วันที่ 4 เมษายน 32549 ผมและพี่เล็ก มณีวัชราภรณ์ พยาบาลประจำ PCU ในโรงพยาบาล ได้ไปเยี่ยม ชมรมเบาหวานของ ต.ฝั่งแดง ที่กำหนดไว้ว่าอย่างน้อยปีละครั้ง ที่เราจะไปเยี่ยมชมรม ผลการเยี่ยม พบว่า ตอนนี้มีสมาชิกที่เข้าร่วมกิจกรรมต่อเนื่อง 18 คน มีประธาน คือนายกีสา กองเมือง มรกิจกรรมเจาะนำตาลในเลือดทุกเดือน และใช้สถานที่ของสถานีอนามัย ตอนนี้รวมตัวกันรำกระบอง โดยทำตาม VCD ที่เปิดแล้วทำตาม รวมทั้งมีการจัดเก็บเงินสมาชิก เอาไว้ซื้อหนังสือ หรือ VCD ที่เป็นประโยชน์ไว้ดูด้วยกันตอนรวมกลุ่ม
ข้อเสนอแนะของชมรม ต่อโรงพยาบาล
1.อยากได้เครื่องชั่งนำหนัก
2.มีเครื่องเจาะนำตาลเครื่องเดียว อยากให้มีทุกหมู่บ้าน
3.น่าจะมีการพบปะ สังสรรค์ ประจำปี ของสมาชิกชมรม ทั้งอำเภอ เหมือนที่ตอนเปิดตัวครั้งแรก
4.น่าจะมีการประกวด ความภูมิใจ ของแต่ละชมรม ปีละครั้ง
ข้อเสนอแนะที่ทีมเยี่ยมของโรงพยาบาลให้ทางชมรม
1.ประมาณเดือน พ.ค. จะเริ่มมีการตรวจสุขภาพประจำปี โดยนัดมาเจาะเลือดที่สอ.แล้วส่งเลือดไปที่โรงพยาบาล เพื่อตรวจและรายงานผล ตอนที่นัดไปพบแพทย์
2.ทุกครั้งที่ประชุมกัน ให่เลขา หรือตัวแทนบันทึกสิ่งทีได้จากการประชุม โดยเน้นความรู้ได้จากการพูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์
3.ลองออกไปทำกิจกรรมนอกสถานที่กันบ้าง เช่น บ้านสมาชิกชมรมคนใดคนหนึ่ง ตามตลาด หรือที่ชุมนุมกันมากๆ เพื่อกระตุ้นความสนใจให้คนอื่นในชุมชน เห็นกิจกรรมเพื่อสุขภาพของชมรม
4.กระตุ้นความรู้จากประสบการณ์ของแต่ละคนว่ามีค่าเสมอ เพราะหมอก็รู้ไม่หมดในบางประเด็น ถ้ายังไม่เข้าใจอะไรตอนพูดคุย ให้จดถามเจ้าหน้าที่ภายหลัง
5.ถ้าได้ถ่ายรูปเวลาทำกิจกรรมไว้ ให้เก็บไว้นำเสนอตอนสิ้นปี
6.การตั้งชื่อชมรม ให้สมาชิกเรียกใหม่ น่ารักๆ ดีกว่าเรียก ชมรมผู้ป่วยเบาหวาน
7.สมุดประจำตัวเบาหวานของสมาชิก พยายามใช้ประโยชน์ จากการบันทึก กิจกรรมที่ชมรมทำด้วย
ภก.เอนก ทนงหาญ ผู้เล่าเรื่อง
สวัสดีครับ เราชื่อ ชัยวัฒน์ เมฆเมือง(ต่อ)นักเรียนโรงเรียนกรุงเทพการบัญชีวิทยาลัย เรามีสิ่งดีๆและเรื่องราวดีๆที่จะแบ่งปันให้กับเพื่อนๆ เผื่อมีใครในครอบครัวที่เพื่อนรักหรือคนที่เพื่อนรู้จักกำลังทนทุกข์ทรมานเกี่ยวกับ โรคเบาหวาน,ความดัน,โรคกระเพาะ,ไมเกรน,โรคอ้วน รวมทั้งปัญหาสุขภาพอื่นๆรวมทั้งเรื่องเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
เราขอเล่าเรื่องราวตัวเองก่อน ป้าของเราป่วยเป็นโรคเบาหวาน,ความดันและป้าอีกคนป่วยเป็นมะเร็งมดลูก สำหรับป้าคนที่เป็นเบาหวานต้องหาหมอทุกเดือนกินยาต่อเนื่องมา 10 กว่าปีปัจจุบันมีอาการแทรกซ้อนคือโรคไต หมอบอกว่าสาเหตุหลักๆเกิดจากการกินยาต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน
ส่วนคุณแม่มีปัญหาเรื่องน้ำหนักตัวเกินหรือโรคอ้วนและโรคกระเพาะ ลดน้ำหนักตามคลีนิคต่างๆก็ผอมลงแต่เมื่อเลิกใช้ยาก็กลับมาอ้วนยิ่งกว่าเดิมเราเครียดมากเลย เนื่องจากมีนักโภชการเขาบอกว่าการทานยาลดน้ำหนักเป็นเวลานานๆอาจทำให้สมองเสื่อมเนื่องจากในยาลดน้ำหนักมีส่วนผสมของยาเสพติดอยู่
