ชีวิตที่พอเพียง : 1. เรียนรู้จากชีวิตวัยเด็ก


ระลึกชาติสู่ชีวิตแบบพอเพียง

ชีวิตที่พอเพียง : 1. เรียนรู้จากชีวิตวัยเด็ก

  •  วัยเด็กในชนบทช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง สอนให้รู้จักความขาดแคลน   สมัย ๕๐ – ๖๐ ปีก่อนปัญหาคือความขาดแคลน   สมัยนี้ปัญหาอยู่ที่มีมากเกินไป
  • ได้เรียนรู้และสร้างนิสัยบริโภคอาหารธรรมชาติ  กินอยู่ง่าย  พอใจกับสิ่งของ/ความเป็นอยู่ ที่ไม่หรูหรา
  • เรียนรู้การทำงานทุกรูปแบบ  ไม่ดูถูกงานแบบใดว่าเป็นงานต่ำ   เคยเร่ขายขนม  หาบของชำเร่ขาย  ขายกระปิ  ปลาเค็ม  ร่วมกับแม่เพาะถั่วงอกขาย  กวาดถูบ้าน  ตักน้ำใส่ตุ่มเอาไว้อาบ  หั่นหยวกกล้วย โขลก และต้มกับรำข้าวและปลายข้าว เอาไปเลี้ยงหมู   ไปสาวผักบุ้งในหนองเอามาหั่นและต้มรวมกับหยวกกล้วย สำหรับเป็นอาหารหมู  ลงจับปลาในหนอง   ไปธงปลาตอนกลางคืน   ใช้ลันจมดักปลาไหล   ฯลฯ   การทำงานทุกชนิด ในทุกสภาพแวดล้อม (บริบท) เป็นการเรียนรู้   
  • ผมโชคดีกว่าคนจำนวนมากที่ชีวิตวัยเด็กค่อนข้างลำบาก  ต้องทำงานทุกชนิด   แต่ก็มีกิน กินอิ่ม ได้อาหารที่ดี  ในชนบทอากาศดี   มีน้ำฝนสะอาด (รองจากหลังคาจาก) ดื่ม  และได้รับความรักจากพ่อแม่ญาติพี่น้อง    คือได้รับการกระตุ้นสมองจากหลากหลายกิจกรรม
  • เด็กชอบเล่น   สมัยก่อนไม่มีของเล่นขาย ต้องทำเอง หรือผู้ใหญ่ทำให้ โดยช่วยกันทำ    การทำของเล่นเป็นการเรียนรู้   การเล่นก็เป็นการเรียนรู้
  • เรียนรู้ให้เป็นคนช่างสังเกต เพราะความจำเป็น เนื่องจากความยากจน   เวลากินข้าวต้ม กับข้าวคือไข่เค็มคนละครึ่งฟอง    ผมเป็นพี่ ต้องเป็นผู้ผ่าไข่เค็ม และให้น้องเลือกก่อนว่าจะเอาซีกใด    ใครๆ ก็ต้องการซีกที่ไข่แดงมากกว่า   เราต้องเรียนรู้วิธีผ่าให้ไข่แดงเท่ากันทั้งสองซีก
  • ชีวิตวัยเด็กแบบนี้ ช่วยให้เราใช้ชีวิตแบบไม่ค่อยมีเงินได้โดยไม่รู้สึกยากลำบาก แม้เมื่อเป็นหมอแล้ว

วิจารณ์ พานิช
๑๔ เมย. ๔๙

หมายเลขบันทึก: 23910เขียนเมื่อ 14 เมษายน 2006 10:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 14:44 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

Thanks for sharing your childhood story ka, Ajarn Mor+ Vicharn. It led me to think of my own much younger years too. Our family's business went from the great success to the lowest point at the verge of bankruptcy. It taught our family many lessons ka. Most important of all, we've learned to be contented with what we have until today ka. We learn to understand others who struggle in the lives better as well.

I also think of my past experiences as a 'rachakarn'. I feel blessed to be one na ka. Having a low salary means we need to manage well while we should relate the opportunities given to work at a broader scale of rachakran as precious and many times rewarding returns.

Happy Songkran to you na ka. I was thinking of the KM workshop in the UK but with my time constraints, it's really impossible for now. Would love to hear from those who can make it too ka.

Ptk

    อ่านบันทึกนี้ของท่านอาจารย์แล้วทำให้ระลึกถึงอดีตที่คล้ายๆกัน  จำได้ว่าเคยรู้สึกอายที่จะบอกใครว่าสภาวะที่เป็นอยู่นั้นเป็นอย่างไร  แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับภูมิใจที่ได้เกิดและมีชีวิตอยู่ในสังคมแบบนั้น พอใจที่ได้ถูกหล่อหลอมมาด้วยสิ่งแวดล้อมที่พิเศษ ที่ไม่อาจหาได้อีกในปัจจุบัน  ... เคยเขียนเป็นบทกลอนไว้นานแล้วดังนี้ครับ ..

    ฉันเป็นคน  บ้านนอก  ขอบอกกล่าว
มีเรื่องราว  มากมาย  ให้นึกถึง
กาลเวลา  ล่วงไป  ใฝ่คนึง
สิ่งที่ตรึง  ใจมั่น  นั้นมากมาย

   สมัยนั้น  เราอยู่กัน  ฉันท์น้องพี่
มากน้ำใจ  ไมตรี  มิเหือดหาย
ไร้ไฟฟ้า  ไร้ประปา  แต่สบาย
เราอยู่ได้  กับธรรมชาติ  อันอุดม

   อยากกินปลา  เราไปหา  ตามท้องทุ่ง
เต็มตะกร้า  ล้นกระบุง  ก็สุขสม
แบ่งจ่ายแจก  ลุงป้า  น่านิยม
เป็นสังคม  แห่งน้ำใจ  อยู่ไกลเมือง

   ทั้งทำนา  ปลูกข้าว  และทำไร่
จวบต้นข้าว  ออกรวงใหญ่  ชูช่อเหลือง
ต่างช่วยกัน  เก็บเกี่ยวไป  ไม่สิ้นเปลือง
ไม่มีเรื่อง  จ่ายค่าจ้าง  เป็นรางวัล

   ยังมีอีก  มากมาย  หลายตัวอย่าง
ยังจำได้  ไม่จืดจาง  ใช่เรื่องฝัน
ชักอ่อนล้า  ด้วยกรำงาน  มาทั้งวัน
วันนี้พอ  ก็แล้วกัน  นะ บ๊าย บาย !

ชอบ สวรรค์บ้านทุ่ง ของคน Handy มากคะ อยู่ต่างจังหวัดก็ดีอย่างนี้นี่เองคะ ไม่ต้องวุ่นวายกับผู้คนและสารพันวัตถุนิยมมากมายนัก ดิฉันชอบอยู่ต่างจังหวัดคะ :)

        ขอขอบพระคุณที่ทำให้พักกับชีวิตการอ่านมานึกถึงบรรยายกาศตอนเป็นเด็กบ้านอยู่ติดริมแม่น้ำน้อย มีเรื่องด่วนสีแดงสีเขียววิ่งผ่านจากอ.เสนาจ.อยุธยา ไปกรุงเทพ  ชีวิตตอนเด็กมีความสุขสนุกมากเวลาน้ำท่วม ตอนนั้นผู้ใหญ่สอนให้มีความรับผิดชอบสรุปได้คือ

1. รู้รับผิดชอบในภาระกิจที่มอบหมายเช่นตักน้ำให้เต็มตุ่ม ทำความสะอาดบ้าน เสื้อผ้าด้วยตนเอง  ดูแลบ้านไม่ควรทิ้งบ้านไปเล่น

2. อาหารเป็นไปตามธรรมชาติ มีปลา มีผักบุ้งหน้าบ้าน มีการปลูกผักฟัก พริกและเครื่องสวนครัว เป็นเด็กก็ต้องรดน้ำ

3. การใช้จ่ายเงินใช้ตามผู้ใหญ่ให้ไม่เคยขอเงิน และก็รู้จักการออมด้วย

4. ด้วยการที่โรงเรียนมีวัดได้รู้จักการสวดมนต์ และได้ไปวัดกับครอบครัวทุกวันพระดังนั้นการเข้าใกล้และรู้วิธิปฏิบัติก็ง่ายสติจะเกิดทุกขณะของลมหายใจ    ข้อได้เปรียบอีกข้อตอนเด็กได้มีเรียนรู้ศาสนาอื่นเนื่องจากไปเข้าเรียนคริส รู้ไว้ทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี

สรุป  เมื่อโตมีการเปลียนแปลงหลายอย่างบางครั้งหลงไปกับแสงสีเสียง  ก็เลยเหนื่อยไปหน่อยแต่เมื่อรู้ตัวก็ตั้งสติให้มีสมาธิ

 

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท