นักเรียนร่วมกันคิดว่า น่าจะขอถังขยะจาก อบต.มาตั้งไว้ ให้คนแถวนั้นทิ้งขยะ หรือให้มีที่ทิ้ง จึงเป็นที่มาว่า ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะขอเงินสนับสนุนในการจัดซื้ออุปกรณ์จำเป็นบางอย่างด้วย เช่น สี ป้ายผ้า ไม้อัด กระดาษ ฯลฯ ด้วยเหตุนี้โครงการคลองสวยน้ำใส จึงส่งผ่านจากโรงเรียนไปยัง อบต.บ้านกร่าง เพื่อขอสนับสนุนงบประมาณ
นักเรียนวางแผนร่วมกันว่า จะต้องทำกิจกรรมหลายๆอย่างพร้อมๆกัน เพื่อลดการทิ้งขยะลงสู่แหล่งน้ำให้ได้ ด้วยการแบ่งเพื่อนๆให้มีหน้าที่รับผิดชอบ ทั้งเป็นผู้ปฏิบัติและผู้ติดตามตรวจสอบ รวมทั้งได้กำหนดระยะเวลาไว้อย่างชัดเจน นักเรียนวางแผนเริ่มการทำงานกัน ตั้งแต่ประมาณกลางเดือนธันวาคม และกำหนดว่า จะทำไปเรื่อยๆและหยุดเมื่อถึงเวลาสอบปลายภาค จึงกำหนดวันสิ้นสุดไว้ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2552
นักเรียนลำดับกิจกรรมต่างๆ ที่จะต้องทำร่วมกัน โดยมีครู(ผม)เป็นผู้ชี้แนะถึงบางอย่างที่ควรต้องทำ สรุปว่าอย่างนี้ครับ
การทำงานของนักเรียนมีความก้าวหน้าตามลำดับ นักเรียนไปพบเจ้าอาวาส และนายก อบต. นักเรียนบอกผมว่าทั้งวัด และอบต. อนุญาตและยินดี โดยเฉพาะ อบต. ให้ความสนับสนุนงบประมาณทั้งหมด รวมทั้งถังขยะ นักเรียนเขียนรายละเอียดเพื่อขอสนับสนุนค่าอุปกรณ์ในการทำป้ายและแผ่นพับ เป็นเงิน 4,000 บาท ครับ
นักเรียนร่วมมือร่วมใจกันทำความสะอาดคลองอยู่ 2-3 วัน ในช่วงเย็น “นักเรียนบอกว่า เริ่มทำแล้ว...อาจารย์แวะดูหรือยัง ” เย็นนั้นผมจึงแวะชื่นชมความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ปรากฏว่า ใช้ได้เลยครับ คลองยาวๆสัก 200 เมตร สะอาดขึ้นผิดหูผิดตาเลยทีเดียว ทั้งๆที่นักเรียน 6/1 ซึ่งกำลังเรียนรู้ปัญหาสภาพแวดล้อมของชุมชนตัวเองในขณะนี้ มีแค่ 19 คน เท่านั้น
“แล้วแผ่นพับรณรงค์ล่ะ ทำหรือยัง แจกหรือยัง” ผมถามเพราะเห็นว่าถึงกำหนดเวลาที่ต้องทำแล้ว “ยังเลยครับ ยังเลยค่ะ” ทำไมล่ะ? ไม่มีใครตอบได้ หรือช่วยกันปกปิดความเรื่อยเฉื่อยของเพื่อนก็ไม่รู้ กลุ่มที่รับผิดชอบก็ไม่ได้อยู่ในที่ประชุมเสียด้วย
ผมย้ำว่า ต้องช่วยกัน ต้องทำให้ครบทุกรายการที่คิดกันขึ้นมา เรากำลังทำความดี ใกล้จะจบ ม.6 กันแล้ว เหลือแค่เดือนกว่าๆ ทำประโยชน์ให้กับส่วนรวม ให้กับบ้านเรา ให้กับท้องถิ่นเรา ทำดีแล้วสบายใจ..เชื่อครู ผมก็ว่าไปเรื่อย เพื่อกระตุ้นให้นักเรียนทำงาน ทำงานเพื่อเรียนรู้
หลังจากนั้นอีกไม่กี่วัน นักเรียนนัดกันไปเขียนป้ายผ้าและป้ายไม้ที่บ้านของเพื่อนคนหนึ่ง สิบโมงเช้า วันอาทิตย์ เป็นเวลานัด...ผมตั้งใจจะไปดูการทำงานร่วมกันของนักเรียน จึงไปตรงตามเวลา แต่พบนักเรียนแค่ 2-3 คน บอกว่า เดี๋ยวคงทยอยๆกันมา แต่คงไม่ครบ
เมื่อบ่ายมากแล้ว ผมกลับเข้าไปดูนักเรียนทำงานอีกครั้ง พร้อมกล้วยทอด 3 ถุง พบนักเรียนแค่ 9 คน กำลังก้มหน้าก้มตาช่วยกันทำป้ายรณรงค์อย่างขมีขมัน สรุปว่าอีก 10 คน ไม่มา...ผมนึกขึ้นมาเลย แล้วจะให้คะแนนนักเรียนยังไง คนทำก็ทำ คนไม่ทำก็ไม่ทำ
จึงคาดคั้นถามนักเรียนว่า ตอนที่ช่วยกันเก็บขยะที่คลอง มากันครบหรือเปล่า นักเรียนแทบทุกคนอิดออด ไม่ค่อยจะยอมบอก สุดท้ายจึงรู้ว่า ทำวันแรกครบ แต่วันต่อมาขาดเยอะ
กับพวกเพื่อนๆด้วยกันเอง เรื่องนี้จะสำคัญหรือเปล่าไม่รู้ แต่สำหรับผมแล้วเป็นปัญหาแรกที่พบ “ทำไมไม่ช่วยกัน” ผมถามในใจ
นักเรียนทำงานทำงานเพื่อเรียนรู้..จริงด้วยค่ะ
แวะมาเป็นกำลังใจค่ะ
สวัสดีครับ บางครั้งหากเด็ก ๆ ได้ลงมือทำเอง เขาจะได้รับอะไรมากมายกว่าที่เราจะนึกถึง
เป็นกิจกรรมก่อนจบที่เปี่ยมด้วยคุณค่า และสายใย
ในไม่นาน เด็กๆเหล่านี้จะเป็นผู้ใหญ่ที่มีความพร้อมที่จะเดินก้าวไปข้างหน้า ด้วยปัญญา อย่างมีสติคิดที่ดีมากๆค่ะ
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะ
ครูแป๋มเคยให้เด็กม.6 ทำโครงการเยาวชนรักษ์สิ่งแวดล้อม ในภาคเรียนที่ 1 และโครงการนำความรู้สู่ชุมชน ในภาคเรียนที่ 2 ทั้งสองโครงการ ฝึกความเป็นผู้นำ การทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม การประสานงานกับผู้ใหญ่แต่ละองค์กร การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า การเสียสละ และความมั่นใจในการนำเสนอความรู้ ฯลฯ มากมายค่ะ
สวัสดีค่ะ
ก่อนปิดเครื่องวันนี้ ขอแวะมาสวัสดีก่อนค่ะ
สวัสดีครับ อาจารย์
มาให้กำลังใจเด็กที่ตั้งใจทำงาน รักษาสิ่งแวดล้อม ที่ปฎิบัติกันจริง ๆ ครับ
ตอนทำแผงกลั้นคลองไม่มีใครไปช่วยพวกหนูเลย มีไปแค่ไม่กี่คน
สวัสดีครับ
• อ่านตลอดแล้ว...เป็นกิจกรรมการเรียนการสอนที่น่าชื่นชม ครับ
• ปัญหาการขาดความร่วมมือร่วมใจของนักเรียนบางกลุ่ม เป็นปัญหาที่พบเห็นทั่วไป
• คงต้องใช้หาทางแก้ไข จับจุดให้พบใช้จิตวิทยา
เข้าใจ เข้าถึงน่าจะลองดู นะครับ
• ขอบคุณที่แวะไปอ่านบันทึกที่บล็อก ครับผม
...........................................................................................
ครูจึงคิดว่า "ทำไมไม่ช่วยกัน" ต่อนี้ไป จะไม่มีเหตุการณ์อย่างนี้แล้ว ใช่มั๊ย?
สวัสดีค่ะ
เอ็นทีเข้ากระดูก..เป็นไงครับครูคิม
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณบัวชูฝักมากครับ ที่เข้ามาเยี่ยมชมและร่วมแสดงความคิดเห็น