ความเป็นมากลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์เพื่อพัฒนาคุณธรรมครบวงจรชีวิตจังหวัดตราด(ตอนที่ 1)


มันต้องเงินผสมธรรมะ มันจึงจะทำให้ชุมชนรวมตัวกันได้ ไม่อย่างนั้นการสอนธรรมะของเราจะเป็นโมฆะ เพราะไม่สามารถทำให้เป็นรูปเป็นร่างได้”


          พระสุบิน ปณีโต วัดไผ่ล้อม อ.เมือง จ.ตราด เป็นผู้ก่อตั้งกลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์เพื่อพัฒนาคุณธรรมครบวงจรชีวิต  โดยกลุ่มแรก ตั้งเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2533 ที่บ้านเกาะขวาง ต.ห้วยแร้ง อ.เมือง ก่อนที่จะเริ่มดำเนินการ ท่านได้สะสมแนวคิดและประสบการณ์มายาวนานถึง 18 พรรษา (ปี 2516 – 2533) ผ่านการเดินธุดงค์ไปตามที่ต่างๆ และได้พบเห็นปัญหาความไม่มั่นคงและเสื่อมทรุดของชุมชนในชนบทในทุกๆ ด้าน
            ในการเดินธุดงค์ไปภาคใต้ในช่วง ปี 2529 พระสุบินได้รับนิมนต์ไปเทศนาในหัวข้อ
“คิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาเป็น” ที่บ้านน้ำตกวังสายทอง จ.สตูล ซึ่งทำให้ท่านพบว่า ชาวบ้านคิดแก้ปัญหาไม่เป็น เมื่อเริ่มต้นคิดก็เริ่มกู้เงิน ท่านจึงได้เสนอให้เริ่มต้นแก้ปัญหา จากน้อย ค่อยๆ สะสม และเรียนรู้ผิดถูกไปพร้อมๆ กัน โดยการให้สะสมเงินคนละ 10 บาท เป็นประจำทุกเดือน นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของแนวคิดการแก้ปัญหาด้วยการใช้เงินเป็นเครื่องมือ  แต่ท่านจำเป็นต้องออกจากพื้นที่ ไม่ได้สานต่อแนวคิดนี้
          หลังจากนั้น ท่านก็ได้เห็นปัญหาต่างๆ ในสังคมที่รุนแรง จึงคิดว่า การสอนธรรมะด้วยการเทศนาอย่างที่เป็นมาไม่เพียงพอ และเป็นดังที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสสั่งพระภิกษุสาวกว่า “เธอจงเที่ยวไปเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนเป็นอันมาก” ดังนั้น ท่านจึงเห็นว่า แนวคิดการสะสมเงินทีละน้อยแล้วค่อยๆ ศึกษาเรียนรู้เพื่อให้มีความรู้ความสามารถจัดการได้เป็นวิธีการที่น่าจะช่วยเหลือชาวบ้านได้ ท่านจึงคิดกลับไปติดตามแนวคิดที่ท่านได้เสนอไว้ที่บ้านน้ำตกวังสายทอง แต่ไม่สามารถติดต่อได้ อย่างไรก็ตามพบว่า ครูชบ ยอดแก้ว  โรงเรียนวัดน้ำขาว อ.จะนะ จังหวัดสงขลา ได้ใช้หลักการดังกล่าวลงมือทำจนสำเร็จด้วยดี ท่านจึงได้ไปศึกษา แลกเปลี่ยนความคิดกับครูชบ ยอดแก้ว ซึ่งท่านพบว่า ...
           “แนวคิดกลุ่มออมทรัพย์ฯ ของครูชบนี้น่าจะนำเอาหลักธรรมะเข้าไปสอดแทรกด้วย เพราะมีหลักธรรม เช่น หลักมงคลสูตร หลักฆราวาสธรรม หลักสัตบุรุษ ฯลฯ แต่เราไม่สอนให้ชัดเจนนำไปปฏิบัติได้ ดังนั้นจึงคิดเอากลุ่มออมทรัพย์ฯ นี้นำร่อง แต่เอาธรรมะนำก่อนทำให้เห็นปัญหาโครงสร้าง และเอาเงินตามลงไป หรือ เอาเงินไป แล้วก็เอาธรรมะกำกับสอดแทรกเข้าไปด้วย อย่าให้เป็นเชิงเดี่ยว เพราะเชิงเดี่ยวมีอันตรายจะเกิดความโลภ ไม่เห็นอกเห็นใจกัน และไม่เป็นการพึ่งพากันอย่างแท้จริง”
          หลังจากที่พระสุบิน ได้แนวคิดแล้ว ก็ยังไม่สามารถดำเนินการเป็นรูปธรรมได้ เพราะยังไม่เข้าใจจริง ไม่มีอุปกรณ์ที่ใช้ในการตั้งกลุ่ม แต่ท่านได้ทราบแนวทางว่า  “มันต้องเงินผสมธรรมะ มันจึงจะทำให้ชุมชนรวมตัวกันได้ ไม่อย่างนั้นการสอนธรรมะของเราจะเป็นโมฆะ เพราะไม่สามารถทำให้เป็นรูปเป็นร่างได้”   

..72533..18(2516 – 2533) 2529              

          พอมาในปี 2531 ท่านมาจำพรรษาอยู่ที่ถ้ำน้ำใต้บ่อ ต.บ้านนา จ.พัทลุง ก็ใช้แนวคิดนี้ชวนชาวบ้านอีก  “เวลาเราพูดแล้วประยุกต์หลักธรรมะเข้าไปด้วย ชาวบ้านจะเห็นด้วยได้เร็ว แต่ก็ยังทำการตั้งกลุ่มไม่ได้ เพราะสมุด อุปกรณ์ต่างๆ ไม่มี”  ดังนั้น ในปี 2532 ท่านจึงได้ไปจำพรรษาใกล้บ้านครูชบ เพื่อจะศึกษาให้เข้าใจมากขึ้น  แต่ก็ใช้เวลาส่วนใหญ่สนทนาธรรมกับครูชบ  ดังนั้น จึงไม่ได้ศึกษาวิธีการ เรื่องการทำบัญชี สมุดบัญชี แต่อย่างใด

               (จากเอกสารประกอบการก่อตั้งกลุ่มสัจจะฯ บันทึกเพื่อทบทวน)
คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 23957เขียนเมื่อ 14 เมษายน 2006 20:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 19:59 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)
อ่านกลับ-ไป..ทบทวนหลายครั้ง ตรึกตรองในสิ่งที่รับ "สาร" นี้เข้ามา..คือ อะไร..เรื่องเล่านี้เหมือนเคยได้ยินมานาน..แต่หาจะใส่ใจอะไรไม่ในตอนนั้น...แต่เมื่อหากกลับมาพบเจออีกครั้งในเรื่องเล่านี้..ณ ตอนนี้ เวลานี้..มองเห็นอะไรบางอย่างที่น่าจะเกิดขึ้นได้ใน "ชุมชน-สังคม" ไทย..แต่นั่นคือ อะไร..ก็ยังยากที่จะตอบได้ ณ ตอนนี้..แต่ที่แน่..แน่..ในการรับรู้ที่มีอยู่ น่าจะเป็นสิ่งที่ดีแน่ที่ได้มาพบเจอเรื่อง "เล่า" ในบันทึกนี้
เคยทำโครงการเรียนรู้ร่วมกัน สรรค์สร้างชุมชน พื้นที่ตำบลน้ำผุด (วังสายทอง)สตูล มา 2ปี พบว่าพื้นที่บริเวณนี้ความเหนียวแน่นของชุมชนยังไม่สูงเพราะเป็นพื้นที่ของการการย้ายถิ่นฐานจาก ตรัง  พัทลุง นครศรีธรรมราช อยู่กันมาไมถึงช่วงอายุคน วิธีคิดของการรวมยังไม่ดี แต่ขณะนี้ก็มีกลุ่มออมทรัพย์หลายหมู่บ้าน
วิไลลักษณ์ อยู่สำราญ
    อยากให้คุณ konkhoming  สมัครเข้าเป็นสมาชิกของชุมชนองค์กรการเงินและสวัสดิการชุมชนด้วยกันค่ะ

ขออถัยเป็นอย่างยิ่งครับ..

ดูเหมือนผมจะยังไม่เข้าใจการบันทึกบล็อกดีพอ  จึงได้เอาเนื้อหามาลงทั้งดุ้นอย่างนี้ อยากบอกว่าที่นำมาลงเพื่อทบทวนความรู้ของตัวเอง  เพราะผมเองไม่ได้มีโอกาสเห็นการก่อตั้งระยะเริ่มแรกของกลุ่มสัจจะฯ  คิดตามประสาว่า  ถ้าเราจะเริ่มทำอะไร  ก้อน่าจะเริ่มทบทวนจากอดีต เพื่อที่เรา อันหมายถึงตัวผมละคนอ่าน จะได้มีความเข้าใจที่ตรงกัน

แต่แล้ววันนี้จึงเข้าใจ  สิ่งที่ผมสมควรทำคือการบันทึกตามมุมมองของตัวเราต่างหาก แม้ว่าเรื่องราวนั้นจะเป็นสิ่งที่เราไม่ได้ประสพเอง ถ้าเรื่องที่คนอื่นบอกเล่า ทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนแปลง ความรู้สึกหรือการแปลงแปลงที่เกิดขึ้นต่างหาก ที่ควรบันทึก..

เครือข่ายการจัดการความรู้คนเมืองตราด  ขอเชิญร่วมชุมชนครับ

กิจกรรมสัจจะสะสมทรัพย์ มีกจกรรมย่อยอะไรบ้าง

มีข้อดีอย่างไร

นักเรียนคิดว่าเป็นประโยชน์อะไรบ้าง

รวมทั้งมีเเนวทางพัฒนาให้มีความเข้มเเข็งอย่างไร

หลักการของท่านดีคิดดีที่เอาเงินมาเกี่ยวข้อง แต่ขอบอกทุกวันนี้ผมก็เป็นสมาชิก รู้สึกอึดอัดมาก กับกรรมการบริหารงานของกลุ่ม กับการที่ ใครเป็นญาติพี่น้องเพื่อนฝูงพรรคพวกกับกรรมการ อย่างผมเป็นสมาชิกมาเกือบ 20 ปี ไม่เคยขาดส่งสักครั้งเดียว แต่เวลากู้เงินกับโดนกรรมการมองแบบ หัวจดตีน เรื่องมาก แต่เป็นพวกของตัวเองสบายกู้ได้มากกว่าคนอื่น บางที่ส่งช้า ส่งขาด ก็แอบซุบซิบกันเอง

ตอนนี้ติดค้ำประกันคนอื่นอยู่ หมดเมื่อไรผมจะถอนออกให้หมด ตอนนี้มีเงินของกลุ่มอยู่ 12 ล้าน แต่ผมก็ไม่เคยเห็นบัญชีที่จะสามารถตรวจสอบได้ว่ามีอยู่จริง สิ้นปีมาต้องมีรายการมาแสดงว่ากู้ค้างอยู่เท่าไร ดอกเท่าไร ต้นเท่าไร เงินสดเท่าไร ไม่เคยมี บัญญชีก็ถืออยู่สามคนเท่าที่ผ่านมา กรรมการบางคน จนกว่าผมอีกแต่ตอนนี้ ผิดหูผิดตา สมารถมีเงินมาจับจ่ายใช้สอยลงทุนในเรื่องที่เกินตัวได้ เทียบกับคนอื่นที่ระดับเดียวกันมันเร็วเกินไป นี่ก็แสดงให้เห็นถึงสังคมไทยไม่ว่าระดับใหนก็จะต้องมีการโกงกิน ระบบเส้นสาย กลุ่มสัจจะนี่ระดับรากหญ้าอย่างแท้จริงเพราะฉะนั้น ระบบสังคมไทยจึงไม่มีความแตกต่างกันเลยไม่ว่ารากหญ้าหรือยอดหญ้าก็เหมือนกันต่างกันเพียงแต่สถานที่และเวลา สังคมเท่านั้น

จากคนไทยหัวใจสถาบัน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท