ข่าวดี! คนเงินเดือนต่ำกว่า 1.4 หมื่น รัฐช่วยคนละ 2 พัน


มติครม12มกราคม52

ข่าวดี! คนเงินเดือนต่ำกว่า 1.4 หมื่น รัฐช่วยคนละ 2 พัน

ครม. ไฟเขียวช่วยคนเงินเดือนต่ำกว่า 1.4 หมื่นบาทคนละ 2 พันบาท/เดือน เป็นเวลา 6 เดือน เริ่มจ่ายได้ในเดือน เมษายนนี้

นายบัณฑูร สุภัควณิช ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติวงเงินงบประมาณกลางปี 2552 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.167 แสนล้านบาท โดยได้ปรับลดลงจากกรอบเดิมที่เสนอมา 1.2 แสนล้านบาท

ทั้งนี้ งบประมาณดังกล่าวจะมีการจัดสรรให้กับ 18 โครงการ เน้นไปที่การแก้ปัญหาด้านแรงงาน การช่วยเหลือค่าครองชีพให้กับผู้มีรายได้ประจำ และส่วนหนึ่งราว 1.9 หมื่นล้านบาทตั้งไว้เป็นงบชดเชยเงินคงคลังที่จะนำออกมาใช้จ่ายก่อนเพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการกระตุ้นเศรษฐกิจ

"หน่วยงานต่างๆ จะนำเสนอรายละเอียดของการจัดสรรงบประมาณตามกรอบดังกล่าวให้ ครม. พิจารณาอีกครั้งในวันที่ 20 มกราคมนี้"

นายบัณฑูร กล่าวว่า ครม. ยังได้อนุมัติหลักการแนวทางการช่วยเหลือค่าครองชีพให้กับมนุษย์เงินเดือน ที่เป็นสมาชิกกองทุนประกันสังคม(สปส.) และบุคลากรภาครัฐ ซึ่งจะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขมีเงินเดือนต่ำกว่า 1.4 หมื่นบาท จะได้รับเงินช่วยค่าครองชีพคนละ 2 พันบาท/เดือน เป็นเวลา 6 เดือน เริ่มจ่ายได้ในเดือนเมษายนนี้

ทางด้าน นายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ได้ให้นโยบายกับคณะกรรมการ สปส. พิจารณาปรับลดเงินสมทบให้กับนายจ้างและลูกจ้าง ฝ่ายละ ร้อยละ 1.5 จากปกติที่จ่ายฝ่ายละ ร้อยละ 5 หรือจ่ายสมทบเพียงฝ่ายละ ร้อยละ 3.5 เป็นเวลา 1 ปีแทน ซึ่งจะรักษาลูกจ้างให้อยู่ในระบบการจ้างถึง 1 ล้านคน เพราะหากไม่ทำอะไรเลย จะมีคนถูกเลิกจ้าง 1 ล้านคน สปส.จะสูญเงินที่ผู้ประกันตนส่งสมทบปีละ 11.475 ล้านบาท และต้องจ่ายเงินประกันกรณีว่างงานอีก 3 หมื่นล้านบาท รวมแล้วกองทุนขาดรายได้ปีละ 41,475 ล้านบาท แต่หากลดเงินสมทบฝ่ายละ 1.5% จะรักษาไม่ให้มีคนตกงาน 1 ล้านคน เงินกองทุนจะหายไปเพียงปีละ 20,000 ล้านบาทเท่านั้น และ สปส. จะรักษาให้เงินอยู่ในระบบได้กว่า 20,000 ล้านบาท
"เรื่องนี้ขึ้นกับบอร์ด สปส.จะพิจารณาในวันที่ 20 มกราคมนี้ หากบอร์ด สปส. เห็นชอบ ก็ต้องเสนอ ครม. ให้แก้กฎหมายประกันสังคม และให้มีย้อนหลังตั้งแต่เดือนมกราคมนี้" นายไพฑูรย์ กล่าว

เปิดโพย "งบฯแสนล้าน" กระตุ้นเศรษฐกิจ "ครม.มาร์ค" ควักภาษีแจก "คนไทย" ทั่วหน้า

คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 12 มกราคม อนุมัติรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมในปีงบประมาณ 2552 วงเงิน 115,000 ล้านบาท

หมายเหตุ : คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 12 มกราคม อนุมัติรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมในปีงบประมาณ 2552 วงเงิน 115,000 ล้านบาท รายละเอียดดังนี้

1.โครงการการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ
เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากวิกฤตเศรษฐกิจที่มีต่อประชาชนและบุคลากรภาครัฐที่มีรายได้ต่ำ ประกอบด้วยผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม จำนวน 8,009,200 ราย และข้าราชการ ลูกจ้าง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล จำนวน 1,476,623 ราย โดยรัฐบาลจะช่วยเหลือค่าครองชีพให้รายละ 2,000 บาท

2.โครงการ 5 มาตรการ 6 เดือน เพื่อลดค่าครองชีพของประชาชน
เพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชาชนเกี่ยวกับการเดินทางและการใช้บริการด้านสาธารณูปโภคที่เกี่ยวกับการใช้ไฟฟ้า และน้ำประปา ที่ประชาชนได้รับประโยชน์เป็นจำนวนมาก จึงสมควรดำเนินมาตรการดังกล่าวต่อเนื่องไปอีก 6 เดือน โดยปรับมาตรการเดิมให้สอดคล้องกับสภาวะทางเศรษฐกิจ และอยู่บนหลักการของการใช้และบริโภคอย่างประหยัด เช่น ปรับจำนวนการใช้น้ำประปาลงเหลือ 30 ลูกบาศก์เมตร/เดือน และการใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วย/เดือน เป็นต้น

3.โครงการจัดทำและพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อเกษตรกร
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรน้ำเพื่อการบริการทางการเกษตร รวมทั้งขยายระบบการกระจายน้ำในพื้นที่ชลประทานให้ใช้ประโยชน์ได้เต็มศักยภาพ บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้มีน้ำสำหรับการเกษตร และการอุปโภคบริโภค

4.โครงการก่อสร้างทางในหมู่บ้าน
เพื่อให้ประชาชนในท้องถิ่นชนบท สามารถเดินทางและขนส่งผลิตผลทางการเกษตรได้ตลอดฤดูกาลด้วยความสะดวกและปลอดภัย รวมทั้งช่วยลดปัญหาด้านสุขภาพอันเนื่องมาจากฝุ่นละออง กระตุ้นเศรษฐกิจจากการลงทุนก่อสร้างทางประมาณ 490 กิโลเมตร เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

5.โครงการด้านพาณิชย์เพื่อช่วยเหลือประชาชน
เพื่อให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีความจำเป็นต่อการครองชีพ มีราคาที่เป็นธรรม สะท้อนต้นทุนอย่างเหมาะสมและไม่เอาเปรียบผู้บริโภค ภายใต้
โครงการธงฟ้าลดค่าครองชีพŽ รวมทั้งจ้างบัณฑิตเพื่อดำเนินโครงการดังกล่าวในทุกจังหวัดทั่วประเทศ

6.โครงการสนับสนุนด้านการท่องเที่ยว
จากวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยรัฐบาลจึงมีโครงการสนับสนุนด้านการท่องเที่ยว โดยการจัดกิจกรรมท่องเที่ยวในภูมิภาคต่างๆ ปรับปรุงพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให้มีคุณภาพ 18 แห่ง พัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยวในชุมชน 160,000 คน รวมทั้งการประชาสัมพันธ์และสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศและดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศให้เข้ามาเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น

7.โครงการแหล่งน้ำขนาดเล็กเพื่อการจัดการน้ำ
เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารการจัดการน้ำโดยเน้นการฟื้นฟูและอนุรักษ์แหล่งน้ำในระดับชุมชน ช่วยลดต้นทุนการผลิตทางการเกษตร

8.โครงการส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมอาหารและอุตสาหกรรมเอสเอ็มอี
จัดตั้งงบฯเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมอาหารและอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง และความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเพื่อลดต้นทุน และเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้าและการพัฒนาความสามารถของผู้ประกอบการ

9.โครงการฟื้นฟูความเชื่อมั่นและเสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศ
เพื่อเร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่นและแก้ไขฟื้นฟูภาพลักษณ์ของประเทศ ในมิติด้านเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว และการมีนิติรัฐในลักษณะบูรณาการ เพื่อสร้างความมั่นใจจากประเทศคู่ค้า นักลงทุน และนักท่องเที่ยวต่างชาติให้กลับคืนมาลงทุนและท่องเที่ยวในประเทศโดยเร็ว

10.โครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี
เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของผู้ปกครอง และขยายโอกาสทางการศึกษาแก่เด็ก เยาวชนอย่างทั่วถึงและเสมอภาค รัฐบาลจึงเพิ่มการสนับสนุนปัจจัยด้านการศึกษาในลักษณะให้เปล่าเพิ่มเติมเดิม ได้แก่ อุปกรณ์/หนังสือเรียน ชุดนักเรียน และการพัฒนาโรงเรียน ครอบคลุมนักเรียนตั้งแต่อนุบาลถึงมัธยมปลาย รวม 15 ปี ให้กับโรงเรียนสังกัดกระทรวงศึกษาธิการและสังกัดหน่วยงานอื่น ได้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โรงเรียน ตชด.) กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ และเมืองพัทยา

11.โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน
เพื่อให้ทุกหมู่บ้านและชุมชนได้รับโอกาสในการเข้าถึงแหล่งงบประมาณของภาครัฐอย่างรวดเร็ว ครอบคลุมทั่วถึง และมุ่งขับเคลื่อนให้ทุกภาคส่วนในหมู่บ้านและชุมชนร่วมกันบริหารจัดการและพัฒนาศักยภาพของตนเองที่มีอยู่เดิมให้มีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น สร้างงาน สร้างรายได้ ลดต้นทุนและปัจจัยการผลิตทางการเกษตร โดยจะจัดสรรงบประมาณตามขนาดของประชากรให้ครบทุกหมู่บ้านและชุมชนทั่วประเทศ ซึ่งจะทำให้ทุกหมู่บ้านและชุมชนจะได้รับเงินเป็น 2 เท่าของที่ได้รับจากโครงการเดิม

12.โครงการสร้างหลักประกันด้านรายได้แก่ผู้สูงอายุ
เพื่อสร้างหลักประกันด้านรายได้ให้แก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่เพียงพอต่อการยังชีพหรือไม่สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองได้ จึงได้จัดเบี้ยยังชีพให้แก่ผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปทุกคน ที่แสดงความจำนงโดยขอขึ้นทะเบียนเพื่อขอรับการสงเคราะห์ อีก 3,000,000 คน

13.โครงการเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน
เพื่อรองรับปัญหาแรงงานว่างงานจากภาคอุตสาหกรรมและนักศึกษาที่จบใหม่ โดยจัดฝึกอบรมแรงงานที่ว่างงานตามกลุ่มความถนัด ศักยภาพและรองรับแรงงานกลับสู่ภูมิลำเนา เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่วิสากิจและธุรกิจชุมชน กำหนดเป้าหมาย 240,000 คน

14.โครงการส่งเสริมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เชิงรุก
เพื่อส่งเสริมบทบาท อสม. ทั่วประเทศให้ปฏิบัติการเชิงรุก ในการปฏิบัติงานส่งเสริมสุขภาพในท้องถิ่นและชุมชน การดูแลผู้สูงอายุ คนพิการ การดูแลผู้ป่วย และเฝ้าระวังโรคในชุมชน เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจของ อสม. ทั่วประเทศ 834,075 คน

15.โครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยข้าราชการตำรวจชั้นประทวน
สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีข้าราชการตำรวจที่ยังขาดแคลนที่พักอาศัย 32,530 หน่วย จึงจัดสรรงบฯก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยให้ข้าราชการตำรวจชั้นประทวน ครอบคลุมทุกพื้นที่ที่ขาดแคลน 532 แห่ง แห่งละ 3.4 ล้านบาท

16.โครงการปรับปรุงสถานีอนามัย
เป็นการเพิ่มพื้นที่ในการให้บริการด้านสาธารณสุขแก่ประชาชน โดยเฉพาะผู้สูงอายุและคนพิการ โดยปรับปรุงพื้นที่อาคารสถานีอนามัยทั่วประเทศ 2,609 แห่ง เพื่อให้ประชาชนสามารถมาเข้ารับบริการทางการแพทย์ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะก่อให้เกิดการจ้างแรงงานในชุมชน

17.เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
เพื่อสำรองไว้สำหรับจัดสรรเป็นค่าใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นให้แก่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น

18.รายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง
เพื่อชดใช้เงินคงคลังที่ได้จ่ายไปแล้วตามพระราชบัญญัติเงินคงคลัง พ.ศ.2491 มาตรา 7 (1) รายการเงินเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ และรายการค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลข้าราชการ ลูกจ้าง และพนักงานของรัฐ

------------------------

 

หมายเลขบันทึก: 236281เขียนเมื่อ 20 มกราคม 2009 13:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 04:39 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ดีใจจัง มีข่าวดี ๆๆอย่างนี้บอกเราอีกนะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท