เดือนสองเดือนให้หลัง ผมเดินทางอยู่บ่อยครั้งได้พบเจออะไรหลายอย่างที่แปลกใหม่
ขณะที่บางครั้งก็พอเจอในเรื่องเดิมๆ
แต่ถึงกระนั้น ทั้งเรื่องราวเก่าๆ และใหม่ๆ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นต้นทุนที่ดีของการก้าวเดินของชีวิตผมเสมอมา
ภายหลังการเข้ามาดูแลงานหอพักนิสิตอย่างเต็มตัว ก็เท่ากับว่า ผมมีงานต้องกำกับดูแลเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว และนั่นก็หมายถึง การใช้ความคิดมากขึ้นกว่าเดิม จนในแต่ละวัน ผมก็เกิดอาการอ่อนล้าทางสมองอย่างเห็นได้ชัด ครั้นกลับถึงที่พักก็แทบล้มพับไปในชั่วฉับพลัน
ภาวะเช่นนั้น ส่งผลให้ผมไม่ใคร่ได้หวนกลับเข้ามาใน G2K อย่างที่ใจปรารถนา
หลายต่อหลายครั้ง พยายามอย่างมากกับการเขียนบันทึก แต่จนแล้วจนรอด ก็เขียนไม่สำเร็จ จึงจำต้องพักวางไว้เฉยๆ เพราะขืนดันทุรังคิดๆ เขียนๆ ก็รั้นแต่จะทำร้ายตัวเองไปเปล่าๆ
การพยายามเขียนในแต่ละครั้ง ไม่ถึงกับเป็นความทุกข์ยากทางกายและใจ เพราะผมเองก็รู้และตระหนักเสมอมาว่า การได้เขียนบันทึกนั้น ถือเป็นความสุขอันยิ่งใหญ่ที่ผมสัมผัสได้อย่างไม่กังขา
วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่ผมใช้ชีวิตอยู่ในการงานแทบทั้งวัน โดยปล่อยให้สองหนุ่มน้อยอยู่กับย่าในห้องพัก
วันนี้ - งานหอพักได้จัดโครงการเสริมอาชีพให้กับนิสิตหอพัก โดยการเชิญวิทยากรมาอบรมให้ความรู้ในเรื่องของการทำขนมนมเนยให้แก่นิสิตหอพัก ซึ่งมีนิสิตเข้าร่วมในราวๆ 70 กว่าคน
การอบรมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากอาจารย์จุฑารัตน์ หะมณี มาเป็นวิทยากร ซึ่งท่านก็เป็นบุคลากรในสังกัดของวิทยาลัยสารพัดช่างมหาสารคาม
ส่วนขนมที่นำมาอบรมในครั้งนี้มีทั้งหมด 2 ชนิดด้วยกัน นั่นคือ กระหรี่พัฟ และเปาะเปี๊ยะทอด
อันที่จริง หากจะเรียกขนมทั้งสองชนิดนี้ว่า “อาหารว่าง” ก็คงไม่ผิดนัก
เพราะส่วนใหญ่เราก็ทานกันเป็นอาหารว่างจริงๆ
ส่วนนิสิตที่เข้าอบรมในครั้งนี้ก็มีนัยว่าเข้าร่วมกิจกรรมภายใต้แนวคิดการใช้ “เวลาว่าง” ให้เกิดประโยชน์ด้วยเหมือนกัน
รวมถึงการวาดหวังอย่างบางเบาว่า ความรู้ที่ได้รับในวันนี้ จะก่อเกิดเป็นแรงฉุดให้พวกเขานำไปสร้างรายได้ให้กับตัวเองในอนาคต
หรือไม่ก็สามารถทำทานกันได้เอง เป็นการสร้างสุขในชายคาบ้านของตัวเองไปในตัว
เท่าที่ผมสังเกตนั้น นิสิตส่วนใหญ่ดูจะให้ความสำคัญและสนใจเกี่ยวกับการเรียนรู้ค่อนข้างมาก
จำนวนนิสิตเกือบร้อยคนทำให้อาคารประกอบการของหอพักเล็กแคบไปถนัดตา
แต่ละคนคึกคักและครึกครื้นเป็นพิเศษ ได้ทาน ได้ชิมฝีมือของตนเองอย่างไม่เขินอาย
ขณะที่หลายต่อหลายคน ก็เชื้อเชิญให้เพื่อนๆ พี่ๆ ได้ลองลิ้มชิมรสฝีมือของตัวเองอย่างเอาจริงเอาจัง
ผมเฝ้ามองบรรยากาศอย่างใกล้ชิด
ฉากชีวิตที่เคลื่อนไหลในเวทีกิจกรรมนี้ดำเนินไปอย่างมีชีวิตชีวา
แต่ละคนดูประหนึ่งมีความสุขกับการเรียนรู้นี้อย่างชัดเจน ซึ่งก็น่าจะเป็นทำนองนั้นแหละ เพราะการได้ทำอะไรด้วยตนเองก็ย่อมนำพาความสุขมาเยือนตัวเองอยู่อย่างไม่ต้องสงสัย
และความสุขที่ว่านั้น ก็รวมความถึงนัยแห่งการได้เห็นคุณค่าในตัวเองด้วยเช่นกัน
ในช่วงของการสังเกตการณ์นั้น
ผมมีโอกาสได้คุยกับเจ้าหน้าที่หอพัก 4-5 คนอย่างจริงๆ จังๆ ส่วนหนึ่งเป็นการพูดคุยในมิติของการแลกเปลี่ยนทางความคิด โดยเฉพาะประเด็นของกิจกรรมที่จัดขึ้นในวันนี้
ส่วนหนึ่งที่ผมสะท้อนออกไปนั้น...
ผมบอกกล่าวว่า กิจกรรมในทำนองนี้เป็นเรื่องที่ดีและควรจัดให้ต่อเนื่อง แต่ก็ต้องไม่ลืมที่จะสำรวจความคิดเห็น หรือความต้องการของนิสิตด้วย
เช่นเดียวกันนี้ กิจกรรมในทำนองนี้ไม่อยากให้คิดแต่เพียงว่าเป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นให้นิสิตได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ทั้งในมิติความรู้ การได้เพื่อน และการมีรายได้ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
แต่ควรคิดระบบให้รองรับวิธีการ หรือกิจกรรมนี้ด้วย
เป็นต้นว่า ควรตั้งงบประมาณขึ้นมาสักก้อน เสร็จแล้วก็เปิดให้นิสิตมากู้ยืมเงินดังกล่าวไปเป็นทุนรอนทำขนมขาย พร้อมๆ กับการจัดหาตลาด หรือกลุ่มผู้บริโภครองรับให้กับนิสิตกลุ่มนี้ไปในตัว
เมื่อสิ้นปีการศึกษา ก็ให้นิสิตนำเงินทุนที่นี้มาส่งคืน เพื่อให้คนอื่นๆ ได้มากู้ยืมหมุนเวียนต่อๆ กันไป
วิธีคิดของผมนั้น ไม่ใช่เรื่องไกลเกินฝัน
เพราะในแต่ละปี งานหอพักนิสิต มีรายได้เข้ามาเป็นหลักล้าน เพียงเจียดมาเป็นกองทุนให้นิสิตได้กู้ยืมไปประกอบอาชีพบ้างก็ไม่น่าจะเสียหายอะไรมาก ตรงกันข้ามกลับจะทำให้กิจกรรมนี้เกิดประโยชน์แก่นิสิตมากกว่าการอบรมแล้วก็ทิ้งไปเฉยๆ ปล่อยให้นิสิตตะกายไปหาเงินทองมาลงทุนกันเอง
ส่วนตลาด หรือกลุ่มผู้บริโภคนั้น
ผมเองก็ไม่ได้มีหัวทางธุรกิจเลยแม้แต่สักนิด แต่ก็บอกไปตามตรงว่า การประชุมในแต่ละครั้ง หากต้องมีอาหารว่าง ก็ควรจ้างนิสิตกลุ่มนี้แหละเป็นคนทำให้
รวมถึงการประชาสัมพันธ์ไปยังหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อร่วมส่งเสริมและสนับสนุนให้นิสิตได้นำความรู้ไปสร้างรายได้ให้กับตัวเอง
และสำหรับครั้งนี้ มันก็ควรเริ่มจากเราก่อนนี่แหละ ...
ดังนั้น ก่อนแยกย้ายกันไป ผมจึงมอบนโยบายแบบหักดิบไว้อย่างข้นๆ ว่า ...”ในวันเปิดหอพักนั้น นอกจากซุ้มอาหารจากหอพักต่างๆ แล้ว ขอให้จัดเงินสักก้อนให้กับนิสิตกลุ่มนี้ เพื่อให้พวกเขานำไปลงทุนทำกระหรี่ฟัฟกับปอเปี๊ยะทอด เสร็จแล้วก็มาแจกจ่ายให้ชาวหอพักได้ร่วมทานกันถ้วนหน้า จะได้เป็นการต่อยอดกิจกรรมนี้ และเป็นการส่งเสริมให้นิสิตได้นำความรู้จากเวทีนี้ไปแปรรูปเป็นรายได้เสริมเล็กๆ น้อยๆ...”
ผมไม่รู้หรอกว่า นิสิตที่เข้ารับการอบรมในวันนี้จะเห็นด้วย, หรือสนใจในวิธีคิดของผมบ้างหรือเปล่า ?
แต่สำหรับผมแล้ว ผมถือว่า คงไม่เสียหายอะไรนักหรอก
เพราะอย่างน้อยที่สุด ถ้าไม่มองในมิติของนิสิต
ผมก็หวังแต่เพียงว่าเจ้าหน้าที่หอพักจะเปลี่ยนมุมมองการทำงานกันใหม่ อะไรที่ควรต่อยอด ก็ควรต้องมีแผนรองรับอย่างที่ควรจะเป็น -
ดีจังค่ะ
น่าอร่อยจังนะคะ
แวะมาอ่านและทักทายค่ะ
มีความสุข รักษาสุขภาพนะคะ
สวัสดีครับ..@..สายธาร..@
บันทึกนี้น่าจะเป็นบันทึกแรกของการเขียนถึงหน้าที่การงาน หรือกิจกรรมของชาวหอพักที่ผมได้มีโอกาสเข้าไปดูแล วันนี้ก็เช่นกัน ผมมีโปรแกรมจะไปบรรยายให้คณะกรรมการหอพัก ได้รับฟังถึงแนวคิดในการปรับเปลี่ยนบทบาทและสถานะของการทำงาน
เป็นเรื่องใหม่, และเป็นเรื่องท้าทายสำหรับผม
เป็นงานหนัก - แต่ถึงกระนั้น ก็ยังมีความสุขกับงานที่ทำ
ขอบคุณครับ
ประสบการณ์การเป็นเด็กหอ
ล้วนมีเรื่องราวมากมายให้ประทับใจและทรงจำค่ะ
... กับกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในหอพัก โดยเฉพาะหอใน
ยังจำได้ ว่าห้องที่พักได้รางวัล ชนะเลิศการปร้ะกวด ด้วยค่ะ
เป็นกำลังใจให้กับงานชิ้นใหม่ ภารกิจอันน่าท้าทายนะคะ
สวัสดีครับ คุณปู
วันนี้ชาวหอพักก็จะอบรมอาชีพอิสระอีกรอบ ซึ่งผมก็กำลังจะออกไปร่วมสังเกตการณ์และร่วมเป็นเกียรติด้วยเหมือนกัน
สิ่งเหล่านี้ คือหนึ่งในกระบวนการเรียนรู้ของนิสิต ครับ
สวัสดีครับ PASSAKORN TUAPRAKHON
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยม..เด้อ
ที่ม.ขอนแก่น มีกิจกรรมเหล่านี้ในหอพัก เหมือนกันหรือเปล่าครับ