จนเราได้มาพบกับโภชนาการบำบัด ซึ่งเป็นสารอาหารระดับเซลซึ่งมีพี่ที่ทำงานเขาแนะนำเราเลยนำมาให้แม่และป้าของเราทดลองเข้าโปรแกรม แม่และป้าของเราจึงเข้าโปรแกรมอย่างเคร่งครัดเพราะท่านคิดว่าคงไม่มีอะไรที่แย่ไปกว่านี้แล้วใช้ไปประมาณ 2 เดือนน้ำตาลในเลือดและความดัน ของป้าเราลดลงซึ่งตอนนี้หมอเลิกสั่งจ่ายยาความดันแล้วเหลือแต่รอดูระดับน้ำตาลในเลือดให้กลับมาอยู่ในระดับปกติ ที่สำคัญแม่ของเราสามารถลดน้ำหนักใน 1 เดือนลดลงไป 10 กิโลกรัม ที่สำคัญสัดส่วนแม่เราเปลี่ยนไปเยอะมากนี่ก็ความรู้สึกดีๆที่เราอยากแบ่งปัน
เราหวังว่าเราจะได้ช่วยเหลือคนที่กำลังมีความทุกข์ทรมานในสิ่งเหล่านี้ ซึ่งมันเกิดจากการกินของเราเองไม่ได้เป็นโรคติดต่อ ถ้าเพื่อนกำลังมีปัญหาหรือรู้จักใครที่มีปัญหาอย่างที่เราเคยมี ปรึกษาเราได้ เราพร้อมและยินดีที่จะช่วยเหลือเสมอ โทรหาเราที่เบอร์ 0847036873 หรือที่
E-mail [email protected]
เราขอให้เพื่อนและคนในครอบครัวที่เพื่อนรัก สุขภาพดีมีความสุข ไม่มีโรคภัยมาเบียดเบียนนะครับ
เรื่องจริงของโรคเบาหวาน
สวัสดีครับจากทีได้พบวิธีการรักษาเบาหวานแบบหายขาดของคุณ
ธิดา อึ้งนภารัตน์ ที่ละเวปไซต์ได้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว หลังจากได้นำมาให้
ญาติๆลองทานดูพบว่าจริงอย่างในเวปบอกครับ น่าอัจศจรรย์มากดูไม่
น่าเชื่อว่าสมุนไพรไทย เมื่อเข้ายาเป็นสูตรโบราณแล้วจะสามารถรักษา
ให้เบาหวานหายขาดได้ ผมมีตัวอย่างคนไข้มานำเสนอดังนี้
ชื่อ ที่อยู่ปัจจุบัน ระยะเวลา ระดับน้ำตาล
ก่อน หลัง
1. นางเวียงนอม มีหวายหลึม 31/1ม.9 เชียงขวัญ จ.ร้อยเอ็ด 25 200 160
2.นางคำ บุปผาสร้อย 19ม. ต.ปาผาจ.ร้อยเอ็ด 15 300 108
3.นางทองใบ ศรีหนองจิก 221ม5ต.ดงลานอ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด 3 300 90
4.นายอาทร รุ่งผดุง 158ม4ต.ดงลานอ.เมืองจ.ร้อยเอ็ด 10 220 106
5.นางบุญโฮม เจริญเขต 73 ม6 เชียงขวัญ จ.ร้อยเอ็ด 5 250 150
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงตัวอย่างครับ ยังมีอีก 22 ท่านที่ไม่ได้ลงราย
ละเอียดไว้ ปัจจุบันที่ไปตรวจทุกๆ 3 เดือน ตรวจแบบนี้มา 2 ปีแล้วก็ยังไม่
พบว่ากลับมาเป็นโรคเบาหวานอีก
ซึ่งผมอยากทุกท่านได้ช่วยกันเผยแพร่ให้กับท่านอื่นๆที่เป็นและ
กำลังทรมานกับโรคเบาหวานให้หายขาดได้หากท่านอยากทราบถึง
ข้อมูลดังกล่าวท่านสามารถติดต่อโทรมาปรึกษาได้ที่ คุณ ธิดา ที่เบอร์
083-3459197
หากหายแล้วให้ยกมือท่วมหัวและระลึกถึงปู่ที่มาช่วยให้
ท่านหายขาดจากโรคร้าย
ผู้ป่วยเบาหวานท่านใดที่ควบคุมน้ำตาลในเลือดได้ลำบาก ถึงแม้จะกินยาตรงเวลาตามแพทย์สั่งก็แล้ว ลดและงดอาหารที่ทำให้มีน้ำตาลในเลือดสูงก็แล้วอยากขอให้ลองออกกำลังกายอย่างจริงจังดูนะครับ เพราะเป็นวิธีที่ผมใช้แล้วได้ผลดีมากๆ เลยอยากบอกต่อ การออกกำลังกายนั้นต้องออกกำลังกายให้จนเหงื่อออกตลอดเวลาอย่างน้อย 15-20 นาที ช่วงออกกำลังกายตอนแรกๆให้ออกเบาๆก่อนซึ่งตอนนี้ นาทีที่1-5นาทีแรกจะยังไม่มีเหงื่อออก นาทีที่ 6-10 จะเริ่มมีเหงื่อซึม จากนาทีที่ 11-30 จะมีเหงื่อออกตลอด 20 นาที เมื่อครบแล้วค่อยวอร์มดาวน์ สัก2-3 นาทีแล้วค่อยหยุด ทั้งนี้แต่ละระยะอาจจะเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับวิธีการออกกำลังกาย และความหนักเบาในการออกกำลังกายของแต่คน การออกกำลังกายให้เหงื่อออกนี้เราเรียกว่าวิธีแอโรบิค ได้แก่ การเต้นแอโรบิค การวิ่ง การจ็อกกิ้ง การว่ายน้ำ การขี่จักรยาน การพายเรือ ฯลฯ ดังนั้นการออกกำลังกายด้วยวิธีอื่นที่เหงื่อไม่ออกหรือเหงื่อออกน้อยหรือเหงื่อออกไม่ต่อเนื่องถือว่ายังใช้ไม่ได้นะครับ(แต่ก็ยังดีกว่าการไม่ออกกำลังกายเลยและที่จริงมันก็มีประโยชน์ทางอื่นครับ) เช่นกายบริหาร การเล่นเหวต(weight) โยคะ ถ้าเหงื่อออกน้อยก็จะไม่เข้าข่ายการออกกำลังกายแบบนี้ การออกกำลังกายด้วยวิธีนี้จะไปเล่นที่สนามก็ได้ ที่สถานออกกำลังกาย(fitness center)ก็ได้ ในบ้านก็ได้ ในห้องนอนก็ยังได้(ด้วยวิธีจ็อกกิ้งอยู่กับที่ หรือแกว่งแขน หรือชกลม โดยให้มือถือน้ำหนักและเคลื่อนไหวเร็วๆ) สามารถดูทีวีได้ หรือฟังเพลงก็ได้หรือเอาแผ่นแอโรบิคมาเปิดแล้วเต้นตามก็ได้ และถ้าข้อเข่าเสื่อม(มีกรณีนี้เยอะเหมือนกัน)ก็ให้ออกกำลังกายทางแขนแทนมากขึ้นเช่นยืน ขยับเท้าเบาๆแต่แกว่งแขนเร็วๆหรือให้ถือตุ้มน้ำหนักด้วยก็จะช่วยให้เหงื่อออกได้ การออกกำลังกาย ต้อง…ต้อง …ออกทุกวันอย่าเว้นแม้แต่วันเดียว นอกจากเกิดเหตุสุดวิสัย หากออกกำลังกายได้วันละ 2 ครั้ง ครั้งละ30-40 นาทีก็จะดีที่สุดหรือจะออกกำลังกายนานกว่านี้ได้ก็จะยิ่งดีแต่กลัวเบื่อเวลาที่ออกกำลังการที่ดีคือหลังอาหารเช้าแล้ว 1-2 ชั่วโมง กับหลังอาหารเย็น 1-2 ชั่วโมง แต่ที่จริงจะเป็นเวลาอื่นก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นตอนตื่นนอน หรือก่อนนอนก็ได้แล้วแต่เวลาที่ท่านสะดวก(เคล็ดลับเวลาเบื่อตอนเริ่มออกกำลังกายคือเปิดดูทีวีรายการที่ชอบ แล้วยืนแกว่งแขนขยับแข้งขาเล็กน้อยสัก5-10นาที ก็จะหายเบื่อและอยากออกกำลังกายเอง) ลองดูนะครับ…ลองดู… สัก 1 เดือน แล้วท่านจะพบความแตกต่าง ที่จริงผลลัพธ์นั้นยังเกิดผลดีอีกมากมายก็ผมไม่ขอบอกนะครับ เพราะมันเยอะจริงทุกท่านก็คงรู้ว่ามันเยอะ และโปรดระวังอาการน้ำตาลต่ำหลังออกกำลังกายแล้ว ประมาณ 1 ชั่วโมง(อาจจะมีเหงื่อซึมที่มือเล็กน้อย และเกิดอาการใจสั่น และกระวนกระวาย) ถ้าเป็นก็ให้ไปพบแพทย์เพื่อขอปรับยาได้ และควรไปพบแพทย์ตามกำหนดนัดทุกครั้ง
สุดท้ายก็ขอให้ทุกท่านที่กำลังต่อสู้กับโรคเบาหวานจงประสบกับความสำเร็จในการควบคุมน้ำตาลในเลือดครับ …….อย่าลืม ออกกำลังกายให้เหงื่อออกตลอดอย่างน้อย 20 นาที ทุกวัน..ทุกวัน..
ดำริ 28 กรกฎาคม 2553