20.กำลังใจที่ขาดหาย ขอเติมด้วย "นิทานปุยเมฆ"


นิทานของเอลซุป (ผู้พันมาคอส) เขียนเมื่อ 7 พย.1997

วันนี้อยากให้กำลังใจกับคนเล็กๆ ที่รู้สึกท้อใจ ท่ามกลางสังคมโลกาภิวัฒน์ที่ซับซ้อน ยากจะรู้เท่าทัน ระบบทุนนิยมที่ใหญ่โต และถาโถมเข้ามาถล่มทับจนแทบยืนไม่ติด  บางคนเซล้มลง บางคนต้องหาที่พึ่งพิง บางคนตั้งสติได้ก็หยัดยืนใหม่  แต่ก็ไม่ใช่ทุกคน


นิทานของเอลซุป เรื่อง "นิทานปุยเมฆเล็ก" 
เขียนโดยผู้พันมาคอส แปลโดยภัควดี วีระภาสพงษ์
(อธิบายให้เผื่อคนไม่รู้จักว่า ผู้พันมาคอสเป็นหัวหน้าขบวนการปาติสต้า ในเม็กซิโก
ที่ต้องการอิสระจากรัฐทุนนิยม (ฝ่ายรัฐจะเรียกพวกเขาว่า กบฎ หรือผู้ก่อการร้าย)
ขบวนการปาติสต้า ปฏิเสธทุนนิยม และต่อต้านโลกาภิวัฒน์)
 

ประทับใจนิทานเรื่องเล็กๆ นี้มานาน และหลงลืมไปหากไม่มีใครมาสะกิดใจ
เลยหยิบมาบันทึกฝากเพื่อนๆ ค่ะ

  นิทานเอลซุป เรื่อง "นิทานปุยเมฆเล็ก"

ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีก้อนเมฆปุยหนึ่งที่เล็กมากและเหงามาก
เธอมักเร่ร่อนห่างไกลจากหมู่เมฆก้อนใหญ่ ๆ

เธอเป็นเมฆก้อนเล็กนิดเดียว แค่ปุยกระจิดริดเท่านั้นเอง
เมื่อไรที่หมู่เมฆใหญ่โปรยปรายสายฝนเพื่อระบายเทือกเขาเป็นสีเขียว
ก้อนเมฆปุยเล็กจะโฉบเข้ามาหาเพื่อเสนอตัวขอมีส่วนช่วยบ้าง
แต่หมู่เมฆใหญ่ดูแคลนเธอ เพราะเธอเล็กเหลือเกิน


"เจ้าช่วยอะไรไม่ได้หรอก" หมู่เมฆใหญ่บอกเธอแบบนั้น "เจ้าเล็กเกินไป"

หมู่เมฆใหญ่หัวเราะเยาะเย้ยจนเธออับอายมาก เมฆปุยเล็กเศร้าใจยิ่งนัก
เธอจึงพยายามไปที่อื่นเพื่อโปรยสายฝนบ้าง

แต่ไม่ว่าไปที่ไหน หมู่เมฆใหญ่จะขับไล่ไสส่งเธอเสมอ
ดังนั้น เมฆปุยเล็กจึงรอนแรมไปไกลขึ้น ๆ
จนกระทั่งเธอมาถึงสถานที่แห่งหนึ่งที่แห้งแล้งมาก

แห้งผากจนไม่มีกิ่งไม้สักก้านงอกเงย และเมฆปุยเล็กพูดกับกระจกว่า
(ผมลืมบอกคุณ เมฆปุยเล็กก้อนนี้พกกระจกติดตัว เพื่อจะได้คุยกับตัวเองเวลาเหงา):


"นี่คือจุดเหมาะที่สุดที่ฉันจะโปรยสายฝน เพราะไม่มีใครเคยมาที่นี่เลย"

เมฆปุยเล็กพยายามสุดชีวิตเพื่อกลั่นสายฝนออกมา
และในที่สุด เธอก็คั้นหยดน้ำเล็ก ๆ ได้หยดหนึ่ง
นั่นคือ เมฆปุยเล็กสลายตัวไปและกลายร่างเป็นหยดฝนเล็ก ๆ หยดหนึ่ง

เมฆปุยเล็กที่ตอนนี้กลายเป็นหยดฝนน้อยแล้ว ค่อย ๆ ร่วงหล่นลงไปช้า ๆ
เธอร่วงหล่นและร่วงหล่นไปในความเหงาวังเวง
แต่ไม่มีอะไรรอคอยเธออยู่ข้างล่างเลย

ในที่สุด หยดฝนน้อยก็ตกลงแตกกระจายสิ้น
เนื่องจากทะเลทรายนั้นเงียบงันมาก

หยดฝนน้อยจึงส่งเสียงดังมากตอนแตกกระจาย
เพราะเธอตกลงไปบนก้อนหินก้อนหนึ่งพอดี

เสียงสนั่นปลุกโลกให้ตื่นขึ้นมา ถามว่า:

"นั่นเสียงอะไร?"


"เสียงฝนหยดหนึ่งตกลงมา" ก้อนหินตอบ


"ฝนหยดหนึ่งหรือ? หมายความว่าฝนจะตกสิ! เร็วเข้า! ตื่นเร็ว! ฝนจะตกแล้ว!"
แม่ธรณีปลุกพืชพรรณต่าง ๆ ที่ซ่อนหลบแสงอาทิตย์อยู่ใต้ดิน


พืชพรรณต่าง ๆ จึงโผล่ออกมาและแทงยอดเล็ก ๆ
เพียงพริบตาเดียว ทั่วทะเลทรายก็ปกคลุมด้วยสีเขียวชอุ่ม
ครั้นแล้ว หมู่เมฆใหญ่ต่างแลเห็นสีเขียวสดอยู่ไกลลิบ ๆ และพูดว่า:


"ดูนั่นสิ มีสีเขียวกว้างใหญ่อยู่ตรงโน้น เราไปโปรยสายฝนตรงนั้นดีกว่า
เราไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ตรงนั้นเขียวชอุ่มเหลือเกิน"

หมู่เมฆใหญ่จึงเดินทางไปโปรยสายฝนตรงที่ที่เคยเป็นทะเลทราย
พวกเขาสาดสายฝนจนชุ่มฉ่ำและต้นไม้ต่างพากันเติบโต
สรรพสิ่งดูเหมือนกลายเป็นสีเขียวในทันที


"โชคดีนะที่พวกเรามาแถวนี้" หมู่เมฆใหญ่พูด
"ถ้าไม่มีพวกเรา ก็ไม่มีสีเขียวหรอก"


และไม่มีใครจดจำเมฆปุยเล็กที่กลั่นหยาดฝนหยดหนึ่ง
ซึ่งตกลงแตกกระจายจนปลุกทุกคนที่หลับใหลขึ้นมา


ไม่มีใครจดจำ  นอกจากก้อนหินที่เก็บความลับของฝนหยดน้อยไว้

กาลเวลาผ่านไป หมู่เมฆใหญ่ในตอนโน้นสลายหายไปแล้ว
และพืชพรรณตอนโน้นก็ตายไปแล้วเช่นกัน
ส่วนก้อนหินผู้ไม่เคยตาย มันคอยบอกเล่าแก่พืชพรรณไม้ต้นใหม่ที่แทงยอด
และหมู่เมฆใหม่ที่ลอยผ่าน
ถึงนิทานของเมฆปุยเล็กปุยหนึ่งที่กลั่นหยาดฝนหยดน้อยลงมา

 

…………………………

 

หมายเลขบันทึก: 239223เขียนเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2009 22:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:15 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

ขอบคุณค่ะ  ที่นำมาให้อ่าน  น่าสนใจมากเลยค่ะ 

แล้วครูอ้อยจะหาเวลามาอ่านอีกนะคะ

ยินดีค่ะ ที่ครูอ้อย แวะมา

นิทานดีๆ กับครูดีๆ เหมาะกันนะคะ

สวัสดีค่ะ คุณแก้ว..อุบล

แล้วจะนำนิทานของเอลซุปมาฝากอีกค่ะ

สวัสดีครับคุณ pis.ratana

ผมตอบคำถามให้ที่บล็อก ฉันจะบิน...บินไป ให้แล้วนะครับ :)

เลยตามเอาคำตอบมาให้ถึงที่เลย ขอบคุณนะครับที่ตามอ่านกัน ไปดูข้ออ้าง เอ๊ย!คำอธิบายข้างล่างรี้ได้เลยครับ

จากประสบการณ์ตรงที่เคยเจอเครื่องดีเลย์หรือยกเลิกเที่ยวบิน ของคุณ pis.ratana, คุณครู วรางค์ภรณ์ เนื่องจากอวน, และ คุณ ♥.·° ♥paula ที่ปรึกษา~natadee·° ..✿

คุณ pis.ratana เล่าให้ฟังว่า

1." เคยdelay เหมือนกัน ครั้งหนึ่งเคยได้กินแฮมเบอร์เกอร์ฟรี เพราะให้รอตั้งสองชั่วโมง

2. อีกครั้งหนึ่ง ถูกยกเลิกflightไปเลย โดยไม่มีคำอธิบายใดๆ

3. อีกครั้งหนึ่ง ขึ้นไปแล้ว 15 นาที บินถึงอยุธยาแล้วมั๊ง ต้องกลับกรุงเทพฯใหม่ เพราะกัปตันบอกว่าหุบขา เอ้ย! ล้อเครื่องบินไม่ได้ (แต่ไม่เข้าใจว่าบินทั้งกางๆ ไป ไม่ได้หรือ เพราะตอนลงก็ต้องกางล้ออยู่แล้ว) กลับมารอที่สนามบินอีกชั่วโมง

4. แต่ ปัญหามันอยู่ที่ว่า ตอนเครื่อง delay ไม่ค่อยได้รับคำอธิบายที่กระจ่างจากสายการบินหรือสนามบินว่าเป็นเพราะอะไร และจะรอถึงเมื่อไร หรืออนาคตจะเป็นอย่างไร "

ตอบข้อ 1 ไม่ว่าดีเลย์ด้วยกรณีใดๆ ที่มากกว่า 2 ชั่วโมงนั้น สายการบินจะมีคูปองอาหารแจกให้กับผู้โดยสารเที่ยวบินนั้นนั้นทุกท่านครับ แต่ก็แล้วแต่สายการบินเช่นกัน บ้างก็ไม่แจก หรือบ้างก็จะแจกก็ต่อเมื่อล่าช้าเกิน เท่านั้น เท่านี้ชั่วโมง แล้วแต่กำหนด

คูปองอาหารนี้เป็นบริการนะครับ ไม่ถึงกับเป็นกฏข้อบังคับที่ต้องแจก ฉะนั้น ถ้าหากเราโดนเที่ยวบินดีเลย์ แล้วถามคูปองกับพนักงานแล้วเค้าให้ไม่ได้ ก็ไม่ได้แปลว่า ตัวพนักงานไม่อยากให้นะครับ เป็เพราะนโยบายบริษัทนั่นเอง

ตอบข้อ 3 ที่ว่าเครื่องบินนั้น บินทั้งๆที่ล้อยังกางอยู่ได้หรือไม่ อันนี้ตอบแบบความเป็นจริงเหมือนน่าจะได้ใช่มั้ยครับ แต่นั่นก็เข้าข่ายละเลยเรื่องความปลอดภัยของกฏการบิน เพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาแล้วพบว่าสาเหตุเกิดจากความละเลยเรื่องล้อไม่กางแล้วยังบินต่อนั้นแล้ว สายการบินผิดตั้งแต่ตัดสินใจไม่เอาเครื่องวกกลับแล้วครับ :)

ส่วนเหตุผลอื่นๆก็เป็นเพราะ เครื่องรุ่นใหญ่ๆนั้นต้องบินสูงและเร็วมากๆ สภาพล้อที่ยังกางอยู่น่ะไม่เหมาะกับสภาวะบนนั้นที่สุดเลยครับ

เหตุผลที่ 2 คือ ถ้าหากไฟในห้องนักบิน เตือนว่าเก็บล้อไม่ได้ ระบบที่เกี่ยวพันกันอื่นๆ ก็จะพลอยไม่ทำงานตามกันไปด้วยครับ จึงต้องบินกลับ หรือบินลงสนามบินใกล้ที่สุดที่มีช่างเตรียมพร้อมแก้ไขครับ

ตอบข้อ 2 และ 4 รวมกันนะครับ คำอธิบายเรื่องดีเลย์หรือยกเลิกที่สายการบินได้รับจากช่าง,ฝ่ายปฏิบัติการหรือ OPERATION เพื่อนำมาบอกต่อกับผู้โดยสารนั้น เป็นคำอธิบายที่ตรงกันครับ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการอธิบายของพนักงาน หรือสถานะการณ์ที่ต้องรีบอธิบายและจัดการกับผู้โดยสารท่านอื่นๆด้วย จึงทำให้พนักงานอธิบายสั้นไปหน่อยมั้งครับผมว่า :)

ส่วนที่ว่าไม่รู้จะรอถึงเมื่อไหร่นั้นเพราะ พนักงานไม่รู้จริงๆครับ ต้องรอเวลาที่แน่นอนจากช่างผู้ซ่อมเครื่องและอื่นๆอีกมากมาย(มากจริงๆครับ) คือเวลาโดยประมาณยังไม่กล้าบอกเลยครับ เพราะเดี๋ยวบอกไปแล้วเกิด ไม่เป็นตามนั้น ผู้โดยสารก็จะรู้สึกว่าสายการบินทำไมไม่บอกความจริงตั้งแต่แรกว่าจะดีเลย์นานขนาดนี้ เพราะบางครั้งพนักงานก็ไม่รู้เหมือนกันนี่แหละครับ :)

ดีใจที่ได้คลายข้อสงสัยให้ได้นะครับ เหล่านี้ต้องได้รับการอธิบายจริงๆ

ถามกันเข้ามาเยอะๆนะครับ ผมยินดีที่จะหาคำตอบให้

ขอบคุณมากๆครับที่ติดตามอ่านกัน จะเอามาเล่าให้ฟังอีกนะครับ :)

ขอบคุณที่เติมกำลังใจแก่กันและกันค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท