเป็นลูกแชร์ก็ต้องตามเท้าแชร์ให้ได้ทุกงวด
และพยายามอย่าให้ถูกหมอนวดจับ จนติดโรคมือเติบ
เป็นต้น 
 

คำสำคัญ (Tags): #55+
หมายเลขบันทึก: 240121เขียนเมื่อ 6 กุมภาพันธ์ 2009 22:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 04:59 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

สวัสดีค่ะ

ยินดีที่ได้รู้จัก เป็นโรคทรัพย์จางด้วยคนค่ะ

  • อิ...อิ...อิ...
  • โรคนี้คนเป็นกันเยอะมากนะคะ
  • โดยเฉพาะยุคเศรษฐกิจแบบนี้
  • แวะมาเยี่ยมเยียน น้องสาวผู้น่ารักจ้ะ

ตอนนี้ก้อทรัพย์จางค่ะ

  • สวัสดีค่ะ
  • สิ้นเดือนแล้ว
  • ยังเป็นโรคทรัพย์จางอยู่รึเปล่าคะ
  • วิธีแก้คือ
  • ต้องอดทน  อดใจ  
  • เวลาเห็นสิ่งต่าง ๆ  รอบ ๆ ตัวค่ะ
  • ว่างเมื่อไหร่แวะไปทดสอบสายตากันนะคะ
  • จะได้มองเห็นสีของธนบัตร   ได้ถูกต้องเวลามีทรัพย์ค่ะ
  • ×÷•.•´¯`•)» บ้านรักษ์สุขภาพ «(•´¯`•.•÷×
  • สวัสดีค่ะ
  • ขอบคุณมากค่ะที่แวะมาทักทายกัน
  • โรคทรัพย์รักษาไม่ยาก  ใช้ธรรมสันโดษเอาอยู๋

ขยัน อดทน พอเพียง รักทุกคน อิอิ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท