เมื่อวันก่อน (๒๐ มกราคม ๒๕๕๒) ได้ข่าวจากนักการอิ่ม จากก๊วนคุณสะอาด เทศบาลนครพิษณุโลกว่า จะมีวงเสวนาแบบสุนทรียสนทนา หรือ Dialogue ที่ห้องจุฬามณี ๒ ชั้น ๓ เช้าวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๒ เวลา 9.00-12.00 น. ให้เชิญอ.ภูคาไปด้วยน๊ะ (แต่อ.ภูคาแกคงไปไม่ได้เพราะอยู่ที่เพชรบูรณ์) พระเอกของวงสุนทรียสนทนาจะเป็นคนนี้เลย (ยืมมาจาก file ของท่านอาจารย์มาลินี)
ใน Year Plan กำหนดไว้ว่า ช่วงเช้าวันที่ 21 ต้องไปฟังบรรยายจากท่านดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยาที่ห้อง QS4401 ใน มน. ....ในสมองคิดว่าจะแบ่งภาคอย่างไรดี..อยากพบบุคคลที่เรียกว่าปราชญ์ทั้งสองท่านเลย..แถมเปิดบันทึกไปพบบันทึกของคุณบอย <ที่นี่> ทำให้ชีวิตสับสน (ยืมคำพูดของท่านอาจารย์ JJ มา--อยากไปทุกโปรแกรมแต่คงเป็นไปไม่ได้)...
ลองตั้งสติให้ดี ก็พบว่าโปรแกรมของ ดร.อาจอง สามารถ shift เป็นตอนบ่ายได้..อย่างนั้นเราไปตอนบ่ายดีกว่า แล้วไปที่เทศบาลนครตอนเช้า...(จะได้ไปเรียนรู้ที่เทศบาลฯ)..จบ
๒๑ มกราคม ๒๕๕๒ เกือบ ๙ โมงเช้าไปโผล่ที่เทศบาลนคร ขึ้นไปชั้น ๓ ห้องจุฬามณี ยังไม่เห็นมีใครมา พบนักการอิ่มให้ไปนั่งในห้องก่อน สักพักพบคุณหมอสาโรช พร้อมทีมงานมีคุณสามารถ เอื้อมเก็บ และ คุณไพฑูรย์ มาประกอบ จากรพ.พุทธชินราชกำลังเดินมาที่ห้อง..(แทรกภาพ)
ความจริงผมเคยไปร่วมสักเกตวง Dialogue ที่รพ.พุทธชินราช ของคุณหมอสาโรช มา 2 ครั้งแล้ว แต่เข้าใจว่า ในการจัด Dialogue ของแต่ละแห่ง ย่อมมีบริบทที่แตกต่างกัน..ลองค้นคำ Dialogue ที่ gotoknow ก็ได้ เรื่องเล่ามา ๒ เรื่อง...เรื่องแรกเป็นของท่านอาจารย์ประพนธ์ <ที่นี่> และเรื่องที่สองเป็นเรื่องของคุณ KMI_MuJalin <ที่นี่>
หลังจากที่ผมและทีมงานรพ.พุทธฯ เข้าไปจับจองที่นั่งในห้องแล้ว ทีมงานของเทศบาลเริ่มเข้ามานั่งจนเกือบเต็มห้อง คุณหมอสุธีได้พาพระเอกของห้องเข้ามา ผมก็ได้ไปกอดท่าน (ครูบาฯ) โดยมีคุณหมอสุธี บันทึกภาพเอาไว้ (ไม่มีเวลาไปดูดมา..อิอิ)
Capture (ในงาน)..คุณหมอสุธีเปิดประเด็นเล่าว่า ท่านครูบาสุทธินันท์ มีภาระกิจรับคำเชิญที่แม่สอด จะผ่านมาทางพิษณุโลก ทางหมอสุธีก็เลยไปเชิญตัวมาก่อน (ก่อนส่งต่อไปให้คณะฯสหเวช..อิอิ) แล้วมอบให้นักการอิ่มบอกว่า ไหนๆ ท่านครูบาก็มาแล้ว โปรดใช้งานให้คุ้ม..นี่ก็คือที่มา..อิอิ (เล่าเสียยาวเลย)
หลังจากนั้นก็เริ่มแนะนำตัวเองกันว่า "ไผเป็นไผ" ราวๆ ๒๐ คน (แทรกภาพ) ไป ๑ รอบ ต่อด้วยความคาดหวังของแต่ละคน (แต่ตรงนี้ ความคาดหวังของหลายคนตรงกัน--คือไม่ได้คาดหวังอะไร--แค่อยากมาเรียนรู้ ก็เลยไม่ได้คุยกันในประเด็นนี้)
ท่านครูบาฯ เปิดประเด็นเล่าความหลังว่า...ไปขอลูกสาวเขา เขาไม่ให้ รออยู่ ๘ ปี คราวนี้ก็จะมาฉุดลูกสาวเขา เลยมาที่พิษณุโลกครั้งแรก มาถึงตี ๒...จบครับเพราะไม่มีใครถามประเด็นต่อ
คำถามว่า "เจ้าเป็นไผ" ตรงนี้ฝรั่งเขากล้าแสดงออกกว่าคนไทย..การถามคำถามนี้ ทำให้แต่ละคนต้องมองเข้าไปในตัวเอง ทำความรู้จักกับตัวเองให้มากขึ้น มองให้เห็นตัวตน มองให้เห็นความรู้ในตัวตนที่ซ่อนอยู่ไม่ค่อยออกมา มองให้เห็นความดีและความงามในตัวเองด้วย....ประโยคเด็ด "กว่าจะเกิดมาเป็นคนนี่ เราเรียนรู้ตั้งแต่อยู่ในท้องแล้ว"
ที่ขอนแก่น มข. เอาอาจารย์ไปนอนที่มหาชีวาลัยอีสาน 2 คืน ที่สำคัญคือเอาคนจากที่เดียวกันไปอยู่ด้วยกัน..ทำให้สนิทสนมกันมากขึ้น เอาเรื่องมาคุยกันมันไม่ธรรมดา...ตกกลางคืนเอาความดีของแต่ละคนมารวมกันเป็นละคร
ในที่ทำงาน มันมีวัฒนธรรมองค์กร และระเบียบต่างๆ แต่จริงๆ แล้วมันมีวัฒนธรรมส่วนตัวด้วย
ตอนเรียนที่สถาบันพระปกเกล้า ถ้าเราอยากจะฟังใคร เขาพาไปฟัง หรือถ้าเราอยากไปพื้นที่ไหน เขาก็พาไป...ตอนไปที่ใต้ พบว่าเขาอยู่กันด้วยความหวาดระแวง...พอ ๔ โมงเย็นต้องเข้าอยู่ในบ้านแล้ว
ที่พิษณุโลก ตัวแม่ทัพนั้นสำคัญมาก....ในชีวิตเราถ้ามีตัวอยากรู้แล้วชีวิตจะไม่เซ็ง
(ครูบาฯ) เดี๋ยวนี้บ้านเมืองเปลี่ยนไปเร็วมาก อเมริกาที่เป็นจ้าวระบบหรือระเบียบกฎเกณฑ์ต่างๆ ก็มาล้ม (ระบอบทุนนิยม) ก่อนหน้านี้เคยไปจีน...ไปตลาดเช้าตี 4 ตี 5 ที่นั่นเขาไม่เปิดไฟ (ประหยัด), คนจีนสูบบุหรี่เยอะมาก..ตอนนี้จีนเปิดเกมในภูมิภาค ทำเขื่อนกั้นแม่น้ำโขง เปลี่ยนพลังงานน้ำเป็นพลังงานไฟฟ้า
โจทย์สังคมไทยเปลี่ยนแปลงไป ต่อไปไม่มีโจทย์เก่า ถ้าเอาโจทย์เก่ามาคิดจะคิดไม่ทัน...กระบวนการเรียนการสอนไม่มีถูกไม่มีผิด...และถ้าทำให้ใจนิ่ง เราจะเดินกันไปได้..
คำตอบของโจทย์ไทย หาได้ที่อินเดีย..ที่อินเดียมีพยัญชนะ 200 กว่าตัว กว่าจะทำให้คนรู้หนังสือมันยาก....ที่อินเดีย คนอินเดียอยู่ได้ด้วยใจ....มีเทวสถานหลายแห่งสร้างมาก่อนสมัยพระพุทธเจ้า และเดี๋ยวนี้ก็ยังมีคนดูแลอยู่ ที่ยังอยู่ได้เพราะการมีศรัทะ และการสืบต่อ ซึ่งถ้าเรามาดูในไทย..เราจะพบโบราณสถานที่อายุน้อยกว่าในอินเดีย (คืออินเดียโบราณสถานของเขายังมีคนเข้าไปใช้ทำกิจกรรมต่อเนื่องจากโบราณมาถึงปัจจุบัน) จริงๆ แล้วเขา (คนอินเดีย) อยู่ยากกว่าเราเยอะ...ที่ได้ไปอินเดียเพราะว่าส่งโครงการเข้าประกวดและชนะเขาเลยให้ไปดูงานที่อินเดีย-เป็นโครงการเรื่อง ICT เพื่อพัฒนาชนบท
เมื่อไปดูงานพบว่า เรื่อง ICT เพื่อพัฒนาระบบเป็นเรื่องของผู้หญิงทั้งหมด..ที่อินเดียผู้หญิงต้องไปขอผู้ชาย เอาสินสอดไปให้..มันก็มีเจ้าหนุมกำมะลอ เที่ยวหลอกให้ผู้หญิงมาขอ เอาสินสอด เขาก็เอารูปเจ้าหมอนี่ใส่ใน web และคอยจับตัว ในที่สุดก็จับได้ เลยโดนซ้อมเสียน่วม..
เมื่อไปอินเดียเห็นโจทย์อินเดีย มันหนักมาก...มาเห็นโจทย์ไทยมันดูจิ๊บจ๊อยมาก....เวลาเราดูโจทย์ในไทย อยาไปดูในสังคมใหญ่ ให้ดูเฉพาะโจทย์ในองค์กรหรือสังคมเล็กๆ ของเรา....อย่างใครจะไปหาครูบาฯ เราก็ชอบเข้าไปในครัว ให้ไปช่วยกันทำครัว..เลยได้สูตรใหม่ เอายอดมะรุม (ที่มีดอก) มาผัดไข่ มันอร่อยมาก....เป็นการเรียนรู้วิธีการทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย..
การทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย...เวลา(เริ่ม)ทำ ให้ทำจากเรื่องเล็กๆ..แต่ทว่าเรื่องเล็กๆ นี้ ทำให้มันพิเศษกว่าคนอื่นๆ ตอนทำต้องทำให้มีความสุข...
(เล่าเรื่องทัวร์) ทัวร์ไหนๆ ในโลก สู้ทัวร์ที่ทำด้วยใจของครูบาฯ ไม่ได้
ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ..จะมีคนตกงานเยอะ ที่พิษณุโลกจะเป็นศูนย์ฝึกอบรมเรื่อง "จิตวิวัฒน์ และจิตตปัญญาศึกษา) จะมีงบประมาณเข้ามา 6-7 พันล้าน เพื่ออบรมคนที่ตกงาน....
(ครูบา) ผมเป็นกรรมการสภาการศึกษาแห่งชาติ เวลาประชุมมีนายกรัฐมนตรีนั่งเป็นประธาน มีคนเข้าประชุม 100 กว่าคน มีนักกฎหมายอยู่เต็ม..เวลาจะทำอะไรมีการออกเป็นกฎหมาย กฎระเบียบ..ทีนี้เวลาที่เราทำอะไรในกฎระเบียบ..มันทำยากมาก...ดังนั้นวิธีทำงานของเราท่ามกลางกฎระเบียบคือ "การทำงานอิงระบบ" หมายความว่า เวลาเราทำงานอย่าเพิ่งเอากฎเกณฑ์มาวาง เอางาน ความสุขและความสำเร็จเป็นตัวตั้ง จะทำให้การทำงานมันง่าย...แต่เราไม่ได้ทำอะไรที่ผิดระเบียบ..ถ้าต้องการลายเซ็น เราก็คุยกันให้เข้าใจให้รู้เรื่อง อันไหนผ่อนปรนกันได้ก็ทำ (อันไหนไม่ได้ก็ไม่ทำ) ทำงานแบบยืดหยุ่น ทำงานแบบเข้าใจกัน ให้มาร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน...จะไม่มีเรื่องเขาเรื่องเรา มีแต่จะคอยช่วยกัน..จริงๆ แล้วขนาดเราช่วยกันยังยากเลย ดังนั้นทำไมเราจึงไม่หาวิธีช่วยกัน....
(หมอสุธี) "คณะพยาบาล มช." ให้ทีมเทศบาลไปอบรมให้เขา ๒ วัน เพื่อให้เขาได้คำตอบว่า "ทำอย่างไรจึงจะทำงานอย่างมีความสุข"....เวลาเราไป...เราไปสอนเขาให้เขา "ฟัง" และ "คุย" กัน (อย่างมีระบบ) คือเป็นการ "ทำลายกำแพง" (ที่เขากั้นกันเองทั้งนั้น)
การที่จะทำให้เขา "เปิดใจ" รับฟังกันและกัน...ต้องเอาวิทยากรจากภายใน (ความจริงก็คือผลัดกันเป็นวิทยากร...ผ่าน Morning talk, Lunch talk หรือ dinner talk ก็ได้)...."การทำงานหรือเรื่องทุกอย่างในชีวิต เราต้องทำให้มันมีความสัมพันธ์กัน"
พอผ่านกระบวนการของทีมเทศบาลแล้ว เขา (พยาบาล) สรุปกันว่า ที่เขาไม่มีความสุข เป็นเพราะเขาไม่รู้จักตัวเอง และเขาไม่รู้จักคนอื่นๆ....ถึงตอนนี้ เขาคิดหาคำตอบได้แล้วว่าจะทำอย่างไร...เขาจะพบปะพูดคุยกันบ่อยๆ และเขาจะหาวิทยากรภายใน (พวกของเขา) เขาจะพูดคุยกันบ่อยๆ....
(ครูบา) เรื่องกิจกรรมนักศึกษา "ทำค่าย".....มีนศ.ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เข้าหมู่บ้านไป 3 วัน ไปคุยกับชาวบ้าน มีหลายปัญหาที่นศ.ตอบไม่ได้ เขาได้บทเรียนด้วยตัวเอง พอเขากลับไปมหาวิทยาลัย อาจารย์ให้อะไรเขาก็ทำ....
(ครูบา-สอนให้คิด) มีตัวอย่างนักเรียนชั้นประถม ให้ทุน 500 บาท ไปจัดค่าย เด็กป.๕ ทำค่าย "ทำขนมจีน".. ทำไมทำเก่งนัก...ได้ความว่าที่บ้านของเขามีอาชีพทำขนมจีนนั่นเอง
ที่วิทยาลัยอิสลาม..ถ้ามีการตกลงกันว่า ปีแรกนศ.ไม่เรียนได้ไหม เอาแค่เกียรติบัตร ถ้าผลของนศ.ส่วนใหญ่ว่าอย่างนี้ อาจารย์ควรยอมรับได้หรือไม่..
(ครูบา-เรื่อง "สมเด็จพระเทพฯ นักการศึกษาผู้ยิ่งใหญ่") ....ได้มีโอกาสร่วมโต๊ะเสวย ในงานพระราชพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ที่มมส. ได้สนทนาเรื่อง "เอกมหาชัย" (พืชน้ำมัน-ไม้ตะกุลมะกอก)...ซึ่งถ้าปลูกได้ 5 ปีแล้ว เอามาบีบเป็นน้ำมันใส่รถวิ่งได้....สมเด็จพระเทพฯ ท่านมีข้อมูลเรื่องนี้น้อย..พอสักพักท่านไปค้นเรื่องนี้ผ่านมือถือของท่าน..แล้วท่านตรัสว่า "รู้แล้ว"....พระองค์ท่านเป็นนักการศึกษาที่ยิ่งใหญ่ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย แต่เป็น "ของโลก"
(หมอสุธี) อยากเชิญ ดร.วรภัทร์ มาพูดให้ฟัง เรื่อง "การเรียนรู้" มันมีทั้ง
Hard side เรารู้เรื่องกันดีอยู่แล้ว แต่ soft side เราไม่ค่อยรู้กัน เช่น เรื่องของจิตวิญญาณ เรื่องการมีธรรมะในหัวใจ เรื่องจิตวิวัฒน์...ที่น่าเป็นห่วงคือทีมที่ไม่มีสตางค์ ไปขอเงิน สสส.มา แต่เราไม่เข้าใจ
การทำโรงเรียน "วิถีพุทธ" เราก็ไม่เข้าใจ เราไปเอาเรื่องพิธีกรรมเข้าไปสอนในโรงเรียน แต่จริงๆ แล้ว concept ของมัน คือ การที่เอาครูซึ่งมีธรรมะปฏิบัติในตัวอยู่แล้ว ไปสอนนักเรียน
ภายในมหาวิทยาลัยก็เหมือนกัน ถามว่า วิชา "คุณธรรม จริยธรรม" ต้องแยกออกมาเป็นวิชาเพื่อสอนหรือไม่..ถ้าคิดให้ดีไม่ต้อง เพราะถ้าเราใส่เรื่องนี้เข้าไปอยู่ในตัวครูบาอาจารย์แล้ว นิสิต-นักศึกษาก็จะได้ Role model ไปแบบอัตโนมัติ...
"จิตตปัญญาศึกษา" นั้น เขาเน้นให้อาจารย์ที่มีธรรมะมาสอนแบบเข้าใจเด็กนั่นเอง
(ต่อไปเป็นการฉาย CD ทีมเฮฮาศาสตร์ของพ่อครูบาฯ).....
คุณหมอสาโรช Share "Dialogue" เรื่อง โครงการที่รพ.พุทธ เรื่อง "อาสาสมัครสวล." 200 คน แบ่งเรื่องการคุยเป็น ๒ รอบ คือ เรื่องความปลอดภัย กับ อยู่ดีมีสุขอย่างยั่งยืน (ประเด็นสิ่งแวดล้อม)
คุณ "ยุ้ย" จากเทศบาล Share ชีวิตการทำงานของตนเองว่าเดิมเคยติดกรอบและไม่ไปหาคนอื่น แต่เดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปตรงกันข้าม..
Beeman Share เรื่อง โครงการ "จิตอาสา" (ติดตามได้ในบันทึกอื่น)
สังเกตว่า ครั้งนี้ในวงไม่ค่อยได้ Share กันมาก มี Share กันไม่เกิน 8 ท่าน ทั้งนี้เป็นเพราะยังไม่ค่อยคุ้นเคยกันอย่างหนึ่ง และอีกอย่างหนึ่งเป็นเพราะทุกคนตั้งใจจะมาฟัง มากกว่ามา Share...การมา dialogue วันนี้เป็นเพียงบทเริ่มต้นเท่านั้นเอง....ท่านผู้อ่านบันทึกนี้หากคาดหวังไว้สูงก็จะไม่ได้อะไร แต่ถ้าไม่ได้คาดหวังอะไร และอ่านอย่างวิเคราะห์แล้ว ผม (คิดเข้าข้างตัวว่า) ทุกบันทึกที่ผมเขียนมันมีความรู้ซ่อนอยู่ สุดแต่ว่าบันทึกนั้นไปตรงใจใครคนนั้นหรือไม่เท่านั้นเอง...อิอิ
มนุษย์ผึ้งมหัศจรรย์ |
สวัสดีค่ะ คุณ beemanท่าทางคุณจะร฿ภาษาจีนนะค่ะ
เคยเรียนใช่ไหมค่ะ
สวัสดีครับคุณ berger
สวัสดีค่ะอาจารย์
สวัสดีครับคุณครูคิม
เข้ามาคาดหวังในการได้อ่านเนื้อหาสุนทรีสนทนาว่ามีอะไรบ้าง
แต่ก็ผิดหวัง
แต่ก็ไม่คิดอะไรเพราะเป็นเพียงการคาดหวัง
วงสุนทรีสนทนาแตเละจังหวัดก็จัดกันเป็นกลุ่มๆเล็กๆเช่นนี้
เมื่อการสนทนาสิ้นสุดก็เลิกลากันไปรู้กันในกลุ่มแคบๆ
อยากให้การสนทนาประจักษ์ผลที่ชัดเจนกว่านี้ครับ
เรียนท่านสุวัฒน์
สวัสดีค่ะอาจารย์ beeman
สวัสดีครับ ครูหญ้าบัว
อาจารย์เป็นปราชญ์ในใจศิษย์จริงๆค่ะ ไม่สงสัยกับแนวคิดและความเชื่อแห่งตนของครูแป๋มที่ถูกหล่อหลอมมาจากสถาบันแห่งนี้ สุดยอดและยอดเยี่ยมที่สุดค่ะอาจารย์
p'pink
สวัสดีครับ อาจารย์ beeman
นึกว่า Dialogue ครั้งนี้จะมีเรื่องเกี่ยวกับผึ้งบ้าง
แต่ก็ไม่มี ไม่เป็นไรครับ
ขอร่วมเรียนรู้ Dialogue ด้วยคนนะครับ
แต่ยังไงก็ไม่หลุดคอนเซปท์อยู่ดีครับ
เหลือบไปเห็นก่อนจบ มีท่าน "กูรูผึ้ง" แชร์เรื่องจิตอาสาครับ
มาอีกรอบนะครับ
ขอเชิญอาจารย์ไปเยี่ยมชมบันทึกเรื่อง Dialogue ของที่ทำงานผมเอง ที่ผมได้มีโอกาสไปร่วมสังเกตการณ์ครับ
http://gotoknow.org/blog/observer/259202
หากอาจารย์มีข้อเสนอแนะ หรือคิดเห็นแต่ประการใด ก็จะยินดีมากเลยครับผม
แต่ว่า...
บันทึกผมไม่มีเรื่อง "ผึ้ง" นะครับ
สนใจสุนทรียสนทนา ช่วยแนะนำด้วยครับ